Quattroruote ลองของแรง
TESLA MODEL 3 PERFORMANCE ไม่ต้องจ่ายแพง ก็ได้แรงม้าเพียบ !
การเปิดตัวของ TESLA MODEL 3 รุ่นปรับปรุงล่าสุด มีรหัสเรียกว่า HIGHLAND จากที่ก่อนหน้านี้มีทางเลือกกับรุ่น RWD LONG RANGE กับระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จเต็ม คือ 702 กม. ในที่สุดก็ได้เวลาของรุ่นทอพ PERFORMANCE กับราคาที่ไม่เกิน 60,000 ยูโร (ประมาณ 2,320,000 ไม่รวมภาษีนำเข้า) กับสมรรถนะที่ฉับไวตามแบบฉบับรถยนต์ไฟฟ้าตัวแรงที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง หากสังเกตรอบคันจะพบว่า MODEL 3 รุ่นนี้มีป้ายสัญลักษณ์ของรุ่น PLAID ที่ด้านท้ายของรถ เป็นการบ่งบอกว่า นี่คือ รุ่นย่อยที่มีสมรรถนะของสูงสุดของสายพันธุ์ (ที่มาของรูปแสงพุ่งทะยานนี้มาจากโหมดวาร์พด้วยความเร็วสูงของยานอวกาศจากภาพยนตร์เรื่อง SPACEBALLS หนึ่งในเรื่องโปรดของ ELON MUSK) และให้รถที่ขับตามมาข้างหลังอย่าได้คิดจะลองของกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้หากเจอกันบนถนนจริง เพราะสิ่งที่ซ่อนอยู่ คือ กำลังสูงสุดระดับ 460 แรงม้า และมีความหนึบแน่นเป็นพิเศษ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.3 วินาทีเท่านั้น ทำให้รถยนต์รุ่นนี้มีอัตราเร่งฉับไวที่สุดเป็นอันดับ 4 ของบรรดารถยนต์ไฟฟ้าที่เราเคยทดสอบมา
ที่มาของพลังงานไฟฟ้ามาจากชุดแบทเตอรีประสิทธิภาพสูง กันชนหน้าถูกออกใหม่ให้มีช่องจัดเรียงอากาศเพื่อการลู่ลมที่ดีขึ้น และมีการเพิ่มช่องอากาศจากรุ่นก่อนปรับโฉม เสริมด้วยชุดสปอยเลอร์ท้าย และชุดตกแต่งตัวถัง กับทางเลือกล้อแมกขนาด 20 นิ้ว ถึงอย่างนั้น เส้นสายโดยรวมก็มีความเรียบง่าย ซุ่มซ่อนสมรรถนะที่แท้จริงของตัวรถเอาไว้ แทบไม่รู้เลยว่า นี่คือ รถยนต์ที่มีอัตราเร่งดุดันคันหนึ่งเลยก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม เรามีความเห็นว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อีก แม้ต้องยอมรับว่ารุ่น PERFORMANCE มีประสิทธิภาพ และการตอบสนองขณะขับขี่ที่ลงตัวมากๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ขณะแล่นด้วยความเร็วสูงตัวรถที่ความฉับไว และสมดุลอย่างน่าพอใจ แต่ในกรณีที่เป็นการขับแบบเน้นสมรรถนะในสนามแข่ง อาจมีความแตกต่างออกไป รวมถึงการปิดระบบช่วยเหลือต่างๆ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพสูงสุดของตัวรถ เราพบว่าความสมดุลที่พบก่อนหน้านี้หายไปพอสมควร ส่วนหน้าของรถมีการตอบสนองฉับไวเกินคาด นอกจากนี้ ส่วนท้ายของรถก็ออกอาการอย่างชัดเจนในขณะที่ทะยานผ่านในแต่ละช่วงโค้งของสนามทดสอบ จุดสำคัญ คือ ระบบเบรคที่ไม่เหมาะสมสำหรับการขับแบบเน้นสมรรถนะเต็มตัว เป็นสิ่งที่รถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นควรต้องพัฒนาระบบเบรคที่สามารถรองรับอัตราเร่งที่ฉับไวเช่นนี้ให้อยู่หมัด แม้จะเป็นการขับแบบเน้นอัตราเร่งในสนามแข่งก็ตาม แม้การตอบสนองโดยรวมจากประสิทธิภาพของตัวรถจะทำได้น่าพอใจก็ตามในแง่ของการขับขี่บนท้องถนนทั่วไป (มีจุดต้องติเพียงเล็กน้อยเท่านั้น) สำหรับรุ่นทอพของ MODEL 3 ประการแรก คือ การประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่น่าพอใจ สามารถแล่นได้มากกว่า 500 กม. โดยการขับขี่ที่เหมาะสม และยังมีระบบความบันเทิงที่ทันสมัย การใช้งานต่างๆ ยังคงต้องทำผ่านจอแสดงผลหลัก เป็นสิ่งที่ผู้ขับต้องทำความคุ้นเคยให้ดีในระยะแรก
รุ่น MODEL 3 PERFORMANCE
ราคา
ราคารถทดสอบ 58,475 ยูโร
กำลังสูงสุด
ทั้งระบบ 338 กิโลวัตต์/460 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด
ทั้งระบบ 741 นิวทันเมตร/75.6 กก.ม.
