ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
Motor Expo จับรางวัลแจกรถ 3 คัน บิกไบค์ 1 คัน
“IMC สื่อสากล” จับรางวัลหาผู้โชคดีจากงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” ลุ้นรถยนต์ 3 คัน และรถจักรยานยนต์ 1 คัน
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41" เปิดเผยว่า การจัดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41" ประสบความสำเร็จอย่างสูง และมีส่วนช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้ที่ซบเซาให้กลับมาคึกคัก พร้อมสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจไทย จึงขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งผู้อุปถัมภ์ ผู้สนับสนุน ค่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ อุป กรณ์เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงผู้เข้าชมงานที่เมืองทองธานี และชมงานผ่านระบบออนไลน์
สำหรับยอดจองรถในงาน แบ่งเป็นรถยนต์ 54,513 คัน จักรยานยนต์ 7,982 คัน ราคาเฉลี่ยของรถยนต์ที่ขายได้ในงาน 1,259,928 บาท รถจักรยานยนต์เฉลี่ย 191,063 บาท เงินหมุนเวียนในงานราว 5.5 หมื่นล้านบาท ผู้เข้าชมงาน 1,426,044 คน ยอดดาวน์โหลด Motor Expo Application 30,808 คน และมีผู้ชมงานออนไลน์ 2,476,001 วิว
ด้านอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง และ Join Boat Platform สร้างยอดเงินสะพัด รวมกว่า 30 ล้านบาท ส่วนแพคเกจ Motor Expo Exclusive Visitor ที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ชมงานระดับวีไอพีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็นอย่างมาก
นอกจากนั้น ผู้จัดงานได้จัดกิจกรรมคืนกำไรให้แก่ผู้ชมงานเหมือนเช่นทุกปี โดยได้จัดงานจับสลากรายการชิงรางวัล "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41" ดังมีรายการดังต่อไปนี้
“ซื้อรถ...ชิงรถ” รางวัลรถยนต์ The Kia EV5 Light (เธอะ เกีย อีวี 5 ไลท์) มูลค่า 1,299,000 บาท
“ซื้อบัตร...ชิงรถ” รางวัลรถยนต์ Mazda (มาซดา) รุ่น New CX-3 Base Plus (ซีเอกซ์-3 เบส พลัส) ใหม่ มูลค่า 830,000 บาท
โหลด Motor Expo Application และลงทะเบียน กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน พร้อมชมงานผ่าน Motor Expo Application รับสิทธิ์ ชิงรางวัลรถยนต์รถยนต์ Suzuki (ซูซูกิ) รุ่น Swift GL (สวิฟท์ จีแอล) มูลค่า 567,000 บาท
“ซื้อมอเตอร์ไซค์...ชิงบิกไบค์” รางวัลรถจักรยานยนต์ Triumph (ทไรอัมฟ์) รุ่น Scrambler 1200 X (สแกรมบเลอร์ 1200 เอกซ์) มูลค่า 599,000 บาท
สำหรับรายชื่อผู้โชคดีที่ผ่านการตรวจสอบว่าปฏิบัติตามกฎกติกาของการชิงรางวัลแล้ว จะประกาศ ทางเวบไซท์ motorexpo.co.th, autoinfo.co.th, ทาง Line @motorexpo ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 และทางนิตยสาร “ฟอร์มูลา”, 4 Wheels ฉบับประจำเดือนเมษายน 2568
..............................................................................................................
10 รถโบราณ ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ “สุขเต็มสิบ” คู่สะพานทศมราชัน
สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย สนับสนุนการจัดงานมหกรรม “สุขเต็มสิบ” ฉลองเปิดสะพานสะพานทศมราชัน หรือสะพานพระราม 10 ซึ่งจัดโดย การทางพิเศษแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนา คม ระหว่างวันที่ 10-19 มกราคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยได้ชม และสัมผัสความยิ่งใหญ่ของสะพานทศมราชัน ซึ่งเป็นสะพานคู่ขนานแห่งแรกของประเทศไทย ก่อนเปิดใช้งานอย่างเป็นทาง การในวันที่ 29 มกราคมนี้
โดยสมาคมฯ ได้ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ในมหกรรมดังกล่าว ด้วยการจัดแสดงรถโบราณ 10 คัน บนสะพานทศมราชัน เมื่อวันที่ 17-19 มกราคม 2568 เวลา 16.00-22.00 น.
