ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า บริษัท Rolls-Royce ได้รับอนุญาตการยื่นขอขยายฐานการผลิตใน Goodwood ประเทศอังกฤษ โดยจะก่อสร้างโรงงานเพิ่มอีกไม่นานจากนี้
การขออนุมัติขยายโรงงานครั้งนี้ ไม่ได้ขออนุมัติเพื่อการเพิ่มยอดการผลิตให้มากขึ้น แม้ในปี 2566 สามารถทำยอดการผลิตได้มากถึง 6,032 คัน โดยทาง Chris Brownridge ซีอีโอ Rolls-Royce แจ้งว่า เป็นการขยายโรงงาน เพื่อให้เพิ่มเนื้อที่สำหรับการผลิตรถสั่งทำที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว
โดยใช้แผนกลยุทธ์ “ก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่การเพิ่มปริมาณ หรือ Moving Forward isn’t to Grow Volume” เน้นการผลิตรถตามความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าของ Rolls-Royce ได้รับประสบการณ์พิเศษสุด
Chris Brownridge รับตำแหน่งต่อจาก Torsten Müller-Ötvös เมื่อปีที่แล้ว (2566) ขณะนั้นยังเป็นโรงงานผลิตรถ Rolls-Royce ที่มีกำลังการผลิตปีละ 1,500 คัน
นอกจากยอดการผลิตที่เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าตัว ความต้องการรถปรับแต่งพิเศษ เพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว ตลอดช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทางโรงงานได้ผลิตรถระดับสุดยอดที่มีจำนวนไม่กี่คัน โดยโมเดลล่าสุด คือ Rolls-Royce Droptail ที่ผลิตออกไป 4 คัน
Chris Brownridge กล่าวว่า การขยายโรงงานผลิตจะช่วยลดปัญหาคอขวดในกระบวนการผลิตในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น ห้องพ่นสีที่มีความสามารถพ่นสีแบบทูโทนได้เพียง 15 % ของยอดสั่งจอง ทั้งที่ลูกค้ามีความต้องการมากกว่า 50 % ของยอดสั่งจองทั้งหมด
Torsten Müller-Ötvös ซีอีโอคนเดิม บริหาร Rolls-Royce เป็นเวลาถึง 14 ปี โดย Chris Brownridge เป็นคนอังกฤษคนแรกที่บริหาร Rolls-Royce ภายใต้บริษัทแม่ BMW และเขามีประสบการณ์มากมายด้านการผลิต ทั้งเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารของ BMW ประจำสหราชอาณาจักร และผ่านงานหลากหลายหน้าที่ในกลุ่มบริษัท BMW ตลอดช่วงเวลา 30 ปี
Rolls-Royce ไม่ได้เป็นบริษัทเดียวในกลุ่มบริษัทของ BMW ที่เปลี่ยนผู้บริหาร เพราะ Mini ได้แถลงข่าวการแต่งตั้ง Stefan Richmann เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอแทน Stefanie Wurst ซีอีโอคนเดิม

