จุดสิ้นสุดของตรา GT-R R35 ในตำนาน จะยุติการผลิตในสหรัฐอเมริกา เดือนตุลาคม 2024
Nissan (นิสสัน) เปิดตลาดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบตำนานรถสปอร์ทที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่าง GT-R (จีที-อาร์) สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา ถือว่าครองใจแฟนๆ และวัยรุ่นอเมริกาที่ชื่นชอบอย่างล้นหลาม นับตั้งแต่การเปิดตัว Nissan GT-R R35 กว่า 17 ปี ได้สร้างความประทับใจ ทั้งสมรรถนะการขับขี่ และความตื่นเต้นสนุกสนานที่อยู่ในระดับที่ชนะซูเพอร์คาร์แบรนด์ดัง ทำให้เป็นที่ชื่นชอบ และหลงใหลอย่างมากจนได้ชื่อว่าเป็น "Supercar Killer"
สำหรับ GT-R R35 รุ่น Takumi Edition (ทาคูมิ เอดิชัน) จะสร้างขึ้นเพื่อเป็นการยกย่อง Takumi (ช่างฝีมือระดับปรมาจารย์) ที่ผลิต และประกอบเครื่องยนต์ GT-R ด้วยมือ การตกแต่งภายในสีเขียวมาพร้อมเบรค Carbon Ceramic พร้อมล้อลาย Forged Nismo Rays ขนาด 20 นิ้ว สีทอง และระบบควบคุมไดนามิคของรถที่ปรับแต่งโดย Nismo
ส่วน GT-R R35 รุ่น Skyline Edition (สกายไลน์ เอดิชัน) จะเป็นรุ่นที่มีราคาถูกกว่าเล็กน้อย ยกพื้นฐานมาจากรุ่น GT-R Premium เน้นปรับภายนอกมาพร้อมสีแบบพิเศษ Bayside Blue พร้อมการตกแต่งภายในด้วย Sora Blue หลังจากที่เคยใช้สีนี้กับรุ่น R34 Skyline GT-R ในตำนานได้ยุติการผลิตไป แต่ได้รับการฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เป็นสีพิเศษสำหรับรุ่นฉลองครบรอบ 50 ปี ในปี 2019 ที่ผ่านมา
GT-R R35 ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง VR38DETT เทอร์โบชาร์จ 6 สูบ V6 ขนาด 3.8 ลิตร ส่งกำลัง 565 แรงม้า และแรงบิด 64.6 กก.-ม. ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยในรุ่นพิเศษ Takumi edition จะมีแผ่นป้าย VIN สีทองในห้องเครื่องยนต์ และมีตราสัญลักษณ์พิเศษ เป็นลายเซ็นช่างฝีมือระดับปรมาจารย์ที่ประกอบเครื่องยนต์คันนี้ สื่อถึงความใส่ใจในรายละเอียดขึ้นสูงอีกด้วย
ราคาของ GT-R รุ่นพิเศษ ในตัว T-spec Takumi Edition จะอยู่ที่ 151,090 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 5.5 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีนำเข้า) สำหรับ Skyline Edition อยู่ที่ 131,090 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 4.8 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีนำเข้า) ทั้ง 2 รุ่นจะเริ่มจำหน่ายใน Nissan สหรัฐฯ ช่วงซัมเมอร์นี้ และทั้ง 2 รุ่นจะผลิตมาจำนวนจำกัดไม่ถึง 200 คันเท่านั้น สาวกที่ชื่นชอบรถสปอร์ทสาย JDM ชาวไทย คาดว่าจะมีข่าวดีสำหรับตัวแทนจำหน่ายนำเข้าตามมาในอนาคต