รถโบราณที่สมาคมฯ นำไปจอดแสดง ได้แก่ MG TB ปี 1939, Armstrong Siddeley Hurricane ปี 1949, Jaguar Mark V Saloon ปี 1951, Jaguar XK 140 FHC ปี 1956, Morris 1000 Conver tible ปี 1957, Mercedes-Benz 190SL ปี 1958, Mercedes Benz 220S Cabriolet ปี 1958, Jaguar E-Type ปี 1964, Alfa Romeo Spider Duetto ปี 1966 และ Porsche Carrera 2 Cabrio let ปี 1990
เชิญติดตามชมภาพประวัติศาสตร์ของรถโบราณในงาน “สุขเต็มสิบ” ณ สะพานทศมราชัน เพิ่มเติมที่ vintagecarclub.or.th และ facebook.com/VintageCarClub
..............................................................................................................
BMW สานต่อผู้นำตลาดพรีเมียม 5 ปีซ้อน
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เผยผลการดำเนินงานจากปี 2567 หลังทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่งในตลาดท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ท้าทาย แม้ว่าตลาดรถยนต์พรีเมียมในภาพรวมจะมียอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ลดลงถึง 24 % เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ทั้งสามแบรนด์ภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังมีผลงานในตลาดที่ดีกว่าค่าเฉลี่ย ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์ BMW (บีเอมดับ เบิลยู) และ MINI (มีนี) รวม 13,659 คัน โดย MINI มียอดจดทะเบียนรถใหม่เพิ่มขึ้น 7.6 % มาอยู่ที่ 1,451 คัน ขณะที่ BMW ทำยอดรวมได้ 12,208 คัน พร้อมรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์พรี เมียมได้ 5 ปีซ้อน สานต่ออีกบทสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
เรเน แกร์ฮาร์ด ประธาน และซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับทั้งนวัตกรรม ความยั่งยืน และความพึงพอใจของลูกค้ามาโดยตลอด และการยึดมั่นในเป้าหมายทั้ง 3 ด้านหลักนี้ ประกอบกับแรงสนับสนุนที่เข้มแข็งจากทั้งทีมงาน พันธมิตร และลูกค้าของเรา ต่างช่วยให้เราสามารถฟันฝ่าสถานการณ์ที่ท้าทายในตลาดไทยได้อย่างมั่นคง ถึงแม้ว่าตลาดรถยนต์ของไทยจะต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยในการฟื้นตัวท่ามกลางแรงกดดันจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ แต่เราก็ยังมองเห็นปัจจัยบวกจากแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงที่ยังคงชัดเจนในหลายด้าน เช่น ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่ม BEV ของทั้ง BMW และ MINI ที่เพิ่มขึ้นราว 11 % จากปีที่แล้ว เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ลูกค้าในประเทศไทยต่างตอบรับมุมมอง และวิสัยทัศน์ของเราในอุตสาหกรรมยานยนต์ และเราก็พร้อมที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นไปอีก ทั้งในปี 2025 นี้ และปีต่อๆ ไป
ในปี 2567 BMW ยังคงรักษาแรงขับเคลื่อนที่ผลักดันให้แบรนด์รั้งอันดับ 1 ในเซกเมนท์รถยนต์พรีเมียมได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมียอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ลดลง 13.6 % เมื่อเทียบกับปีก่อน ลงมาอยู่ที่ 12,208 คัน แต่ส่วนแบ่งตลาดของ BMW ในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมกลับเพิ่มขึ้น 5 % จากปีก่อน เป็น 39.9 % และหากพิจารณาเฉพาะกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม BMW ก็มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นกว่า 9.1 % มาอยู่ที่ 22.6 % ส่วนทางด้าน MINI การยกทัพ New MINI Family มาเปิดตัวในประเทศไทยก็ช่วยให้ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์พุ่งสูงขึ้นกว่า 44 % ด้วยยอดรวมเฉพาะรุ่น BEV ถึง 295 คัน
สำหรับ BMW Motorrad (บีเอมดับเบิลยู มอเตอร์ราด) ก็ทำผลงานได้อย่างมั่นคงไม่แพ้กัน ด้วยยอดจดทะเบียนมอเตอร์ไซค์ใหม่ที่ลดลงเพียง 6 % หรือคิดเป็นจำนวน 1,011 คัน
สานต่อความเชื่อมั่น ยกระดับความวางใจ กับอีก 1 ปีแห่งเกียรติยศของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