แบทเตอรี
ความจุ 75.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ระยะทำการสูงสุด
จากผู้ผลิต 528 กม.
อัตราเร่งดุดัน แต่ต้องควบคุมให้ดี
TESLA MODEL 3 PERFORMANCE คือ รุ่นทอพสมรรนะสูงสมชื่อ กับการทดสอบในสนาม VAIRANO บ่งบอกประสิทธิภาพด้วยเวลาต่อรอบสนามกับตัวเลขที่ทำได้ คือ 1:17.567 นาที ถือว่าน่าพอใจไม่น้อย ทำให้ MODEL 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทำเวลาต่อรอบสนามแห่งนี้เป็นอันดับ 4 ของบรรดารถยนต์ไฟฟ้าที่เราเคยทดสอบ ตามหลังรถสมรรถนะสูงอย่าง AUDI RS E-TRON GT (เอาดี อาร์เอส อี-ทรอน จีที) PORSCHE TAYCAN TURBO S (โพร์เช ไทย์คาน เทอร์โบ เอส) และ MASERATI GRANTURISMO FOLGORE (มาเซราตี กรันตูริสโม โฟลโกเร) สามารถนำหน้าตัวแรงอย่าง HYUNDAI IONIQ 5 N (ฮันเด ไอโอนิก 5 เอน) การขับขี่แบบเน้นสมรรถนะดังกล่าวมีเงื่อนไข คือ ผู้ขับต้องปิดระบบช่วยเหลือ และระบบความปลอดภัยทั้งหมด เนื่องจากระบบ ESP จะเข้าทำงานโดยการตัดทอนการส่งกำลังบางส่วน ทำให้การขับขี่แบบเน้นอัตราเร่งไม่ราบรื่นนัก สิ่งที่จำเป็นจริงๆ คือ การบังคับควบคุมที่แม่นยำของผู้ขับ เราพบว่า ล้อคู่หน้าของ TESLA มีการตอบสนองที่ฉับไว และแม่นยำ เทียบเท่ารถสปอร์ทอย่าง McLAREN (แมคลาเรน) ก็ว่าได้ แต่ส่วนท้ายของรถกลับไม่เฉียบคมเท่าด้านหน้า ขณะเข้าโค้งตัวรถมีอาการท้ายปัดค่อนข้างชัดเจน เป็นหนึ่งในอุปสรรคของการทำเวลาในสนามแข่ง ลดทอนประสิทธิภาพของการยึดเกาะถนนเมื่อเทียบกับล้อคู่หน้าที่มีความเฉียบคมมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด หากต้องการเวลาต่อรอบที่น่าพอใจ ผู้ขับต้องอาศัยการบังคับควบคุมที่แม่นยำมากๆ เพื่อแก้ไขอาการจากส่วนท้ายของรถได้ทันท่วงที การขับลักษณะดังกล่าวจะเห็นผลชัดเจนกับการทะบานผ่านช่วงโค้งความเร็วสูง และการหักเลี้ยวกะทันหันอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการปรับแต่งระบบรองรับที่ยังมีความนุ่มนวลเกินกว่าจะรองรับสมรรถนะของตัวรถได้ (แม้ความหนึบแน่นจะมีมากที่สุดในบรรดารุ่นย่อยของ MODEL 3 แล้วก็ตาม) อาการโตคลงของตัวรถในโค้งมีให้สัมผัสได้พอสมควร รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ของ TESLA มีอาการท้ายปัดขณะกดคันเร่งออกจากโค้ง แต่หากสามารถควบคุมให้รถอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง บังคับแนวล้อคู่หน้าให้อยู่ในลักษณะตรง รถคันนี้สามารถทะยานออกจากโค้งได้อย่างรวดเร็ว จากการส่งกำลังที่เน้นไปยังล้อคู่หลัง อัตราส่วนการส่งกำลังสามารถปรับแต่งได้จากหน้าจอหลัก ไม่ว่าจะเป็นการส่งกำลังเน้นไปที่ล้อคู่หลัง 100 % ไปจนถึงการกระจายระดับการส่งกำลังไปยังล้อตำแหน่งอื่นๆ ตามสภาวะการขับขี่ เป็นรูปแบบการส่งกำลังที่หลากหลายเหมือนกับ IONIQ 5 N อย่างไรก็ตาม ยังคงมีจุดที่ต้องระวังเป็นพิเศษ คือ ประสิทธิภาพของระบบเบรค แม้จะมีความหนักแน่นที่น่าพอใจ แต่หากเป็นการขับแบบเน้นสมรรถนะที่ใช้การเบรคอย่างต่อเนื่อง และหนักหน่วง อาการล้าของระบบเบรคจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และส่งผลต่อการบังคับควบคุมตัวรถอย่างเลี่ยงไม่ได้
รุ่น PERFORMANCE มีสมรรถนะสูง แต่ยังเอาใจใส่เรื่องการขับขี่ด้วย รุ่นที่มีพละกำลังสูงสุดของ TESLA MODEL 3 มีการปรับปรุงรายละเอียดอื่นๆ บางส่วน เส้นสายโดยรวมยังใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้า และทาง TESLA ระบุว่า มีการปรับปรุงอกากาศพลศาสตร์ของตัวรถด้วย จากกันชนหน้าที่ถูกออกแบบใหม่ มีการเพิ่มช่องรับอากาศ และช่องจัดเรียงอากาศ ช่วยให้อากาศไหลเวียนดีขึ้น ขณะที่ส่วนท้ายรถ มีการเพิ่มสปอยเลอร์ และด้านล่างของกันชนท้ายมีการติดตั้งดิฟฟิวเซอร์เข้ามา การปรับปรุงดังกล่าวทำให้รถคันนี้มีอัตราการลื่นลมดีขึ้นอีก 5 % และอากาศพลศาสตร์ระหว่างล้อคู่หน้า และคู่หลัง ดีขึ้นถึง 55 % ตามที่ผู้ผลิตระบุมา โดยรถคันนี้ติดตั้งล้อแมกขนาด 20 นิ้ว
การปรับปรุงในห้องโดยสาร
นอกจากการทดสอบสมรรถนะ เราได้สังเกตการปรับปรุงห้องโดยสารของรถรุ่นนี้ด้วย มีการติดตั้งวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์บริเวณด้านบนของคอนโซลหน้า แต่จุดเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ คือ การออกแบบเบาะนั่งขึ้นใหม่ มีการโอบกระชับสรีระด้านข้างดีขึ้น ตัวเบาะสามารถปรับตำแหน่งได้ 12 รูปแบบ และยังมีระบบทำความอุ่น และระบบระบายอากาศ ตำแหน่งของเบาะนั่ง โดยรวมแล้วมีหลักสรีระศาสตร์ที่ลงตัว และคุณภาพการประกอบที่น่าพอใจ
อัตราเร่งสูสี IONIQ 5 N
ความเป็นจริงแล้ว นี่คือ รถยนต์ไฟฟ้าที่มีพละกำลังน้อยที่สุดในบรรดา 10 อันดับเวลาต่อรอบของรถยนต์ไฟฟ้าที่เราเคยทดสอบมา ถึงอย่างนั้น TESLA MODEL 3 ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในส่วนของการทำอัตราเร่งในทางตรงหลังจากออกตัว มีความสูสีกับตัวแรงระดับหรูทั้งหลาย ได้แก่รถยนต์ไฟฟ้าของ AUDI, PORSCHE และ MASERATI กับพละกำลังที่มหาศาลทั้งนั้น (ตั้งแต่ 761 ไปจนถึง 925 แรงม้า) แต่ละคันมีอัตราเร่งจากการออกตัวเป็นระทางสั้นๆ ในระดับ 3 วินาทีทั้งนั้น โดยทาง TESLA ทำเวลาที่ 3.27 วินาที จากการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา แต่ไม่ใช่จุดที่ทำให้ได้เปรยบคู่แข่งแต่อย่างใด เนื่องจากบรรดัวรงทั้งหลายมีการติดตั้งระบบส่งกำลังที่ซับซ้อนเข้ามาเสริมด้วย จุดแข็งสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันรุ่นนี้ คือ น้ำหนักโดยรวมที่มีน้อยกว่าคู่แข่ง กับตัวเลขที่ 1,950 กก. (เป็นน้ำหนักของบรรดาอุปกรณ์เลือกติดตั้งทั้งหลายที่ 100 กก. ทั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ และอุปกรณ์ใช้งานบนคอนโซลหน้า) ทำให้ TESLA มีน้ำหนักน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับตัวแรงทั้งหลาย (นั่นคือ มีความเบาของตัวถังเป็นอาวุธสำคัญ) พร้อมการส่งกำลังที่เหมาะสม ทำให้มีการยึดเกาะถนนที่ยอดเยี่ยมด้วย
หากเปรียบเทียบกับสเปคของรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละรุ่น อย่างเช่น HYUNDAI IONIQ 5 N มีกำลังสูงสุดที่ 650 แรงม้า และน้ำหนักโดยรวมที่ 2,345 กก. ขณะช่วงออกตัว TESLA มีการสนองที่น่าสนใจ อัตราเร่ง 0-60 กม./ชม. เป็นช่วงที่ตัวรถต้องอาศัยความหนึบแน่นถีงที่สุด MODEL 3 ทำตัวเลขออกมาได้ คือ 1.72 วินาที เทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเกาหลีใต้ ทำได้ที่ 1.92 วินาที เป็นเวลาช่วงเสี้ยวสินาทีที่ฉับไวกว่า และรักษาระยะห่างระดับนี้ถึงช่วง 100 กม./ชม. ภายใต้ยางที่ใช้รุ่นเดียวกัน นั่นคือ PIRELLI P ZERO ขณะทำอัตราเร่ง รถยนต์ไฟฟ้าเกาหลีใต้อาศัยความได้เปรียบเรื่องพละกำลัง และการส่งกำลังที่เหมาะสม ทำเวลาแซงคืนมาได้ในช่วงเสี้ยววินาที สามารถไต่ความเร็วถึง 200 กม./ชม. กับเวลาที่ 11.76 วินาที ส่วน TESLA MODEL 3 PERFORMANCE ทำเวลาได้ 12.50 วินาที
นอกจากนี้ อัตราเร่งในช่วงทางตรงเป็นจุดได้เปรียบของรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกัน จากการมีรูปแบบตัวถังที่ลงตัวกว่าเมื่อเทียบกับทาง HYUNDAI อัตราเร่งช่วงความเร็วตีนปลายกับระยะ 0-1,000 ม. สามารถทะยานผ่านเส้นชัยได้แบบสูสีมากๆ โดยทาง IONIQ 5 N ทำเวลาที่ 21.13 วินาที (ที่ความเร็ว 240.4 กม./ชม.) ขณะที่ TESLA มีตัวเลข คือ 21.25 วินาที ที่ความเร็ว 240.9 กม./ชม. และเป็นเรื่องบังเอิญเล็กน้อยที่ความเร็วสูงสุดของทั้ง 2 รุ่น ต่างก็เท่ากันพอดี โดยตัวเลขหยุดที่ 262 กม./ชม.
เครื่องยนต์ และโครงสร้างตัวถังที่ลงตัว
มอเตอร์ไฟฟ้ารหัส PERFORMNCE 4DU คือ ขุมพลังรุ่นใหม่ของ MODEL 3 พร้อมโหมดขับขี่แบบ SPORT กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด กำลังสูงสุดทั้งระบบของมอเตอร์รุ่นนี้ คือ 461 กิโลวัตต์/627 แรงม้า ส่วนชุดแบทเตอรีมีความจุ 75.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง กับกำลังสูงสุดของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ที่ 338 กิโลวัตต์/460 แรงม้า สำหรับเวอร์ชันของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในภูมิภาคอื่นอาจมีกำลังสูงสุดถึง 510 แรงม้า ขณะที่โครงสร้างตัวถังมีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับพละกำลังที่เพิ่มขึ้น มีการปรับแต่งค่าความแข็งของชุดสปริง และชุดชอคอัพ (รุ่นล่าสุดจะเป็นระบบปรับการตอบสนองด้วยอิเลคทรอนิค) ตลอดจนจุดข้อต่อต่างๆ ให้มีความแข็งแรงยิ่งขึ้น รวมถึงการปรับแต่งการตอบสนองของชุดเหล็กกันโคลงด้วย ส่วนระบบเบรคมีการอัพเกรดเช่นกัน แม้ขนาดของจานเบรค และคาลิเพอร์จะไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่ผ้าเบรคถูกพัฒนาให้รองรับแรงม้าได้ดีขึ้น
แล่นได้ไกลกว่า 500 กม.
มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด อัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าตามที่ผู้ผลิตระบุมา คือ 6 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง กับระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จเต็ม คือ 528 กม.
ล้อแมก 20 นิ้ว
ล้อแมกลายใหม่ โดยยางคู่หน้ามีขนาด 235/35 ส่วนยางคู่หลังมีขนาด 275/30
การชาร์จแบบ DC
การรองรับการชาร์จไฟฟ้าแบบ DC สูงสุดที่ 250 กิโลวัตต์
10 อันดับ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.
1. AUDI RS E-TRON GT PERFORMANCE 2.19 วินาที
2. PORSCHE TAYCAN TURBO S 2.64 วินาที
3. MASERATI GRANTURISMO LIGHTING 2.91 วินาที
4. TESLA MODEL 3 PERFORMANCE 3.27 วินาที
5. HYUNDAI IONIQ 5 N 3.46 วินาที
6. PORSCHE TAYCAN GTS SPORT TURISMO 3.59 วินาที
7. BMW I4 M50 3.74 วินาที
8. BMW I5 M60 3.75 วินาที
9. POLESTAR 2 LR DUAL MOTOR AWD 3.83 วินาที
10. BYD SEAL 3.93 วินาที
อัตราเร่งจากการออกตัว
1,000 ม. 240.9 กม./ชม. 21.25 วินาที
459.0 ม. 200 กม./ชม. 12.50 วินาที
400 ม. 192.8 กม./ชม. 11.42 วินาที
50.4 ม. 100 กม./ชม. 3.27 วินาที
รุ่น PERFORMANCE
ข้อมูลของรถทดสอบจากผู้ผลิต
มอเตอร์ไฟฟ้า
ด้านหน้า
- มอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัสแบบสนามแม่เหล็ก
ด้านหลัง
- มอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัสแบบสนามแม่เหล็ก
ข้อมูลระบบไฟฟ้า
- กำลังสูงสุด 338 กิโลวัตต์/460 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 741 นิวทันเมตร/75.6 กก.ม.
แบทเตอรี
- ลิเธียมไอออน ติดตั้งใต้พื้นรถ
- แบบ 400 โวลท์ ความจุ 75 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ทั้งหมด 78.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง)
การรองรับการชาร์จไฟฟ้า
- แบบ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์
- แบบ DC สูงสุด 250 กิโลวัตต์
ระบบส่งกำลัง
- ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาด้วยมอเตอร์
- ชุดควบคุมการหมุนของมอเตอร์
รูปแบบตัวถัง
- ตัวถังแบบโลหะ 3 กล่อง 4 ประตู 5 ที่นั่ง
- ระบบรองรับด้านหน้า ปีกนกคู่ คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
- ระบบรองรับด้านหลัง มัลทิลิงค์ 5 จุดยึด คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
- ระบบชอคอัพ แปรผันการตอบสนองด้วยอิเลคทรอนิค
- ระบบบังคับเลี้ยวแบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน แปรผันด้วยน้ำหนักไฟฟ้า
ยาง
- PIRELLI P ZERO EV ด้านหน้า ขนาด 235/35 R20 92Y ด้านหลัง ขนาด 275/30 R20 97Y
- ชุดปะยางฉุกเฉิน
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
- ระยะฐานล้อ 2,880 มม.
- ความยาว 4,720 มม. กว้าง 1,850 มม. สูง 1,440 มม.
- น้ำหนักโดยรวม 1,851 กก. น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 2,271 มม. น้ำหนักลากจูงสูงสุด 1,000 กก.
- ความจุที่เก็บของด้านหน้า 88 ลิตร ด้านหลัง 682 ลิตร
สถานที่ผลิต
- เมืองเซียงไฮ้ (ประเทศจีน)