ประสาใจ
มารดาในโลกวรรณกรรม
วงวรรณกรรมเอกของโลก มีบทประพันธ์เกี่ยวกับความเป็นมารดาของตัวละครหลากหลาย ต่างรูปแบบ แต่ล้วนเป็นธรรมชาติแห่งมวลมนุษย์ ไม่ว่ายุคใดสมัยใด เรื่องราวต่อไปนี้จะเกี่ยวกับวลี "ดูนางให้ดูแม่ จะดูให้แน่ต้องดูถึงแม่ยาย" หรือไม่ ก็สุดแต่มโนของผู้คน
มารดาคนแรกของเรา คือ "นางเบนเนท" จากนวนิยายเรื่อง "PRIDE AND PREJUDICE" เขียนโดย เจน ออสเตน ชาวอังกฤษ พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 28 มกราคม ปี 1813 หรือ 202 ปีที่แล้ว หลังจาก เจน ออสเตน ผู้ประพันธ์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 ขายลิขสิทธิ์ให้สำนักพิมพ์ไปด้วยราคา 110 ปอนด์ ชนิด สายประดิษฐ์-ภรรยาของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ได้แปลเรื่องนี้เป็นภาคภาษาไทย ใช้นามปากกาว่า "จูเลียต" และมีชื่อเรื่องเป็นไทยว่า "สาวทรงเสน่ห์"
นางเบนเนท ถูก เจน ออสเตน พรรณนาว่าเป็นผู้หญิงฉลาดน้อย ไม่สู้ยอมรับโลกแห่งความจริง และมีอารมณ์แปรปรวนไม่คงเส้นคงวา ความละเมียดแห่งการประพันธ์ของนักเขียนชาวเมืองผู้ดีเรื่องนี้ ส่งผลให้ความเป็นหัวหน้าครอบครัวของ นางเบนเนท ไม่มีผู้ใดสนใจ เพราะลัทธิแห่งการใช้อำนาจเพื่อ "คลุมถุงชน" เอาหัวใจตนเป็นใหญ่สำหรับการตัดสินใจในการร่วมหอลงเรือนของบุตรสาวทุกคน
ความสัมพันธ์ระหว่างมารดากับบุตรสาว และความรู้สึก ตลอดจนลักษณะภาพชีวิตประจำวันอันธรรมดาสามัญที่สุดนั้น เจน ออสเตน สามารถประพันธ์ออกมาได้จนกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์เท่าที่เคยพบ
นางเบนเนท ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดมารดาอาละวาดแห่งยุคสมัย ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนที่ดังกว่าเสียงบางเสียงที่มองว่า นางเบนเนท คือ ภาพสะท้อนธุรกิจการแต่งงานของสังคมอังกฤษ ในศตวรรษที่ 19 เป็นเรื่องหยอกเอินสังคมแบบขำขันแต่หัวเราะไม่ออกเท่านั้น
บารัต แทนดอน ผู้เขียนชีวประวัติของ เจน ออสเตน เขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ THE GUARDIAN ของอังกฤษ กล่าวถึงบทประพันธ์เรื่องนี้ว่า
"ถ้า นางเบนเนท บางเวลาเป็นผู้คนสุดจะทนได้ แต่ชีวิตของนางก็เป็นสัญญาณเตือนว่า ปฐมเหตุเป็นความเลวร้ายยิ่งเสียกว่าสุดจะทนได้"
นางเบนเนท เป็นมารดาที่ดูแลเอาใจใส่บุตรสาว
"ใครก็ตามที่คิดว่า นางเบนเนท รับผิดชอบสิ่งอันไม่ถูกต้อง ควรเข้าใจใหม่ว่า นางเบนเนท เป็นมารดาที่ปกป้องบุตรสาว คุณอาจไม่ต้องการให้ชีวิตประสบผู้คนอย่าง นางเบนเนท แต่ก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่า ชีวิตคนเราหนีเสือที่ร้ายกว่า เบนเนท ไม่พ้น"
เมื่อ 12 ปีที่ผ่านมา บีบีซี แห่งอังกฤษ ได้จัดทำ ทำเนียบวรรณกรรมเอก "หนังสือในดวงใจ" พบว่า PRIDE AND PREJUDICE หรือชื่อไทยในรูปแบบภาพยนตร์ว่า "ดอกไม้ทรนง กับชายชาติผยอง" ได้รับการโหวทจนติดอันดับ 2 รองจาก THE LORD OF THE RINGS