นอกเหนือจากยอดขาย และส่วนแบ่งตลาดแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมุ่งยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยผลการสำรวจลูกค้า BMW ที่ใช้บริการด้านการขาย และหลังการขายตลอดปี 2567 ได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในรอบปีที่ผ่านมาด้วยคะแนน Net Promoter Score (NPS) สำหรับบริการด้านการขายที่ 95 คะแนน (เพิ่มขึ้น 1 คะแนนจากปี 2566) และสำ หรับการบริการหลังการขายที่ 93 คะแนน (เพิ่มขึ้น 2 คะแนนจากปี 2566) มุมมองของลูกค้านี้ยังสะท้อนออกมาให้เห็นในผลสำรวจ Thailand‘s Most Admired Company ครั้งที่ 17 ประจำปีของนิตยสาร BrandAge ซึ่งจัดให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นบริษัทในอันดับ 1 ในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 7 ด้วยคะแนนสูงสุดทั้งในด้านผลประกอบการ การบริหารจัดการ และการบริการลูกค้า
ส่วนนิตยสาร Marketeer ก็ได้มอบรางวัล No.1 Brand Thailand ในตลาดรถยนต์พรีเมียมให้แก่ BMW หลังจากที่ได้รวบรวมความเห็นจากผู้บริโภคกว่า 6,000 คนทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ปี 2567 ยังนับเป็นอีกหนึ่งปีที่น่าจดจำของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย บนเวทีรางวัลของอุตสาหกรรมยานยนต์ หลังจากที่มอเตอร์ไซค์ทัวริง เอนดูโรตัวแรงอย่าง BMW R 1300 GS (บีเอมดับเบิลยู อาร์ 1300 จีเอส) ได้รับเลือกให้เป็นรถจักรยานยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีบนเวที Car, EV & Motorcycle of The Year 2024 โดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) นอกจากนี้ BMW 5 Series (บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 5) ใหม่ ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี ขณะที่ BMW I5 (บีเอมดับเบิลยู ไอ 5) ก็ติดโผเข้าชิงรางวัลรถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยมแห่งปีด้วยเช่นกัน และสำหรับรางวัลด้านการตลาดจากเวที Thailand Car & Motorcycle Marketing Awards 2024 คณะกรรมการจาก สรยท. ก็ได้ร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จของ BMW ในตลาดรถยนต์พรีเมียม ด้วยรางวัลแบรนด์รถยนต์พรีเมียมที่มียอดขายสูงสุดประจำปี 2566 และรางวัลมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสุดล้ำสมัย สำหรับสกูเตอร์ไฟฟ้ารุ่น CE 02 จาก BMW Motorrad
ต่อยอดความสำเร็จในปี 2568 เดินหน้าพัฒนายนตรกรรมและบริการอย่างต่อเนื่อง
เรเน แกร์ฮาร์ด กล่าวเสริมว่า ขอขอบคุณลูกค้าทุกคน และพันธมิตรในวงการยานยนต์ทุกภาคส่วนที่ให้ความไว้วางใจในบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ในฐานะผู้นำในตลาดพรีเมียม เรา และผู้จำ หน่าย BMW และ MINI อย่างเป็นทางการทุกท่าน ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์ และส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ด้านการขับขี่ในทุกรูปแบบ บนทุกเส้นทาง สำหรับในปี 2568 เราก็มีแผนงานอย่างครบวงจรเพื่อนำนวัตกรรมล่าสุด และประสบการณ์ที่หลากหลาย และแตกต่างมาให้ลูกค้าในประเทศไทยได้สัมผัสกัน โดยทุกท่านจะได้ทราบรายละเอียดกันเร็วๆ นี้
นอกเหนือจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ทั้ง 3 แบรนด์แล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังเตรียมขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศตลอดทั้งปีภายใต้แนวคิด "Retail Next" ซึ่งเน้นการผสมผสานประสบการณ์ดิจิทอล และไลฟ์สไตล์ไว้ในพื้นที่โชว์รูม โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการเปิดโชว์รูมใหม่ครบทั้ง 3 แบรนด์ ได้แก่ สำหรับ BMW คือ เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส อยุธยา และสำหรับ MINI ได้แก่ เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส ราชพฤกษ์, ยูโรปา มอเตอร์ (สำนักงานใหญ่) และบาร์เซโลนา มอเตอร์ บางแค ส่วน BMW Motorrad ได้ต้อนรับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการรายใหม่ คือ โมโตกรุ๊ป พระราม 5 พร้อมเปิดตัวโชว์รูมภายใต้คอนเซพท์ใหม่ New Retail Brand Experience เป็นครั้งแรก เน้นบรรยากาศอบอุ่น และเป็นกันเอง เสมือนการพบปะตามสไตล์ของเหล่าไบเคอร์ เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าในทุกขั้นตอน
..............................................................................................................
