ทดลองขับ(formula)
BMW i5 ยกระดับซีดานหรูจากตระกูลซีรีส์ 5 สู่ยุคพลังงานไฟฟ้า 601 แรงม้า
BMW i5 ยกระดับซีดานหรูระดับจากตระกูลซีรีส์ 5 ตำนาน เดินหน้าสู่ยุคแห่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยที่ยังคงผสมผสานสมรรถนะแบบสปอร์ทเข้ากับความหรูหรา มีระดับเอาไว้ได้อย่างลงตัว รวมเทคโนโลยีทุกด้าน ตั้งแต่ BMW eDrive รุ่นที่ 5 นวัตกรรมดิจิทัลมากมาย พละกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า และความสะดวกสบายที่มากขึ้น
ไฟหน้าทั้งคู่ มีหลอด LED จัดเรียงเป็นแถบในแนวตั้ง ที่เป็นทั้งไฟเลี้ยว และไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่ในเวลากลางวัน
ด้านข้างของตัวรถ ดูโฉบเฉี่ยวและทรงพลังด้วยแนวเส้นสายที่เด่นชัด เพิ่มสเกิร์ตข้างสีดำ มือจับประตูที่ออกแบบเรียบสนิทไปกับพื้นผิวของประตูรถ เสริมรายละเอียดอย่างตัวเลข 5 ที่ประดับอยู่บนเสา C พร้อมหลังคากระจกแบบพาโนรามา ส่วนท้ายรถไฟท้ายดีไซน์เรียบหรู
BMW i5 ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับชุดแต่งสไตล์สปอร์ทในแบบ M รอบคัน
สปอยเลอร์หลังดีไซน์ M สีเดียวกับตัวรถ ล้ออัลลอย M aerodynamic ขนาด 20 นิ้ว สีเทาเข้ม Black Grey แบบสลับสี และคาลิเพอร์เบรค สีน้ำเงินเข้ม dark blue metallic สำหรับรุ่น i5 eDrive40 M Sport
สปอยเลอร์สีดำเงาแบบ high-gloss ล้ออัลลอย BMW Individual aerodynamic ขนาด 21 นิ้ว สีดำ Jet Black แบบสลับสี คาลิเพอร์เบรค สีแดง red high-gloss และชุดแต่งไฟหน้าสีดำ M Lights Shadow Line พิเศษสำหรับ i5 M60 xDrive
ในด้านสมรรถนะ i5 eDrive40 M Sport มีมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลัง 340 แรงม้า (250 กิโลวัตต์) พร้อมแรงบิด 40.8 กก.-ม. (400 นิวตันเมตร) และสามารถปรับแรงบิดได้สูงสุดถึง 43.8 กก.-ม. (430 นิวตันเมตรเมื่อเปิดใช้งานระบบ Sport Boost หรือ Launch Control และแบทเตอรีแรงดันไฟฟ้าสูงความจุ 81.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมงให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ 6 วินาที และมีระยะการขับขี่อยู่ที่ 497-582 กม. ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 501 กม. ตามมาตรฐาน NEDC
ตัวทอพอย่าง i5 M60 xDrive มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพลังงานไฟฟ้า BMW xDrive Electric กับชุดมอเตอร์ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 601 แรงม้า (442 กิโลวัตต์) และแรงบิด 81.1 กก.-ม. (795 นิวตันเมตร) หรือสูงสุด 83.6 กก.-ม. (820 นิวตันเมตร) เมื่อเปิดใช้งานระบบ M Sport Boost หรือ M Launch Control ทำให้ i5 M60 xDrive ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 230 กม./ชม. ด้วยแบทเตอรีแรงดันไฟฟ้าสูง ความจุ 81.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ทำให้มีระยะการขับขี่ถึง 455-516 กม. ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 466 กม. ตามมาตรฐาน NEDC
i5 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จไฟฟ้าสูง ด้วยหัวชาร์จแบบ Combined Charging Unit (CCU) รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC กำลังไฟ 22 กิโลวัตต์ และการชาร์จแบบไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุดที่ 205 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จไฟจาก 10% ถึง 80% ภายในเวลาเพียง 30 นาที