มารดาคนที่ 2 "มาดามโบวารี" จากวรรณกรรมฝรั่งเศสเรื่อง MADAME BOVARY ประพันธ์โดย กุสตาฟ ฟโลแบร์ต พิมพ์ครั้งแรกปี 1857 หรือ 44 ปีหลังจาก PRIDE AND PREJUDICE ตีพิมพ์ครั้งแรก
เนื้อหาเป็นความท้าทาย เป็นเรื่องราวของ นางเอมมา โบวารี แต่งงานแล้วและไม่พอใจกับความจืดชืดของชีวิตแต่งงาน ตะลอนทัวร์ท้าทายคุณธรรมของชีวิต ซึ่งไม่ตรงกับทัศนคติของชาวเมืองน้ำหอมยุคนั้น ความไม่สบอารมณ์ในบทประพันธ์ ทำให้นักประพันธ์ถูกฟ้อง ฐานเผยแพร่และส่งเสริมเรื่องราวที่ผิดศีลธรรมอันดี แต่ในที่สุด นักประพันธ์ก็เป็นฝ่ายชนะคดี
บุคลิกภาพของตัวละครเอก มีหลายคนมองข้ามชีวิตระหว่างเยาว์วัย ดังเช่น บทประพันธ์เรื่อง ANNA KARENINA ของ ตอลสตอย ได้รับการกล่าวถึง การเป็นผู้ใหญ่ เหนือความกล้าที่ยกมือให้กับการเจริญเติบโตที่ถูกที่ควร
มาดามโบวารี เป็นภรรยาของ นายแพทย์ชาร์ลส์ โบวารี อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ สร้างพฤติกรรมสำส่อน ตามแบบชนชั้นกลางผู้อวดอุตริธรรมของตน บทประพันธ์ทำนองนี้ยังมีเสียงบวกส่วนมากเห็นด้วยกับ มาดามโบวารี
นิตยสาร NEW REPUBLIC ของสหรัฐอเมริกา เขียนถึง มาดามโบวารี ว่า
"แม้นว่า มาดามโบวารี เป็นสตรีที่ไม่สุขุมในความคิด และจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย แต่เชื่อหรือไม่ ชีวิตของเธอกลายเป็นวรรณกรรมเอกของฝรั่งเศส ประจำศตวรรษที่ 19 เป็นบทประพันธ์ที่วางรูปแบบสำหรับสัจนิยมของสังคมโลกนับแต่นั้นเป็นต้นมา"
มารดาผู้ประมาทกับชีวิต ตะลอนทัวร์ในเมืองใหญ่ หลังจากเริ่มต้นชีวิตในเมืองเล็กและไม่พอใจ ใช้ชีวิตผูกพันเป็นคนมือเติบตั้งแต่ให้กำเนิดบุตรสาว นิยมของแพงจนเกิดหนี้ที่เจอทางตัน สุดท้ายก็ต้องฆ่าตัวตายด้วยการกินสารหนู
มารดาคนที่ 3 ชื่อ "เมเดอา" นิสัยค่อนข้างเหี้ยมโหด ดุร้าย เป็นนางละครตัวเอกของละครโศกนาฏกรรมกรีก เรื่อง MEDEA ประพันธ์โดย ยูริไพด์ส์ นักเขียนบทละครชาวกรีก นางละครตัวเอกรายนี้สังหารลูก 2 คนของนาง ด้วยเหตุผลเพียงแค่เป็นการชำระแค้นที่สามีทิ้งนางไปเข้าพิธีเสกสมรสกับเจ้าหญิง
มารดาโคตรเหี้ยม ยังมีให้เห็นในบทประพันธ์ของ สตีเฟน คิง ซึ่งขังบุตรสาวไว้ในตู้เสื้อผ้าเป็นปี ด้วยข้อหาที่บุตรสาวเป็นมนุษย์ผู้ถูกพระเจ้าสาปแช่ง เพราะใบหน้าเต็มไปด้วยสิวแตกสาว
บทละครเรื่อง MEDEA จบลงด้วยฉากการมาถึงอย่างสายเกินแก้ของผู้เป็นพ่อ เขาขอร้องเมียเก่าขอศพลูกไปประกอบพิธีฝัง นางไม่ยอม แต่กลับพาร่างไร้วิญญาณของบุตรสาวบินลับฟ้าด้วยรถเทียมม้า
มารดาคนที่ 4 ชื่อ "เฮเลน กเรแฮม" จากบทประพันธ์เรื่อง THE TENANT OF WILDFELL HALL ซึ่งเป็นบทประพันธ์เรื่องที่ 2-เรื่องสุดท้ายของ แอนน์ บรองเต ซึ่งใช้นามปากกาว่า แอคทัน เบลล์ เป็นหนังสือที่สร้างความตกตะลึงพรึงเพริดให้แก่นักอ่าน หลังพิมพ์ครั้งแรกในปี 1848