Great Wall Motor จับมือพันธมิตร ผลักดันไทยเป็นศูนย์การผลิต
Great Wall Motor (ประเทศไทย) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงาน ตั้งแต่พลังงานใหม่อย่าง BEV, HEV, PHEV ผ่าน 5 พันธมิตรผู้ผลิต และจัดจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์สำหรับรถยนต์
ไมเคิล ฉง กรรมการผู้จัดการ Great Wall Motor (ประเทศไทย) กล่าวว่า Great Wall Motor (กเรท วอลล์ มอเตอร์) ยังคงยืนหยัดในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในระยะยาวแม้ว่าจะกำลังเผชิญกับสถานการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ และเศรษฐกิจไทยที่กำลังชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม Great Wall Motor จะยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เคียงข้างพี่น้องชาวไทยที่ให้การสนับสนุน Great Wall Motor เป็นอย่างดีเสมอมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย เพื่อก้าวผ่านสถานการณ์ที่ท้าทายนี้ไปด้วยกัน โดยในปี 2568 นี้ Great Wall Motor จะเป็นแบรนด์ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน โดยพร้อมส่งต่อองค์ความรู้ (Know-How) ให้แก่แรงงานชาวไทย เพื่อการผลิต และประกอบรถยนต์ที่ครอบคลุมทุกพลังงานที่อัดแน่นไปด้วยเทคโน โลยี และนวัตกรรมอัจฉริยะอีกมากมาย ในอดีตแรงงานชาวไทยนับว่าเป็นที่ยอมรับเป็นอย่างมากจากตลาดโลกในด้านการผลิต และประกอบรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป โดยองค์ความรู้ใหม่ๆ ของเรา จะช่วยส่งเสริมทักษะ และศักยภาพของแรงงานไทยด้านรถยนต์พลังงานใหม่เพื่อส่งมอบสู่ตลาดโลก นอกจากนี้ เรายังมีการร่วมมือกับ 5 พันธมิตรในประเทศจีน เพื่อเข้ามาลงทุน และผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยอย่าง SVOLT, Hycet, Nobo, Mind และ Exquisite ซึ่งพันธมิตรเหล่านี้สามารถสร้างเม็ดเงินการลงทุน สร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่แรงงานชาวไทย
5 พันธมิตรที่เป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะช่วยยกระดับ และผลักดันศักยภาพของแรงงาน รวมถึงช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ครอบคลุมทุกพลังงานให้เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมสุดอัจฉริยะ ผสมผสานความสะดวกสบาย และความปลอดภัยได้อย่างลงตัว สู่ประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ ตลอดจนมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ประกอบด้วย
SVOLT หรือ SVOLT Energy Technology (Thailand) Co., Ltd. (บริษัท เอสโวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด) บริษัทผู้ผลิตแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ระบบแบทเตอรี และระบบกักเก็บพลังงานสำหรับยานยนต์พลังงานใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และเพื่อใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน โดยมีกำ ลังการผลิต 60,000 แพค/ปี ตั้งอยู่ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
