Autoinfo มีโอกาสได้ทดสอบ "BYD Shark 6" (บีวายดี ชาร์ค 6) ว่าที่รถกระบะรุ่นแรกของ BYD ที่คาดการณ์ว่าจะนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ในช่วงปลายปี 2568 นี้ แต่ได้นำมาโชว์ตัวเป็นครั้งแรกไปแล้วในงาน Motor Expo 2024 ที่ผ่านมา
BYD ค่ายรถไฟฟ้าชื่อดังจากประเทศจีน ได้เปิดตัว Shark 6 รถกระบะพลัก-อิน ไฮบริดคันแรกของค่ายไปแล้วที่ประเทศเมกซิโก เป็นหนึ่งในรถของตระกูล Ocean ที่ออกแบบโดย "Wolfgang Egger" นักออกแบบรถยนต์ชาวเยอรมัน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นหัวหน้านักออกแบบให้แก่แบรนด์รถยนต์หรูของยุโรปอย่าง Alfa Romeo (อัลฟา โรเมโอ), Audi (เอาดี) และ Lamborghini (ลัมโบร์กินี) ปัจจุบันเป็นหัวหน้านักออกแบบของ BYD แต่คันที่เราเห็นนี้เป็นสเปคพวงมาลัยขวา ที่จำหน่ายในประเทศออสเตรเลียอยู่ตอนนี้
BYD Shark 6 มาพร้อมดีไซจ์นภายนอกทรงเหลี่ยม ให้อารมณ์ความรู้สึกแข็งแกร่ง โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ทรงเหลี่ยม ติดตรา BYD ล้อมกรอบด้วยไฟหน้าแนวตั้งแบบ LED พร้อมฟังค์ชัน Follow-me-Home และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน ไฟ DRL รูปตัว C ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปากปลาฉลาม และไฟตัดหมอก
ด้านข้างได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเคลื่อนไหวของปลาฉลาม เด่นด้วยคิ้วขอบล้อทรงเหลี่ยมกับล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/65 R18 ไฟท้ายแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED เช่นกัน ด้านโครงสร้างตัวรถมีการออกแบบตัวถังที่ทำจากเหล็กความแข็งแกร่งสูง 78 % ที่เบา และแข็งแรง ช่วยลดน้ำหนักของรถ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัวได้ดี
BYD Shark สร้างจากพแลทฟอร์ม DMO Super Hybrid Off-Road Platform ซึ่งเป็นแชสซีส์ขั้นบันได หรือ Ladder-Frame Architecture เช่นเดียวกับ Bao 5 ซึ่งเป็นรถหรูสปอร์ทอเนกประสงค์ ภายใต้แบรนด์ Leopard (เลโอพาร์ด) หรือ Fangchengbao หนึ่งในแบรนด์ย่อยของ BYD โดยตัวถังของ BYD Shark 6 มีความยาว 5,457 มม. ความกว้าง 1,971 มม. ความสูง 1,925 มม. ระยะฐานล้อ 3,260 มม. ความสูงจากใต้ท้องรถ 230 มม. กระบะท้ายความจุ 1,200 ลิตร มีไฟส่องสว่าง LED และแหล่งจ่ายไฟ AC 220V (สูงสุด 6,000 วัตต์) บรรทุกน้ำหนักได้สูงสุด 790 กก.
ภายในดีไซจ์นทันสมัย คอนโซลสีดำ สลับเส้นสายสีส้ม พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน 3 ก้านหุ้มหนัง มาตรวัดดิจิทอลแบบ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว ด้านบนมีระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) หรือ Head Up Display จอกลางแสดงผลควบคุมระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 15.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อไร้สายทั้ง Apple CarPlay กับ Andriod Auto พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง "Hi BYD"
มาพร้อมเครื่องเสียง Dynaudio ลำโพง 12 ตำแหน่ง ลำโพง 8 จุด เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบพนักพิงดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง กระจกบานหน้า และกระจกหน้าต่างคู่หน้าแบบกันเสียงรบกวน ช่วยให้ห้องโดยสารเงียบขึ้นเมื่อใช้ความเร็ว
BYD Shark 6 มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ Plug-in Hybrid DM-O ด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ ทำหน้าที่ปั่นไฟ และขับเคลื่อนบางเวลา พร้อมระบบ EHS (Electric Hybrid System) ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ตัวหน้าให้กำลัง 170 กิโลวัตต์ 314 นิวทันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าตัวหลังให้กำลัง 150 กิโลวัตต์ 340 นิวตันเมตร เมื่อทำงานผสานกันให้กำลังรวมสูงสุด 430 แรงม้า (321 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 650 นิวทันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.7 วินาที
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมแบทเตอรีแบบ BYD Blade Battery ขนาด 29.58 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จ DC กำลังสูงสุด 55 กิโลวัตต์ แบบ AC สูงสุด 7 กิโลวัตต์ ชาร์จเต็มสามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 100 กม. (NEDC) และหากเติมน้ำมันเต็ม และไฟเต็ม ครั้งหนึ่ง สามารถวิ่งได้ไกลกว่า 840 กม. ด้วยความจุถังน้ำมัน 60 ลิตร
ระบบช่วงล่างไม่ใช่แหนบเหมือนรถกระบะบ้านเรา ช่วงล่างด้านหน้า และด้านหลังเป็นแบบปีกนกคู่ (Double Wishbones) พร้อมระบบเบรคแบบจาน ระบายอากาศทั้ง 4 ล้อ มีมุมไต่ถึง 31 องศา ในเส้นทาง Off Road สามารถลุยน้ำลึกได้สูงสุด 700 มม. และมีระยะต่ำสุดจากพื้น 230 มม.
ด้านระบบความปลอดภัยมาแบบจัดเต็ม ตั้งแต่ AEB, ESC, TCS, EBD, HDC, FCW, RCW, RCTA, RCTB, FCTA, FCTB, ELKA, BSD, DOW, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ด้านข้างคู่หน้า, ม่านถุงลมนิรภัยด้านหน้า และด้านหลัง, ถุงลมนิรภัยระหว่างผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า, กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา, Adaptive Cruise Control (ACC), Intelligent Cruise Control (ICC) และเซนเซอร์ช่วยจอด (หน้า 2 จุด, หลัง 4 จุด)
สรุปแล้ว BYD Shark 6 หากมาทำตลาดจริง ก็นับเป็นรถกระบะอีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะสามารถผสานความสบายของ SUV เข้ากับความแกร่งของรถกระบะ พร้อมพละกำลังแบบรถไฟฟ้าที่ตอบสนองได้ดี การเร่งแซงได้ฉับไว ในทุกเส้นทาง