ภายในห้องโดยสารของ i5 ใหม่ มีความสปอร์ทในสไตล์ M เด่นชัด ด้วยพวงมาลัยหนังสไตล์ M ตกแต่งด้วย CraftedClarity ที่ทำจากแก้วคริสตัล เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Comfort พร้อมระบบปรับด้วยไฟฟ้า เสริมความหรูหราและสะดวกสบายด้วยระบบไฟส่องสว่างทั้งภายในและภายนอกห้องโดยสาร ม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารที่เบาะหลัง และชุดอุปกรณ์ Travel & Comfort
ห้องโดยสารด้านในของ i5 eDrive40 M Sport จะมาพร้อมกับสี Dark Silver M ประดับด้วยขอบ Aluminium Rhombicle
i5 M60 xDrive ตัวรถสีขาว ภายในสีน้ำตาลอมส้ม
i5 M60 xDrive ตัวรถสีเทาเข้ม และน้ำเงิน ภายในสีเทา
ในขณะที่ i5 M60 xDrive จะมาพร้อมสี Dark Silver M accent ที่ผสมผสานเข้ากับวัสดุ Carbon Fibre และขอบสีเงิน high-gloss silver
หน้าจอโค้ง BMW Curved Display ที่แบ่งเป็นจอ Information Display ขนาด 12.3 นิ้ว และจอแสดงระบบควบคุม Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว บนระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ QuickSelect สามารถใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ผ่านไอคอนที่จัดเรียงมาในรูปแบบแถวแนวตั้งด้านข้างคนขับ ช่วยลดระยะเวลาในการใช้งานเมนูย่อยก่อนการเปิดใช้ฟีเจอร์นั้น ๆ
นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลแบบโค้ง BMW Curved Display ยังทำงานควบคู่ไปกับระบบ BMW iDrive ควบคุมง่ายดายผ่านระบบหน้าจอสัมผัส ปุ่มคำสั่งบนพวงมาลัย และอุปกรณ์ควบคุม BMW iDrive Controller ที่บริเวณกลางคอนโซล นอกจากนี้ แพคเกจ BMW Live Cockpit Professional ยังมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล BMW Head-Up Display และมุมมองแบบ Augmented View ซึ่งสามารถใช้งานเป็นหน้าจอสำหรับควบคุมการใช้งานด้านต่าง ๆ หรือจะใช้เป็นเป็นหน้าจอเสริมแบบ instrument cluster
ในขณะที่ i5 eDrive40 M Sport พร้อมส่งมอบความบันเทิงอย่างเต็มที่ ด้วยระบบเสียง hi-fi จากแบรนด์ Harman Kardon ที่ใช้ลำโพงถึง 12 ตัวและแอมป์ดิจิตอล มีกำลังขับรวม 205 วัตต์ รวมทั้งยังสามารถปรับแต่งรูปแบบเสียงได้ตามต้องการ
ส่วน i5 M60 xDrive ใช้ระบบเสียงรอบทิศทางจากแบรนด์ระดับโลก Bowers & Wilkins (เป็นครั้งแรกบนซีรีส์ 5) ลำโพงทั้งหมด 17 ตัว มีกำลังขับรวมถึง 655 วัตต์ ตัวปรับรูปแบบเสียง 7 แบนด์ และลำโพงเสียงเบสโดยเฉพาะที่ติดตั้งไว้ภายใต้ขอบโลหะบริเวณประตูรถ
แถบ BMW Interaction Bar ที่ประดับด้วยขอบคริสตัลที่ครอบคลุมทั้งแถบไปจนถึงบานประตู ให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้งานได้ผ่านหน้าจอสัมผัส ทั้งยังส่งมอบบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่สามารถปรับแต่งได้ถึง 6 แบบตามรสนิยมเจ้าของ ได้แก่ Personal, Efficient, Sport และ Sport+, Expressive และ Relax
เย็นสบายด้วยระบบการปรับอุณหภูมิ ความแรงลม และการระบายอากาศแบบแยกโซน รวมไปถึงระบบการตั้งโปรแกรมเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 5 ระดับ เซนเซอร์แสงอาทิตย์ที่ด้านหลัง และระบบกรองฝุ่นละอองระดับนาโนพาร์ทิเคิล (nano particulate filters) ให้อากาศที่บริสุทธิ์ตลอดระยะเวลาการเดินทาง
นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 ของ i5 ยังมีความสนุกไปอีกขั้นด้วยการให้ผู้ใช้เข้าถึงคอนเทนท์ดิจิทัลได้หลากหลายรูปแบบยิ่งกว่าทุกครั้ง ครอบคลุมทั้งข้อมูลสำคัญและเนื้อหาด้านความบันเทิง รวมทั้งยังมีการอัพเดทที่รวดเร็วฉับไวยิ่งกว่าเดิม โดยหนึ่งในไฮไลท์สำคัญก็คือแพลตฟอร์ม AirConsole ที่ให้ผู้ขับและผู้โดยสารสามารถเล่นเกมได้อย่างสนุกสนาน ในขณะที่ยานพาหนะจอดอยู่กับที่เพื่อให้ทุกคนยังสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ด้านความบันเทิงแม้ในขณะที่กำลังจอดชาร์จรถก็ตาม
i5 นอกจากมีสมรรถนะแบบสปอร์ท ยังให้ความสะดวกสบาย เช่นเดียวกับซีรีส์ 5 รุ่นก่อน ๆ ด้วยความกว้างของตัวรถที่มากขึ้น การกระจายน้ำหนักหน้า/หลังในอัตราส่วน 50:50 และโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบา แต่แข็งแกร่ง ประกอบกับช่วงล่างของ i5 ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับระบบ Adaptive Suspension Professional ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมด้วยระบบปรับองศาล้อหลังขณะเข้าโค้ง (Integral Active Steering)
ในขณะขับขี่บนท้องถนน i5 มีระบบ Driving Assistant Professional ที่รวมทั้งระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยและการเปลี่ยนเลน (Steering and Lane Change Assist) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go (Active Cruise Control with Stop & Go function) ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 210 กม./ชม.
ในการจอดรถ ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ Parking Assistant รุ่น Plus จะใช้กล้อง ควบคู่กับระบบคลื่นอัลตราซาวน์ ผ่านระบบช่วยจอดรถ Parking Assistant ระบบช่วยถอยรถ Reversing Assistant ระบบเตือนระยะห่าง Active Park Distance Control ระบบการช่วยจอดแบบ Lateral Parking Aid และระบบกล้องรอบทิศทาง Surround View โดยผู้ขับขี่สามารถดูสภาพแวดล้อมรอบตัวรถได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยภาพแบบ 3 มิติผ่านแอปพลิเคชัน My BMW นอกจากนี้ ยังสามารถซื้อฟังก์ชัน BMW Drive Recorder ที่บันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบความละเอียดสูงจากกล้องรอบทิศทางได้จาก BMW ConnectedDrive Store
BMW I5 ยกระดับซีดานหรูตระกูล 5 SERIES เข้าสู่ยุคพลังงานไฟฟ้า โดยที่ยังคงผสมผสานความหรูหราเข้ากับสมรรถนะแบบสปอร์ท กับชุดมอเตอร์ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 601 แรงม้า สามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 230 กม./ชม. สำหรับ i5 M60 xDrive ราคา 5,599,000 บาท ก็คุ้ม แต่ถ้าจะเลือกที่รองลงมา i5 eDrive40 M Sport ราคา 4,999,000 บาท 340 แรงม้า กับตัวเลข 6 วินาที ก็ประหยัดไปอีก 6 แสนบาท
ราคานี้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
https://drive.google.com/file/d/1_ti-RFAaYCpix5lGjiOapdvRoV7aSVFB/view?usp=drive_link
ทดลองขับ BMW i5 รอบนี้ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย นำสื่อมวลชนเปิดประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับที่มาพร้อมกับสุดยอดเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ตามแบบฉบับของ BMW แบบไร้มลพิษ ในงาน BMW Beyond Electric ครั้งที่ 2 นอกจากซีดานหรู BMW i5 ใหม่ ยังจัดสุดยอดรถพลังมอเตอร์ไฟฟ้าอีกหลายรุ่น ได้แก่ i4 eDrive35 M Sport, iX xDrive40 Sport, iX xDrive50 Sport และ i7 xDrive60 M Sport