Hycet หรือ Hycet Engine System (Thailand) Co., Ltd. (บริษัท ไฮเซ็ท เอ็นจิ้น ซิสเทม (ประเทศไทย) จำกัด) บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนที่มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีหลักตั้งแต่พลังงานดั้ง เดิมไปจนถึงพลังงานไฮบริด และพลังงานไฟฟ้าบริสุทธิ์ (รวมถึงตัวควบคุม) ครอบคลุมทุกด้านของระบบส่งกำลัง และโซลูชันอัจฉริยะ มาพร้อมกับประสบการณ์ด้านการวิจัย และการพัฒนาที่ยาวนานกว่า 24 ปี ในระดับโลก ไฮเซ็ท เอ็นจิ้น ซิสเทม (ประเทศไทย)ฯ จึงเป็นฐานการผลิตเครื่องยนต์ไฮบริดในประเทศไทย อีกทั้งผลิตภัณฑ์ของบริษัทยังถูกจัดส่งให้แก่ลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย
Npbo หรือ Nobo Automotive System (Thailand) Co., Ltd. (บริษัท โนโบ ออโต้โมทีฟ ซิสเต็ม (ประเทศไทย) จำกัด) บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งภายใน และภายนอกรถยนต์ รวมถึงเบาะรถยนต์ให้แก่ Great Wall Motor และแบรนด์รถยนต์พลังงานใหม่เจ้าอื่นๆ ในประเทศไทย โดยบริษัทฯ มีความสามารถในการวิจัย และการพัฒนาผลิตภัณฑ์มามากกว่า 20 ปี มีเป้าหมายเพื่อให้บริการระบบที่ปลอดภัย สะดวกสบาย ชาญฉลาด และสร้างความแตกต่างให้แก่ลูกค้า สู่การสร้างประสบการณ์การขับขี่เหนือชั้น อีกทั้งยังส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงอัจฉริยะด้านยานยนต์ทั่วโลกอย่างมีประ สิทธิภาพ
Mind หรือ Mind Automotive Parts (Thailand) Co., Ltd. (บริษัท ไมน์ ออโต้โมทีฟ พาร์ทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด) ผู้ผลิตสายไฟสำหรับรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ รวมถึงไฟหน้า และไฟท้ายรถยนต์เป็นหลัก โดยมีโรงงานการผลิตตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง นอกจากนี้ ในช่วงเริ่มต้นยังมีพนักงานที่เป็นคนในพื้นที่มากกว่า 95 % อีกด้วย
Exquisite หรือ Exquisite Automotive Parts (Thailand) Co., Ltd. (บริษัท เอคซ์ควิซิท ออโต้โมทีฟ พาร์ทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด) มาพร้อมกับประสบการณ์ด้านการวิจัย การพัฒนา และการผลิตที่ยาวนานกว่า 30 ปี โดย เอคซ์ควิซิท ออโต้โมทีฟ พาร์ทส์ (ไทยแลนด์)ฯ ก่อตั้งขึ้นในปี 2563 กับการผลิต และจำหน่ายแชสซีส์ ชุดโครงย่อย ชุดไอเสีย ชุดโครงสร้าง รวมถึงกระบวนการผลิต เช่น การเชื่อม การประกอบ พร้อมด้วยเครื่องมือที่มีความแม่นยำสูงสู่การควบคุมการผลิต และประกอบที่มีคุณภาพ
นอกเหนือจากความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับ 5 พันธมิตรนี้แล้ว ภายในปี 2568 นี้ Great Wall Motor เตรียมมอบประสบการณ์ที่แตกต่างผ่านนวัตกรรมใหม่ๆ หลากหลายรุ่น เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคต และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ในทุกพลังงานให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง ผ่านกลยุทธ์ระดับโลกอย่าง Ecological Globalization สร้างระบบนิเวศยานยนต์พลังงานใหม่ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อร่วมสร้างประโยชน์ให้แก่คนไทย และประเทศไทย สู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืน พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต และส่งออกรถยนต์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน จาก Great Wall Motor ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
..............................................................................................................
