หลายคนจินตนาการถึงการขับขี่ออฟโรดว่าเป็นการเดินทางที่แสนยากลำบาก และสมบุกสมบัน อีกทั้งยังเป็นการทดสอบทักษะของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี เมื่อเร็วๆ นี้ Ford จึงแนะนำเทคนิคการขับขี่ออฟโรดให้แก่ผู้เข้าร่วมทริพการขับขี่รถยนต์ Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) ในต่างแดน เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่มีทักษะในการขับขี่ที่แตกต่างกัน
Ford Everest มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยที่จะพาคุณไปถึงจุดหมาย และกลับมาอย่างปลอดภัยไม่ว่าจะขับรถขึ้นเขา หรือใช้งานในโหมดลากจูง โหมดการขับขี่1 ที่ปรับการทำงานของรถให้เหมาะกับสภาพถนนที่หลากหลาย รวมถึงมีแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถ กล้องมองรอบทิศทางอันทันสมัย และระบบลอคเฟืองท้าย ทำให้การผจญภัยบนเส้นทางสมบุกสมบันเป็นไปได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่ยังต้องอาศัยความระมัดระวัง ความตั้งใจ และทักษะบางอย่างที่ไม่ได้ใช้บ่อยนักในชีวิตประจำวัน
ก่อนออกเดินทางไปออฟโรด ผู้ใช้งานควรตรวจสภาพรถยนต์ให้แน่ใจว่าพร้อมใช้งานมากที่สุด แนะนำให้ชวนเพื่อนขับขี่ออฟโรด2 ไปด้วยกันอย่างน้อย 2 คัน เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถช่วยเหลือกันได้ หากรถคันใดคันหนึ่งติดหล่มหรือเสียหาย ควรเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินต่างๆ ติดไปด้วยทุกครั้ง เช่น ชุดปฐมพยาบาล น้ำดื่ม เชือกสำหรับลากจูง โทรศัพท์มือถือ หรือโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม โดยสรุป Ford แนะนำเคล็ดลับสำหรับการขี่ออฟโรด ดังนี้
1. จับพวงมาลัยให้มั่น
ควรจับพวงมาลัยโดยให้นิ้วหัวแม่มือทาบอยู่บนขอบด้านนอกของพวงมาลัย วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหากพวงมาลัยหมุนกะทันหันขณะขับขี่บนพื้นผิวที่ขรุขระ คนขับควรปรับที่นั่งเพื่อให้มองเห็นด้านหน้าได้ชัดเจน ข้อดีของ Ford Everest คือ คุณสามารถมองเห็นขอบกระโปรงหน้ารถได้จากหลังพวงมาลัย ทำให้ควบคุมรถได้ง่ายแม้อยู่บนเส้นทางที่ท้าทาย
2. ขับให้ช้าที่สุดเท่าที่ทำได้
การขับรถเร็วนอกจากจะทำให้คุณมีเวลาน้อยลงในการตอบสนองหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ยังทำให้หยุดรถได้ช้าลงอีกด้วย ความเร็วสูงยังเพิ่มความเสี่ยงที่รถจะเสียหายเมื่อขับผ่านสิ่งกีดขวาง การขับช้าๆ ช่วยให้ระบบกันสะเทือนดูดซับแรงกระแทกเพื่อให้นั่งสบายมากขึ้น และทำให้มีเวลาสังเกตสิ่งรอบข้าง พร้อมคาดการณ์ และตอบสนองต่อสถานการณ์ได้มากขึ้น แม้บางอุปสรรคอาจต้องเร่งความเร็วให้ข้ามผ่านไปได้ เช่น การขึ้นเนินชัน แต่อุปสรรคส่วนมากควรขับผ่านด้วยความเร็วต่ำ จำไว้ว่า ควรขับช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเร็วเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
3. เลือกเส้นทางที่ดีที่สุด
มองดูทางข้างหน้า และเลือกเส้นทางที่มั่นใจว่าปลอดภัยที่สุด สิ่งสำคัญ คือ ต้องเลือกเส้นทางที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับใต้ท้องรถ ให้เลือกเส้นทางที่ล้อทั้ง 4 สัมผัสกับพื้นได้ตลอดเวลา หากเส้นทางแคบเป็นพิเศษ ชัน หรือมีสิ่งกีดขวางขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น ควรมี "ผู้สังเกตการณ์" หรือเพื่อนที่ลงจากรถมาช่วยนำทางผ่านอุปสรรคได้ นอกจากนี้ ควรใช้ประโยชน์จากกล้องมองหน้ารถที่มีเส้นบอกระยะแบบไดนามิคของ Ford Everest ด้วย บางครั้งคุณอาจพบหลุม บ่อระหว่างทาง แทนที่จะขับตรงเข้าหาหลุม และเสี่ยงกันชนครูด ควรขับลงหลุมแบบทำมุมเอียง ให้ล้อค่อยๆ ลงหลุมทีละล้อ
