ธุรกิจ
สอท. เผยยอดขายกันยายน ลดลงต่ำสุดในรอบ 4 ปี
สอท. เผย เดือนกันยายน 2567 ผลิตรถยนต์ 122,277 คัน ลดลงร้อยละ 25.48 ขาย 39,048 คัน ต่ำสุดในรอบ 4 ปี 5 เดือน ลดลงร้อยละ 37.11 ส่งออก 80,254 คัน ลดลงร้อยละ 17.67 ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 1,481 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 148,000 ขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 4,574 คัน ลดลงร้อยละ 33.53
สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ร่วมเปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนกันยายน 2567 ดังต่อไปนี้
การผลิต
จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนกันยายน 2567 มีทั้งสิ้น 122,277 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 25.48 ลดลงจากการผลิตเพื่อส่งออกลดลงร้อยละ 15.78 และผลิตเพื่อขายในประเทศลดลงร้อยละ 42.31 ตามจำนวนส่งออก และขายในประเทศที่ลดลง แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 2.17
จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม-กันยายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,128,026 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 18.61
รถยนต์นั่ง เดือนกันยายน 2567 ผลิตได้ 50,685 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 12.80 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 34,205 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 21.43
• รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 1,481 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 148,000
• รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 554 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 21.76
• รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 14,445 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 2.21
ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2567 มีจำนวน 426,719 คัน เท่ากับร้อยละ 37.83 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 11.29 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 269,324 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 27.96
• รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 7,338 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 4,824.83
• รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 4,567 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 38.91
• รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 145,490 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 46.12
รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนกันยายน 2567 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม-กันยายน 2567 ผลิตได้ 10 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 89.80
รถยนต์บรรทุก เดือนกันยายน 2567 ผลิตได้ทั้งหมด 71,592 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 32.44 และตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 701,297 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 22.49
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนกันยายน 2567 ผลิตได้ทั้งหมด 70,646 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 30.86 และตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 687,195 คัน เท่ากับร้อยละ 60.92 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 21.72 โดยแบ่งเป็น
• รถกระบะบรรทุก 109,649 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 28.90
• รถกระบะ Double Cab 454,934 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 21.20
• รถกระบะ PPV 122,612 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 16.17
รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน-มากกว่า 10 ตัน เดือนกันยายน 2567 ผลิตได้ 946 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 74.99 รวมเดือนมกราคม-กันยายน 2567 ผลิตได้ 14,102 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 47.73
ผลิตเพื่อส่งออก
เดือนกันยายน 2567 ผลิตได้ 87,666 คัน เท่ากับร้อยละ 71.69 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 15.78 ส่วนเดือนมกราคม-กันยายน 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 774,175 คัน เท่ากับร้อยละ 68.63 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 4.42
รถยนต์นั่ง เดือนกันยายน 2567 ผลิตเพื่อการส่งออก 28,241 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 4.85 และตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 229,630 คัน เท่า กับร้อยละ 53.81 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 4.86
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนกันยายน 2567 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 59,425 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 22.99 และตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 544,545 คัน เท่ากับร้อยละ 79.24 ของยอดการผลิตรถกระบะ ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 7.86 โดยแบ่งเป็น
• รถกระบะบรรทุก 45,303 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 24.21
• รถกระบะ Double Cab 400,989 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 10.96
• รถกระบะ PPV 98,253 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 21.50
ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
เดือนกันยายน 2567 ผลิตได้ 34,611 คัน เท่ากับร้อยละ 28.31 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 42.31 และเดือนมกราคม-กันยายน 2567 ผลิตได้ 353,851 คัน เท่า กับร้อยละ 31.37 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 38.57
รถยนต์นั่ง เดือนกันยายน 2567 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 22,444 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 28.05 แต่ตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2566 ผลิตได้ 197,089 คัน เท่ากับร้อยละ 46.19 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ลดลงร้อยละ 24.79
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนกันยายน 2567 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 11,221 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 55.15 และตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 142,650 คัน เท่ากับร้อยละ 20.76 ของยอดการผลิตรถกระบะ และลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 50.27 ซึ่งแบ่งเป็น
• รถกระบะบรรทุก 64,346 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 31.88
• รถกระบะ Double Cab 53,945 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 57.53
• รถกระบะ PPV 24,359 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 62.75
รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนกันยายน 2567 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม-กันยายน 2567 ผลิตได้ 10 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 89.80
รถบรรทุก เดือนกันยายน 2567 ผลิตได้ 946 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 74.99 และตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 14,102 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 47.73
รถจักรยานยนต์
เดือนกันยายน 2567 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 187,385 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 6.24 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 146,590 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 13.29 แต่ชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 40,795 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 32.45
ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม-กันยายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,735,818 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 8.07 โดยแยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 1,436,354 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 12.31 แต่ชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 299,464 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 19.69
ยอดขาย
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกันยายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 39,048 คัน ต่ำสุดในรอบ 53 เดือน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 13.59 ลดลงจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อให้ผู้ซื้อรถยนต์เพราะหนี้ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ (SM) ยังอยู่ในระดับที่สูงที่ 208,575 ล้านบาท หนี้เสียรถยนต์อยู่ที่ 259.330 ล้านบาท ในเดือนกรกฎาคม 2567 ประกอบกับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศไตรมาสสองปี 2567 ที่โตต่ำแค่ร้อยละ 2.3 และคาดว่า 2567 จะเติบโตแค่ร้อยละ 2.7-2.8 เท่านั้น และดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคม 2567 หดตัวร้อยละ 1.91 แสดงถึงรายได้คนทำงานยังคงอ่อนแอ และส่งผลให้ยอดขายในเดือนกันยายน 2567 ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 37.11
รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 22,519 คัน เท่ากับร้อยละ 57.67 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 35.67
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 11,633 คัน เท่ากับร้อยละ 29.79 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 41.55
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 4,574 คัน เท่ากับร้อยละ 11.71 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 33.53
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 197 คัน เท่ากับร้อยละ 0.21 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 166.22
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 8,611 คัน เท่ากับร้อยละ 15.66 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 24.93
รถกระบะ มีจำนวน 11,509 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 39.79 รถ PPV มีจำนวน 2,463 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 41.76 รถบรรทุก 5-10 ตัน มีจำนวน 1,403 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 43.84 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 1,154 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 6.94
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 117,884 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 10.51 และลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 16.66
ตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2567 รถยนต์มียอดขาย 438,659 คัน ลดลงจากปี 2566 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 25.25 แยกเป็น
รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 262,490 คันเท่ากับร้อยละ 59.84 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 12.22
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 117,878 คัน เท่ากับร้อยละ 26.87 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 37.40
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 52,219 คัน เท่ากับร้อยละ 11.90 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 7.17
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 1,653 คัน เท่ากับร้อยละ 0.36 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 0.38
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 90,740 คัน เท่ากับร้อยละ 20.69 ของยอดขายรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 50.32
รถกระบะมีจำนวน 126,560 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 39.35 รถ PPV มีจำนวน 26,944 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 42.95 รถบรรทุก 5-10 ตัน มีจำนวน 12,312 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 39.34 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 10,353 คัน ลดลงจากเดือนช่วงกันในปีที่แล้ว 10.96 คาดว่ายอดขายในประเทศปีนี้จะใกล้เคียงกับยอดขายในปี 2539 ซึ่งมียอดขายที่ 589,126 คัน ก่อนจะเกิดต้มยำกุ้งในปี 2540
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 1,281,711 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 11.38 แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์ ICE จำนวน 1,281,511 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันร้อยละ 11.33 รถจักรยานยนต์ BEV จำนวน 200 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันร้อยละ 9.09
การส่งออก
รถยนต์สำเร็จรูป
เดือนกันยายน 2567 ส่งออกได้ 80,254 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้วร้อยละ 6.75 และลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 17.67 ลดลงจากการขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ จำ นวนเที่ยวเรือลดลง และมีการใช้จ่ายลดลงในตลาดประเทศคู่ค้าหลายประเทศมียอดขายรถยนต์ลดลง จึงส่งออกลดลงทุกตลาดยกเว้นตลาดออสเตรเลียที่ยังเพิ่มขึ้น แบ่งเป็น
• รถกระบะ 46,616 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 58.09 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 18.06
• รถยนต์นั่ง ICE 19,988 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 24.91 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 31.81
• รถยนต์นั่ง HEV 2,818 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 3.51 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 117.94
• รถ PPV 10,832 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 13.50 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 8.53
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 52,855.99 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 15.36
• เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,804.84 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 23.07
• ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 16,990.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 2.78
• อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,212.37 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 3.64
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนกันยายน 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 74,863.78 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 11.85
เดือนมกราคม-กันยายน 2567 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 768,887 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 6.45 แบ่งเป็น
• รถกระบะ ICE 440,662 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 57.31 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 9.85
• รถยนต์นั่ง ICE 189,114 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 24.60 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 20.01
• รถยนต์นั่ง HEV 37,530 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 4.88 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 410.20
• รถ PPV 101,581 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 13.21 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 13.72
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 533,062.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 2.62 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
• เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 26,252.56 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 7.75
• ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 145,976.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 6.55
• อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 19,655.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 9.58
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม-กันยายน 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 724,945.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 3.15
รถจักรยานยนต์
เดือนกันยายน 2567 มีจำนวนส่งออก 69,753 คัน (รวม CBU+CKD) เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 19.30 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 14.12 โดยมีมูลค่า 4,504.42 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 5.87
• ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 244.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 1.87
• อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 199.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 129.69
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนกันยายน 2567 ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ 4,948.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 8.01
เดือนมกราคม-กันยายน 2567 รถจักรยานยนต์ มีจำนวนส่งออก 601,296 คัน (รวม CBU+CKD) ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 0.08 มีมูลค่า 46,188.66 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 8.26
• ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,914.96 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 16.46
• อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,471.97 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 4.58
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม-กันยายน 2567 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 49,575.59 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 8.50
เดือนกันยายน 2567 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 79,812.56 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ10.83
เดือนมกราคม-กันยายน 2567 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 774,521.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 2.31
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนกันยายน 2567
เดือนกันยายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 6,606 คัน ลดลงจากเดือนกันยายนปีที่แล้วร้อยละ 25.81 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 4,666 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 32.08
o รถยนต์นั่ง จำนวน 4,498 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน จำนวน 163 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจ จำนวน 1 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจร จำนวน 4 คัน
• รถกระบะ รถแวน มีทั้งสิ้น 18 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 41.94
• รถยนต์ 3 ล้อรับจ้าง มีทั้งสิ้น 6 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 79.31
o รถยนต์ 3 ล้อส่วนบุคคล จำนวน 4 คัน
o รถยนต์รับจ้าง 3 ล้อ จำนวน 2 คัน
• รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 1,817 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 6.53
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล จำนวน 1,816 คัน
o รถจักรยานยนต์สาธารณะ จำนวน 1 คัน
• รถโดยสาร มีทั้งสิ้น 44 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 340
• รถบรรทุก มีทั้งสิ้น 55 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายนปีที่แล้วร้อยละ 175
เดือนมกราคม-กันยายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 75,653 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายนปีที่แล้วร้อยละ 11.67 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 54,308 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 8.14
o รถยนต์นั่ง จำนวน 52,702 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน จำนวน 1,533 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจ จำนวน 9 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจร จำนวน 61 คัน
o รถยนต์บริการให้เช่า จำนวน 3 คัน
• รถกระบะ รถแวน มีทั้งสิ้น 509 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 317.21
• รถยนต์ 3 ล้อ มีทั้งสิ้น 141 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 46.79
o รถยนต์ 3 ล้อส่วนบุคคล จำนวน 36 คัน
o รถยนต์รับจ้าง 3 ล้อ จำนวน 105 คัน
• รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 20,054 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 25.85
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล จำนวน 19,945 คัน
o รถจักรยานยนต์สาธารณะ จำนวน 109 คัน
• รถโดยสารมีทั้งสิ้น 281 คัน ซึ่งลดลงเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 75.46
• รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 360 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 490.16
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนกันยายน 2567
เดือนกันยายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 9,403 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายนปีที่แล้วร้อยละ 51 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 9,378 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 51.80
o รถยนต์นั่ง จำนวน 9,369 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน จำนวน 3 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจร จำนวน 6 คัน
• รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 25 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 48.98
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล จำนวน 25 คัน
เดือนมกราคม-กันยายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 104,197 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายนปีที่แล้วร้อยละ 59.27 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 103,784 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 59.82
o รถยนต์นั่ง จำนวน 103,686 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน จำนวน 26 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจ จำนวน 17 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจร จำนวน 52 คัน
o รถยนต์บริการให้เช่า จำนวน 3 คัน
• รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 413 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 15.02
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล จำนวน 413 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนกันยายน 2567
เดือนกันยายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 734 คัน ลดลงจากเดือนกันยายนปีที่แล้วร้อยละ 27.76 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 734 คัน ลดลงจากเดือนกันยายนปีที่แล้วร้อยละ 27.76
o รถยนต์นั่ง จำนวน 734 คัน
เดือนมกราคม-กันยายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 7,310 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายนปีที่แล้วร้อยละ 23.33 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 7,310 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2566 ร้อยละ 23.33
o รถยนต์นั่ง จำนวน 7,303 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจร จำนวน 7 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 30 กันยายน 2567
ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 206,631 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 107.18 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 143,710 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 124.99
o รถยนต์นั่ง มีจำนวน 141,039 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 122.63
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน มีจำนวน 2,146 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 504.57
o รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 76 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 216.67
o รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 136 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 280
o รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 3 คัน ซึ่งในช่วงเดียวกันไม่มีการจดทะเบียน
o รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอีเลคทรอนิคส์ มีจำนวน 310 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 184.40
• รถกระบะ และรถแวน มีจำนวน 784 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 328.42
• รถยนต์ 3 ล้อ มีจำนวนทั้งสิ้น 1,023 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 37.87
o รถยนต์ 3 ล้อส่วนบุคคล มีจำนวน 118 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 51.28
o รถยนต์รับจ้าง 3 ล้อ มีจำนวน 905 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 36.30
• รถจักรยานยนต์ มีจำนวนทั้งสิ้น 57,752 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 78.74
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล มีจำนวน 57,625 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 79.04
o รถจักรยานยนต์สาธารณะ มีจำนวน 127 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 2.42
• อื่นๆ
o รถโดยสาร มีจำนวนทั้งสิ้น 2,698 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 14.47
o รถบรรทุก มีจำนวนทั้งสิ้น 664 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 145.02
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 30 กันยายน 2567
ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 446,816 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 37.79 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 437,529 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 38.84
o รถยนต์นั่ง มีจำนวน 436,561 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 38.68
o รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 498 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 3.97
o รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 73 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 65.91
o รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 207 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 52.21
o รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 66.67
o รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอีเลคทรอนิคส์ มีจำนวน 185 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 83.17
• รถกระบะ และรถแวน มีจำนวน 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566
• รถจักรยานยนต์ มีจำนวนทั้งสิ้น 9,284 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 1.74
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล มีจำนวน 9,284 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 1.74
• อื่นๆ
o รถโดยสาร มีจำนวนทั้งสิ้น 2 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 30 กันยายน 2567
ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 61,150 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 17.95 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 61,150 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 17.95
o รถยนต์นั่ง มีจำนวน 61,077 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 17.96
o รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 43 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 4.88
o รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 20 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566
o รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 66.67
o รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอีเลคทรอนิกคส์มี จำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 25