Toyota เปิดหลักสูตรอบรมความรู้เทคโนโลยียานยนต์
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดรับสมัครบุคคลภายนอกที่สนใจเข้ารับการอบรมความรู้ด้านเทคโนโลยียานยนต์โตโยตา ประจำปี 2568 โดยมุ่งเน้นการเรียนการสอนทั้งด้านทฤษฎี หลักปฏิบัติตามมาตรฐาน Toyota (โตโยตา) พร้อมสร้างประสบการณ์ในการสัมผัสกับเครื่องยนต์และรถยนต์จริง ณ ศูนย์การศึกษา และฝึกอบรมโตโยตา ถนนสุวินทวงศ์ อ. เมืองฉะเชิงเทรา จ. ฉะเชิง เทรา
รายละเอียดหลักสูตรความรู้เทคโนโลยียานยนต์โตโยตา
ศูนย์การศึกษา และฝึกอบรมโตโยตา เปิดหลักสูตรการอบรมด้านเทคโนโลยียานยนต์ที่ครอบคลุมเครื่องยนต์แกสโซลีน ดีเซล ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับองค์ประ กอบ และเทคโนโลยีของรถยนต์ Toyota โดยมีการจัดการเรียน การสอน ทั้งด้านทฤษฎี และหลักปฏิบัติตามมาตรฐาน Toyota จากอุปกรณ์จริง พร้อมจำลองปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และชี้แนะวิธีการดูแลรักษาเบื้องต้น เพื่อสร้างประสบการณ์ในการสัมผัสเครื่องยนต์ พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับทีมบุคลากรมืออาชีพของ Toyota
หลักสูตรที่เปิดรับสมัคร
ระดับความรู้ |
หลักสูตร |
วันที่อบรม (ปี 2568) |
จำนวนคน |
ค่าอบรมต่อคน (รวม Vat 7 %) |
พื้นฐาน |
การบำรุงรักษารถยนต์แกสโซลีน (Gasoline Vehicle Maintenance) |
จันทร์ 20 มกราคม |
15 คน |
2,140 บาท |
พื้นฐาน |
การบำรุงรักษารถยนต์ดีเซล (Diesel Vehicle Maintenance) |
จันทร์ 27 มกราคม |
15 คน |
2,140 บาท |
พื้นฐาน |
การบำรุงรักษารถยนต์ไฮบริด (Hybrid Vehicle Maintenance) |
จันทร์ 3 กุมภาพันธ์ |
15 คน |
2,140 บาท |
พื้นฐาน |
การบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Maintenance) |
จันทร์ 10 กุมภาพันธ์ |
15 คน |
2,140 บาท |
ผู้เข้าอบรม (จำกัดกลุ่มละ 15 คน)
บุคคลทั่วไปที่สนใจ/ผู้ใช้รถยนต์
หน่วยงาน/องค์กร
ผู้ประกอบการ SME
สถานที่อบรม
ศูนย์การศึกษา และฝึกอบรมโตโยตา บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด 25 หมู่ 7 ถ. สุวินทวงศ์ ต. คลองนครเนื่องเขต อ. เมือง จ. ฉะเชิงเทรา 24000
..............................................................................................................
MotoGP สนามประเทศไทย มิติใหม่ Key Visual สไตล์ศิลปะร่วมสมัย
สร้างไวรัลไปทั่วโลกอีกครั้ง หลัง “MotoGP สนามประเทศไทย” ร่วมกับ “Dorna Sport” เผยภาพ Key Visual การแข่งขัน ThaiGP 2025 สนามเปิดฤดูกาลด้วยภาพสุดอลังการ ภายใต้แนวคิด Thai land to The World ผลงานของ “นักรบ มูลมานัส” นักทำภาพประกอบ เจ้าของรางวัลสุพรรณหงส์ ศิลปินที่โดดเด่นในเรื่องงานคอลลาจ หรือตัดปะ กราฟิคร่วมสมัย สร้างเป็นภาพจำ MotoGP ที่จะจัดขึ้นที่ “บุรีรัมย์” ประเทศไทย บนดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ วรรณกรรม ตำนานความเชื่อ และวัฒนธรรมหลากแขนง ก้าวออกจากกรอบการออกแบบที่คุ้นเคย ครั้งแรกกับการผสานผลงานศิลปะ โดยนักออกแบบคนรุ่นใหม่ ที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย เจ้าภาพหลักของการจัด สุดยอดอีเวนท์มอเตอร์สปอร์ทระดับพรีเมียม ที่เตรียมระเบิดศึก Pre-Season ในประเทศไทย วันที่ 12-13 กุมภา พันธ์ และครั้งแรกกับการเป็นเจ้าภาพ สนามที่ 1 เปิดฤดูกาล ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2568 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ. บุรีรัมย์ ภายใต้ชื่อรายการ "PT Grand Prix of Thailand 2025”
