ผู้ชายคนนี้ตามองไม่เห็น เขาคือ ผู้ขับรถยนต์ไร้คนขับหมายเลยหนึ่งของบริษัท WAYMOชื่อ WAYMO อาจทำให้ชวนฉงนเพราะไม่คุ้นหู แต่ถ้าบอกว่ามันคือผู้ผลิตรถยนต์ไร้คนขับของ กูเกิล ทุกคนก็ต้องร้องอ๋อ รถยนต์ไร้คนขับ อาจไม่มีความหมายสำหรับคนที่มีอาการครบ 32 และยังอยู่ในวัยฉกรรจ์ แต่สำหรับคนตาบอดแล้ว มันถึงกับเปลี่ยนชีวิตของเขาเลยทีเดียว เพราะเขาสามารถขึ้นนั่งรถที่ว่านี้ แล้วให้มันนำพาเขาไปไหนมาไหนได้ที่ชีวิตเขาในวันหนึ่งต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจำเป็นอย่างการไปรับเสื้อซักแห้ง การไปจ่ายตลาด หรือเรื่องที่เขามีอารมณ์ อย่างการไปกินอาหารตามร้านอร่อยๆ คุณลุงคนที่ว่านี้ชื่อ สตีฟ โมแฮน อาศัยอยู่ที่เทกซัส ชีวิตเปลี่ยนเพราะวิสัยทัศน์ของ กูเกิล ที่สร้างรถไร้คนขับขึ้นมา และเชิญเขาเป็นผู้ขับที่ไม่ต้องขับแบบกิตติมศักดิ์เป็นคนแรก เซอร์เกย์ บริน ผู้ก่อตั้ง กูเกิล นอกจากจะทำให้เราท่องโลกกว้างด้วยนิ้วมือ ยังทำให้คนที่ไม่เคยได้ไปไหนมาไหนเนื่องจากเพราะข้อจำกัดต่างๆ ได้พบกับอิสรภาพของการเดินทาง เขาคิดว่าในแต่ละวันคนเราต้องใช้เวลามากเหลือเกินในการเดินทางด้วยการขับรถ หลายชั่วโมงที่ต้องขับรถไป มืออยู่ที่พวงมาลัย ตาอยู่ที่ถนน แทนที่จะเอาเวลาเหล่านั้นไปทำอย่างอื่น นี่ขนาดเขาไม่ได้มาเจอรถติดระเบิดในเมืองไทยน่ะ อยู่แค่สะพานควาย มาทำงานที่ราชดำริ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง บางวันมากกว่านั้น รถไร้คนขับทำงานด้วยเซนเซอร์และซอฟท์แวร์ที่ตรวจจับคนเดินเท้า และพาหนะอื่นๆ การทำงานบนถนน ในระยะห่างถึง 2 สนามฟุตบอล โดยครอบคลุม 360 องศา อย่างเช่น ถ้ารถกำลังแล่น แล้วมีจักรยานอยู่ข้างหน้ายื่นมือออกมาขอทาง เครื่องมันจะตรวจจับได้และชะลอรถลงให้จักรยานขี่ขึ้นหน้าไป หรือเมื่อรถเคลื่อนไปแล้วเจอสิ่งกีดขวางข้างหน้า เช่น ป้ายทำถนน กรวยสามเหลี่ยม มันก็จะหลบไป และเปลี่ยนเลนได้อย่างปลอดภัย ถ้าหากเจอที่กั้นทางรถไฟ มันก็จะหยุด รอจนที่กั้นเปิดขึ้น รถจึงเคลื่อนต่อ WAYMO ได้ริเริ่มโครงการทดลองรถไร้คนขับตั้งแต่ปี 2009 โดยใช้รถ โตโยตา ปรีอุส ซึ่งเป็นรถไฟฟ้า ได้ทำการทดสอบบนท้องถนนแล้วกว่า 3 ล้านไมล์ ปี 2012 ทาง กูเกิล ได้เพิ่มรถ เลกซัส 450 เอช เข้าไปในฟลีทอีกหลายคันเพื่อให้พนักงานได้ทดลองใช้โดยสารไปทำงาน และพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ และหลังจากที่ทดสอบจนมั่นใจแล้วในปี 2015 มันก็พร้อมออกสู่ท้องถนน ปี 2016 คือ ปีที่มีการจัดตั้งบริษัท WAYMO ซึ่งใช้โลโกเป็นทางรถแล่นสีน้ำเงินเขียวเป็นรูปตัว W ผู้เขียนกำลังคิดถึงพ่อแม่ที่ต้องไปทำงานตอนเช้า และจะต้องขับรถส่งลูกไปโรงเรียน รถแบบนี้ก็นับว่าสะดวกดีแท้ หรือครอบครัวที่มีผู้สูงอายุที่ต้องไปโรงพยาบาล ไปธุระ และตนเองธุระยุ่ง หรือต้องอยู่ในที่ทำงาน รถแบบนี้ก็จะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ที่ยังไม่ทราบรายละเอียด ก็คือ เราจะเอารถที่มีอยู่แล้วมาติดตั้งเซนเซอร์และซอฟท์แวร์ให้กลายเป็นรถไร้คนขับได้หรือไม่ หรือว่าต้องซื้อรถใหม่เอี่ยมอ่องกันเลย