4. ควบคุมรถอย่างนุ่มนวล
ควรใช้คันเร่ง เบรค และการหมุนพวงมาลัยอย่างนุ่มนวล ควบคุมรถด้วยความรู้สึกมั่นใจอยู่เสมอ การเหยียบคันเร่งแบบกะทันหันอาจทำให้รถไม่ยึดเกาะถนนหรือสูญเสียการทรงตัว โดยเฉพาะบนพื้นผิวขรุขระ หรือมีสิ่งกีดขวางอย่างก้อนหิน หรือท่อนไม้ เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งกีดขวางที่ต้องใช้ความเร็วต่ำ การแตะเบรคเบาๆ ร่วมกับการใช้คันเร่งจะช่วยป้องกันไม่ให้รถกระตุก และช่วยให้ควบคุมรถผ่านสิ่งกีดขวางได้ง่ายขึ้น เกียร์ต่ำขับเคลื่อนสี่ล้อ (4L) มีประโยน์ในสถานการณ์เช่นนี้
5. ใช้เกียร์ต่ำ หรือเกียร์ต่ำสุดที่มี
การเปลี่ยนไปใช้เกียร์ต่ำบนเส้นทางออฟโรด2 จะช่วยให้ควบคุมรถได้ดีขึ้นในความเร็วต่ำ คุณจำเป็นต้องควบคุมรถให้ได้มากขึ้นเมื่อต้องขับขี่บนเส้นทางที่ท้าทาย หรือทางที่เต็มไปด้วยหินซึ่งมีแรงยึดเกาะน้อย หรือเมื่อต้องขับลงทางลาดชัน ผู้ขับขี่ Ford Everest เปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำได้เมื่อหยุดรถ และหมุนเปลี่ยนเกียร์ เกียร์ต่ำจะทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่บางโหมด เพื่อให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ
6. อย่าลืมใส่ใจลมยาง
การลดแรงดันลมยางของรถเป็นหนึ่งในเทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่แบบออฟโรด2 และเพิ่มความสบายภายในห้องโดยสาร อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของยาง และลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายทั้งต่อยาง และต่อเส้นทางที่ขับผ่าน อย่างไรก็ตาม ควรปล่อยแรงดันลมยางออกในกรณีที่สามารถเติมลมยางกลับคืนก่อนกลับสู่ทางเรียบได้เท่านั้น
พร้อมที่จะเลี้ยวกลับได้เสมอหากไม่มั่นใจ
แม้จะใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อสมรรถนะสูงอย่าง Ford Everest ที่มีโหมดการขับขี่ให้เลือก1 และมีระบบเกียร์ต่ำ แต่ผู้ขับขี่ยังคงต้องประเมินความเหมาะสมของสภาพเส้นทางออฟโรดด้วยตนเอง หากไม่มั่นใจที่จะขับผ่านเส้นทางข้างหน้า ให้หาเส้นทางอื่นอ้อมไป หรือกลับไปทางเดิมที่มา อย่าลืมว่าความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดเสมอเมื่อขับขี่ออฟโรด2
ตรวจสภาพรถก่อนเดินทางกลับ
ก่อนกลับสู่ทางเรียบ ควรจอดรถ และตรวจสอบรอบๆ ให้ละเอียดก่อน หากลดแรงดันลมยางลงก่อนหน้านี้ ก็อย่าลืมเติมลมกลับไปยังระดับที่เหมาะสมกับการขับขี่บนทางหลวง ตรวจสอบว่าป้ายทะ เบียนไม่ถูกโคลนบดบัง และรถไม่ได้รับความเสียหาย หากมีสิ่งของที่ผูกไว้บนหลังคาหรือในกระบะ ให้ตรวจสอบว่าสายรัดยังคงแน่นหนา และไม่มีสิ่งใดเคลื่อนที่ได้ การตรวจสอบเหล่านี้จะช่วยให้มั่น ใจว่าคุณพร้อมสำหรับการเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย
หมายเหตุ
เทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงไม่สามารถทดแทนการควบคุมโดยผู้ขับขี่ได้ รถอาจสูญเสียการควบคุมหากเลือกใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมกับพื้นที่
ควรศึกษาคู่มือการใช้งานก่อนขับขี่ออฟโรดเสมอ ควรศึกษาลักษณะภูมิประเทศ และระดับความยากของเส้นทางล่วงหน้า และใช้อุปกรณ์นิรภัยที่เหมาะสม