ฝ่ายจัดการแข่งขัน ร่วมกับ Dorna Sport เจ้าของลิขสิทธิ์ MotoGP เผยภาพ Key Visual การแข่งขัน ThaiGP 2025 ที่จะเผยแพร่สู่สายตาของแฟนความเร็วที่มีมากกว่า 800 ล้านคน จาก 220 ประ เทศทั่วโลก โดยเป็นผลงานของ “นักรบ มูลมานัส” ศิลปิน นักทำภาพประกอบชื่อดัง และมีผลงานศิลปะมากมาย เจ้าของรางวัลมากมาย อาทิ รางวัล Artist of The Year โดยนิตยสาร GQ Thailand ประจำปี 2565 ที่มอบรางวัลให้ผู้ทรงอิทธิพลแห่งปีในสาขาต่างๆ, รางวัลสุพรรณหงส์ สาขา กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม และออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม ประจำปี 2566 และรางวัล กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม (Best Art Direction) จากงานประกาศรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ "สุพรรณหงส์” ประจำปี 2567 และถือเป็นครั้งแรกที่คณะกรรมการจัดการแข่งขัน เปิดโอกาสให้นักสร้างสรรค์ที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติได้ร่วมในการออกแบบภาพคีย์สำคัญของการแข่งขันในปีนี้
Key Visual การออกแบบด้วยเทคนิคคอลลาจ หรือตัดปะ กราฟิคร่วมสมัย ซึ่งเป็นแนวถนัด และสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลกให้แก่ศิลปินเจ้าของผลงาน โดยชูความหลากหลายของ “MotoGP สนามประ เทศไทย” ที่จัดขึ้นบนดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ วรรณกรรม ตำนานความเชื่อ และวัฒนธรรมหลากแขนง
ทั้งนี้ "Key Visual" จะเป็นด่านแรกในการสื่อสารที่ศิลปินผู้ออกแบบได้ตีความ และหยิบยกเอา “โลกความเร็ว” และ “อัตลักษณ์ของท้องถิ่น” องค์ประกอบที่มีความ Local มีความไทย มาดีไซจ์นให้ร่วมสมัย มีการนำตัวละครจากรามเกียรติ์ วรรณคดีเลื่องชื่อ ได้แก่ หนุมาน และตัวละครลิง สู่เวทีการแข่งขันระดับโลกอีกครั้ง โดยเป็นผู้ขับขี่รถ MotoGP หมายเลข 89 ฮอร์เก มาร์ติน, หมายเลข 93 มาร์ค มาร์เกซ, หมายเลข 43 แจค มิลเลอร์ และรถหมายเลข 36 โจอัน เมียร์
งานออกแบบนี้ เป็นการสร้างแผนผังทางความคิด สื่อสารกับคนจากทั่วโลกอย่างตรงไปตรงมา นำอัตลักษณ์ความเป็นไทยทั้งภาคกลาง และภาคอีสานมานำเสนอ มีความท้าทายทางความคิดบนความแตกต่าง ฉีกจากกรอบเดิม โดยมีภาพนักบิดซูเพอร์สตาร์ MotoGP ได้แก่ ฮอร์เก มาร์ติน แชมพ์โลกคนล่าสุด, ฟรานเชสโก บันยาญา, ฟาบิโอ กวาตาราโร , เปโดร อคอสตา และ “ก้อง-สมเกียรติ จันทรา” นักบิดไทย คนแรกในประวัติศาสตร์ที่จะเปิดตัวในฐานะนักบิดในคสาสส์สูงที่สุดของโลกอย่าง MotoGP
การออกแบบผสานด้วยภาพที่เป็นเหมือน “จิกซอว์” ที่นำมาประกอบกันให้แฟนความเร็วทั่วโลก ได้รู้จัก ของดีของดัง ที่นำไปสู่การท่องเที่ยว เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงกีฬา หรือ Sports Tou rism กระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ และส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น นอกจากจะร่วมชมการแข่งขันสุดยิ่งใหญ่ของโลกแล้ว ยังต่อยอดให้เกิดการเยี่ยมชมความสวยงาม สัมผัสมนต์เสน่ห์ท้องถิ่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปราสาทหินพนมรุ้ง, นาคปัก องค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมจากปราสาทในศิลปะขอม สื่อความหมายถึงสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์, นกกระเรียนพันธุ์ไทยหายากที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยในจังหวัดบุรีรัมย์, แคนที่เป็นเครื่องดนตรีถิ่นอีสาน, กระด้ง หัตถกรรมจักสานภูมิปัญญาชาวบ้าน,ป่าหิมพานต์ และตัวละครจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ฯลฯ
เหล่านี้จะสร้างภาพจำ และสร้างความหมาย คุณค่าใหม่ๆ สำหรับ งาน Key Visual การแข่งขัน ThaiGP 2025 ที่เปลี่ยนไปอย่างสร้างสรรค์ สื่อถึง MotoGP สนามประเทศไทย ที่จัดขึ้นบนดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ วรรณกรรม ตำนานความเชื่อ และวัฒนธรรมหลากแขนง ก้าวออกจากกรอบการออกแบบที่คุ้นเคย ครั้งแรกกับการผสานผลงานศิลปะ โดยนักออกแบบคนรุ่นใหม่ ที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
..............................................................................................................