เนื้อเรื่องในบทประพันธ์เป็นจดหมายโต้ตอบระหว่าง กิลเบิร์ท มาร์คแฮม กับเพื่อนและน้องเขย ว่าด้วยเรื่องราวต่างๆ อันเป็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่การได้ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นภรรยา
เมเดอา อาจเป็นเรื่องราวของมารดาโคตรเหี้ยม แต่ เฮเลน กเรแฮม กลับทำได้เหนือกว่าโดยไม่จำเป็นต้องสังหารบุตร
มารดากับบุตรชายวัยเยาว์ และคนรับใช้ มาอาศัยอยู่ที่ ไวลด์เฟลล์ ฮอลล์ โดยไม่มีใครทราบหลักแหล่ง ที่พักอาศัยของนางเป็นแมนชันที่ร้างมาแรมปี ต่อมาตกเป็นเหยื่อปากสุนัขของผู้ชายคนหนึ่ง ที่อ้างว่าแอบพบความเร้นลับของนางจากไดอารี ซึ่งระบุว่าหนีภัยจากสามีที่เป็นทาสแอลกอฮอล ขาดจรรยาบรรณแพทย์โดยสิ้นเชิง และจำเป็นที่นางต้องปกป้องบุตรชายด้วยการหลบหนี
หลังจากการมรณกรรมของ แอนน์ บรองเต ด้วยวัยเพียง 29 ปี ชาร์ลอท บรองเต ผู้เป็นพี่สาว ได้นำบทประพันธ์ของน้องสาวมาปฏิรูปใหม่ เพื่อสร้างผลบวกล้างภาพเดิมๆ
มารดาคนที่ 5 จากนวนิยายปี 1908 เรื่อง ANNE OF GREEN GABLES ประพันธ์โดย ลูซี เอม มอนท์โกเมอรี ชาวแคนาดา มารดาคนนี้ชื่อ นางมาริลลา คุธเบิร์ท เขียนขึ้นเพื่อมารดาทุกคน และเพื่อผู้อ่านทุกวัย นับเป็นวรรณกรรมที่เหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับยุคสมัยกลางศตวรรษที่ 20
นางมาริลลา เป็นแม่เลี้ยงของ แอนน์ บุตรบุญธรรม นักประพันธ์โน้มน้าวผู้อ่านให้เข้าถึงความรักอันบริสุทธิ์ของผู้เป็นมารดา ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของ แอนน์ บุตรกำพร้า ต่อสู้กับความจริงของโลกราวกับเสกด้วยมนต์คาถา ประหนึ่งตั้งใจจะเปลี่ยนชีวิต จากลูกเป็ดขี้เหร่ให้กลายเป็นหงส์
แอนน์ เชอร์ลีย์ วัย 11 ปี มีส่วนบันดาลให้ความเป็นหญิงหัวดื้อรั้น เปลี่ยนเป็นผู้หญิงที่มีอารมณ์เยี่ยงมนุษย์ทั่วไป
หนังสือเล่มนี้ถูกแปลออกไปหลายภาษา ไม่ต่ำกว่า 20 ภาษา จำหน่ายได้ไม่น้อยกว่า 50 ล้านเล่ม และถูกนำไปใช้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสำหรับนักเรียนทั่วโลก
มารดาคนสุดท้าย คือ นางวอเตอร์บิวรี จากบทประพันธ์เรื่อง THE RAILWAY CHILDREN เขียนโดย เอดิธ เนสบิท ชาวอังกฤษ เป็นหนังสือสำหรับเด็ก เริ่มจากการดำเนินเรื่องราวเป็นตอนๆ ในนิตยสาร THE LONDON MAGAZINE ในปี 1905
มารดาในดวงใจรายนี้ เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง รับหน้าที่เป็นกาวประสานใจให้กับครอบครัว ซึ่งสามีของนางเป็นอนุศาสนาจารย์กองทัพในสมัยสงครามกลางเมือง
นักอ่านวรรณกรรมของบีบีซี ยกย่องหนังสือเล่มนี้ว่า เป็นเรื่องราวของคุณแม่ที่ประเสริฐ แม้จะมีอารมณ์ที่เปราะบางเช่นผู้หญิงทั้งปวง แต่ก็มีจิตใจที่เข้มแข็ง ระหว่าง "มโน" กับ "ความจริง" ไม่มีความตึงเครียดในเนื้อหา
ส่วนที่งดงามของหนังสือ ได้แก่ การเล่าเรื่องของคนยากจนกับวิธีการช่วยเหลือ ซึ่ง เอดิธ เนสบิท เล่าเรื่องได้อย่างวิเศษโดยแท้...!!!
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2558
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/11414