โดยการทดสอบสมรรถนะรถยนต์ครั้งนี้จัดขึ้นที่สนามแข่งรถปทุมธานี สปีดเวย์ จังหวัดปทุมธานี เพื่อให้สื่อมวลชนได้เรียนรู้เทคโนโลยีการขับขี่ เทคนิคการขับขี่และการชาร์จไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมได้ทดลองระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ล้ำสมัยในสถานีกิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย การทดสอบสมรรถนะรถยนต์ด้วยเทคนิคการขับแบบสลาลม (Slalom) การควบคุมรถขณะเข้าโค้ง (Oversteer) และฝึกการใช้งานระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) และทดสอบประสิทธิภาพระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive และระบบปรับองศาล้อหลังขณะเข้าโค้ง (Integral Active Steering) เพื่อให้สื่อมวลชนได้ทดสอบประสิทธิภาพของเทคโนโลยีและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มที่
สำหรับงาน BMW Beyond Electric Chapter II จะเปิดให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไปได้ทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยู ‘i’ หลากหลายรุ่น ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ ระหว่างวันที่ 3 ถึง 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 พร้อมเรียนรู้เทคโนโลยีการขับขี่ เทคนิคการขับขี่และการชาร์จไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ การทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้าและทดลองระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ล้ำสมัย ในกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจกับการใช้ในการใช้รถยนต์ไฟฟ้ายิ่งขึ้น โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่ https://bit.ly/3Qo5Coj
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย แนะนำบริการล่าสุด Proactive Care ที่นำข้อมูลและนวัตกรรม AI มายกระดับการดูแลลูกค้าไปอีกขั้น โดยระบบจะตรวจสอบและคาดการณ์ความจำเป็นในการเข้ารับบริการ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ขับขี่ และให้ข้อเสนอแนะก่อนนำรถยนต์เข้ารับบริการ
ระบบ Proactive Care จะสังเกตการณ์ข้อมูลของตัวรถในทุกด้าน นับตั้งแต่การวิเคราะห์การทำงานของยาง การแจ้งเตือนปัญหาต่าง ๆ ไปจนถึงรอบการเข้ารับบริการ ระบบจะนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ควบคู่ไปกับข้อมูลที่ผู้ขับขี่กำหนด และแจ้งข้อความแนะนำได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางแอป My BMW ผ่านระบบในตัวรถ ทางอีเมล ผ่านดีลเลอร์ที่กำหนด หรือแม้แต่โทรศัพท์จากบริการ Roadside Assistance นอกจากนี้ ระบบ Proactive Care ยังสามารถให้คำแนะนำในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการอัปเกรดซอฟต์แวร์ของตัวรถด้วยตนเอง การขอรับบริการขณะเดินทาง หรือแม้แต่การแนะนำศูนย์บริการ เป็นต้น
บริการ Proactive Care พร้อมให้ใช้งานแล้ววันนี้สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 7 (ตั้งแต่เวอร์ชั่น 07/2019) หรือใหม่กว่า โดยลูกค้าที่ใช้บริการจะต้องมีสัญญาใช้งานบริการ BMW ConnectedDrive พร้อมบันทึกข้อมูลรถยนต์ในแอป My BMW หรือหน้าเว็บ My BMW Portal ซึ่งรวมถึง BMW ID และรายละเอียดการติดต่อ และการยินยอมในเรื่องนโยบายความเป็นส่วนตัว และการอนุญาตให้ผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการสามารถติดต่อได้
ลูกค้าที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bmw.co.th หรือติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยูทั่วประเทศ