"ลมหายใจไร้มลทิน" มอบรางวัลการประกวดปี 2567
ชไมพร ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิ “ลมหายใจไร้มลทิน” เผยว่า มูลนิธิฯ ได้จัดกิจกรรมการประกวดประจำปี 2567 รวม 4 ประเภท ได้แก่ เรียงความ ร้องเพลง วาดภาพศิลปะ และวีดีโอคลิพ ซึ่งปีนี้มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดทั้งหมด 1,469 ชิ้น เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 76 % และทุกชิ้นมีจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาประกาศผลพร้อมมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดประเภทต่างๆ ดังนี้
ประกวดเรียงความหัวข้อ “คนรุ่นใหม่ใจซื่อมือสะอาด”
ระดับประถมศึกษา ได้แก่ ธัญญาภรณ์ ภาชี รร. วัดสุวรรณ กรุงเทพฯ
ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ได้แก่ ณัฐทิชา สีน้ำเงิน รร. วิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย จังหวัดเพชรบุรี
ระดับอาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวส.) และอุดมศึกษา ได้แก่ พงศธร ประกฤติพงศ มหาวิทยาลัยศิลปากร จังหวัดนครปฐม
ประกวดร้องเพลงประกอบดนตรีตามเพลง
เพลง “คิดดี ทำดี”
ระดับประถมศึกษา ประเภทเดี่ยว ได้แก่ สุทิวัส ยนปลัดยศ รร. นารีวิทยา จังหวัดราชบุรี
ระดับประถมศึกษา ประเภทหมู่ ได้แก่ ทีม TN.Junior Band รร. ไทยนิยมสงเคราะห์ กรุงเทพฯ
เพลง “ด้วยลมหายใจที่ไร้มลทิน”
ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ประเภทเดี่ยว ได้แก่ จันจิรา ศักดิ์สุวรรณ รร. นวมินทราชินูทิศ หอวัง จังหวัดนนทบุรี
ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ประเภทหมู่ ได้แก่ ทีม BBL รร. สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัย และพัฒนาการศึกษา
ระดับอาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวส.) และอุดมศึกษา ประเภทเดี่ยว ได้แก่ พิชาพร สถิตพรบรรพต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
ประกวดวาดภาพศิลปะสะท้อนค่านิยมแห่งความซื่อสัตย์สุจริต
หัวข้อ “พลิกฟื้นลมหายใจของโลกในยุคหมอกควัน”
ระดับปฐมวัย ได้แก่ ณัฐรดา จรดล รร. อนุบาลสุธีธร จังหวัดนครปฐม
ระดับประถมศึกษา ได้แก่ ชวัลวิทย์ อ่างมัจฉา รร. บ้านม่วง จังหวัดหนองคาย
ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ได้แก่ เกศชฎาพร คุ้มบ้าน รร. สมคิดจิตต์วิทยา จังหวัดชลบุรี
ประกวดวีดีโอคลิพสะท้อนค่านิยมแห่งความซื่อสัตย์สุจริต
หัวข้อ “ซื่อสัตย์สุจริต ชีวิตติดโซเชียล”
ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ได้แก่ ทีม BC Studio รร. ปากคาดพิทยาคม จังหวัดบึงกาฬ
สามารถติดตามผลการประกวด และกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธิ “ลมหายใจไร้มลทิน” ได้ที่ lomhaijai.org dcy.go.th และ facebook.com/LomhaijaiFoundation