ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Aston Martin Vantage สปอร์ท จีที ที่มีประวัติยาวถึง 74 ปี โดยเจเนอเรชันล่าสุด ถูกผลิตตั้งแต่ปี 2561 และถึงเวลาปรับปรุงครั้งใหญ่ ทั้งการปรับโฉมภายนอก พร้อมระบบแมคานิค ตั้งแต่การปรับแคมชาฟท์, เซทระบบเกียร์ใหม่, ปรับแชสซีส์ และอีกหลายรายการ
หัวใจในการขับเคลื่อนของ Aston Martin Vantage ถูกปรับปรุงให้ขุมพลังจาก Mercedes-AMG แบบ วี 8 สูบ ความจุ 4.0 ลิตร มีกำลังเพิ่มเป็น 665 แรงม้า (เพิ่มจากรุ่นเดิม 153 แรงม้า) โดยมีการอัพเกรดเทอร์โบ เพิ่มบูสต์ เปลี่ยนแคมชาฟท์ชุดใหม่ และปรับอัตราส่วนแรงอัดใหม่ ทั้งยังปรับปรุงระบบระบายความร้อน ทั้งเครื่องยนต์, ระบบอัดอากาศ และเพิ่มขนาดออยล์คูเลอร์
ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ของ ZF ขับเคลื่อนล้อคู่หลัง ผ่านเฟืองท้ายลิมิเทด สลิพ ควบคุมการแบ่งกำลังด้วยระบบอีเลคทรอนิคส์ โดยมีอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 3.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 202 ไมล์ (325 กม./ชม.)
ขั้นตอนการประกอบ Aston Martin Vantage ใช้การเชื่อมติดด้วยกาว ทำให้โครงสร้างแชสซีส์มีความยืดหยุ่นเหนือกว่าการเชื่อมต่อแบบอื่น แล้วยังได้รับการปรับแชสซีส์ให้สามารถรองรับแรงบิดเพิ่มขึ้น พร้อมเปลี่ยนตำแหน่งคานขวางหน้า เปลี่ยนตำแหน่งจุดยึดของระบบรองรับ เพื่อความมั่นคงกว่าเดิม ถ่ายทอดความรู้สึกในการขับขี่ผ่านพวงมาลัยเพิ่มขึ้น และติดตั้งชอคอับ Bilstein DTX ที่ช่วยให้การควบคุมรถดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับซอฟท์แวร์ได้รับการปรับปรุงใหม่ สามารถปรับรูปแบบการยึดเกาะได้หลายโหมด, มีระบบช่วยการออกรถ, ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าได้รับการปรับเซทใหม่ ได้ทั้งสมรรถนะ และการควบคุมบนเส้นทางคดเคี้ยวดีขึ้น
ส่วนระบบเบรคได้รับการปรับปรุงเช่นกัน โดยด้านหน้าใช้จานเบรคขนาด 400 มม. คาลิเพอร์ 6 พอร์ท และด้านหลังใช้จานเบรคขนาด 360 มม. คาลิเพอร์ 4 พอร์ท และมีจานเบรคคาร์บอนเซรามิคให้เลือกใช้ด้วย ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยลดน้ำหนักได้ราว 27 กก.
นอกจากที่กล่าวมา Aston Martin Vantage ยังมีการปรับเปลี่ยนอีกหลายรายการ ที่เห็นได้ชัดว่าความกว้างตัวรถเพิ่มขึ้น, พื้นผิวตัวรถเปลี่ยนไป, กระจังหน้าขนาดใหญ่กว่าเดิมชัดเจน ฯลฯ
ขณะนี้ยังไม่ประกาศราคาเป็นทางการ แต่สามารถสั่งจองได้แล้ว และจะได้รับรถพร้อมทราบราคาได้ ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป