ข่าวจากประเทศอังกฤษ ระบุว่า กรุงปารีส จะประกาศมาตรการใหม่ เพื่อจัดการปัญหามลพิษ และการจราจรติดขัด เนื่องจากมีรถวิ่งผ่านใจกลางเมืองปารีสโดยไม่จำเป็น
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 ผู้ใช้รถที่ไม่ได้พักอาศัยในเขตจำกัดการจราจร (Limited Traffic Zone : ZTL) ซึ่งมีเนื้อที่ 3 ตารางไมล์ (ประมาณ 7.77 ตารางกิโลเมตร) ใน “เขตที่ 1” ของใจกลางกรุงปารีส ต้องแจ้งความจำเป็นในการเดินทาง และจุดที่จะหยุดในพื้นที่จำกัดการจราจร มิฉะนั้นจะถูกปรับเป็นเงิน 135 ยูโร (ประมาณ 4.94 พันบาท)
แนวคิดนี้เป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้เป็นเวลานานของ Anne Hidalgo นายกเทศมนตรีของปารีส เพื่อลดปริมาณรถในเขตเมือง
จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้มาตรการเขตจำกัดการจราจรใหม่ว่า แต่ละวันจะมีรถถึง 4 แสนคัน ที่เดินทางเข้าไปในใจกลางกรุงปารีส โดยไม่มีความจำเป็นต้องผ่านเข้าไป
วัตถุประสงค์ของการกำหนด ZTL เพื่อห้ามการขับรถผ่านเข้าไปในเขตดังกล่าว และอนุญาตให้ผู้ใช้รถที่มีกิจกรรม หรือพักอาศัยอยู่ในเขตนั้นใช้เดินทาง ซึ่งจะห้ามตลอดเวลา และทุกวัน โดยมีระยะเวลาการแนะนำมาตรการเป็นเวลา 6 เดือน โดยช่วงดังกล่าวผู้ใช้รถจะได้รับการแจ้งข้อมูลการรณรงค์ และคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และใน 6 เดือนหลังจากนั้น มาตรการจะมีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบ โดยจะใช้ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกล้องวงจรปิดในการตรวจจับผู้กระทำผิด และในปี 2569 จะขยายพื้นที่ห้ามขับรถผ่านด้วยมาตรการกำหนดเขต ZTL ในเขตอื่นของกรุงปารีสต่อไป
มาตรการ ZTL ที่ใช้อยู่ในยุโรปต่างจากมาตรการ ULEZ (Ultra Low Emission Zone) ของลอนดอน ซึ่งเป็นการเก็บค่าผ่านทาง จึงทำให้เกิดการวิจารณ์ว่ามาตรการ ZTL ไม่สามารถลดการจราจรติดขัด และการเกิดมลพิษได้ผลจริง
บทความแนะนำ