ทไรอัมฟ์ ถือกำเนิดมาตั้งแต่ยุคสงครามโลก และกลายเป็นบแรนด์คลาสสิคที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ในเมืองไทยเปลี่ยนผู้นำเข้าหลายราย ล่าสุด บริษัทแม่ตัดสินใจเข้ามาทำตลาดเอง "ฟอร์มูลา" สนทนาธุรกิจกับ จักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัดฟอร์มูลา: จุดกำเนิดของ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ? จักรพงษ์ : บแรนด์ ทไรอัมฟ์ ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1990 เป็นหนึ่งในรถยุคสงครามโลก ที่ปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่บแรนด์ในตลาด ส่วนประเทศไทยมีผู้นำเข้ามาจำหน่ายหลายราย ซึ่งไม่ได้มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งปี 2550 ดอม เหตระกูล ผู้หลงใหลในบแรนด์ ทไรอัมฟ์ เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ภายใต้บริษัท บริทไบค์ จำกัด ประสบความสำเร็จมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากจุดเริ่มต้นมียอดขาย 10-30 คัน จนถึงปี 2557 มียอดขายเกือบ 300 คัน ปี 2558 บริษัทแม่ตัดสินใจเข้ามาทำตลาดรถ ทไรอัมฟ์ ในประเทศไทย เนื่องจากมองเห็นการเติบโตและการสร้างบแรนด์ที่บริษัทแม่จะทำได้ชัดเจนมากกว่า จริงๆ แล้ว ทไรอัมฟ์ ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2543 ก่อตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วน และส่งไปยังประเทศอังกฤษ จนถึงปัจจุบันนี้ได้ขยายเป็น 3 โรงงาน ทั้งผลิตชิ้นส่วนประกอบ และผลิตรถ ทไรอัมฟ์ มีพนักงานถึง 1,200 คน จนถึงปี 2559 จึงเริ่มศึกษาความเป็นไปได้จึงผลิตจำหน่ายในประเทศไทย จะทำให้มีราคาที่ต่ำลง เป็นที่มาของการจัดตั้ง บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด มุ่งเน้นการสร้างบแรนด์ ขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ให้มากยิ่งขึ้น ฟอร์มูลา : การดำเนินธุรกิจเปลี่ยนไปอย่างไร ? จักรพงษ์ : เมื่อบริษัทแม่เข้ามา บริทไบค์ ฯ ก็เปลี่ยนเป็นตัวแทนจำหน่าย ทไรอัมฟ์ และบริษัทฯ เป็นผู้ดูแลสินค้า 4 ประเภท คือ 1. จักรยานยนต์ ทไรอัมฟ์ 2. อะไหล่ 3. ชุดตกแต่ง และ 4. บริทิช พรีเมียม สินค้าไลฟ์สไตล์ เสื้อผ้า แฟชัน และได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฟอร์มูลา : ปีที่แล้วมียอดขายเท่าไร ? จักรพงษ์ : ตลาดโดยรวมของรถบิกไบค์จะมีอยู่ประมาณ 15,000 คัน แต่รถ ทไรอัมฟ์ จัดเป็นกลุ่มพรีเมียมบิกไบค์ ที่มีตลาดโดยรวมอยู่ประมาณ 6,000 คัน ปี 2560 เติบโตจากปีก่อนประมาณ 7 % แต่ภาพรวมของ ทไรอัมฟ์ ปี 2560 มียอดขายโดยรวม 2,832 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 16 % ส่วนปี 2559 มียอดขายโดยรวม 2,400 คัน เติบโตมากกว่าตลาดโดยรวม ฟอร์มูลา : ปีนี้วางนโยบายและแผนงานไว้อย่างไร ? จักรพงษ์ : นับตั้งแต่เริ่มทำตลาด บริษัทฯ วางแผนเป็นระยะ เริ่มต้นด้วยวางกลยุทธ์ด้านราคาสินค้า ต่อมาเป็นการขยายตัวแทนจำหน่าย และในปีที่แล้ว เน้นที่การนำเสนอสินค้ารุ่นใหม่ออกสู่ตลาด ส่วนปีนี้จะเน้นการจัดกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัส ขับขี่ ทไรอัมฟ์ ทุกคน รวมถึงอยากให้ลูกค้าคิดถึง ทไรอัมฟ์ ว่าไม่ใช่แค่รถจักรยานยนต์เท่านั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ด้วย ฟอร์มูลา : ปัจจุบันมีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการกี่แห่ง ? จักรพงษ์ : 15 แห่งทั่วประเทศ โดยปีนี้จะเน้นการปรับปรุงให้ทุกโชว์รูมออกแบบและควบคุมคุณภาพตามข้อกำหนดและมาตรฐานของ ทไรอัมฟ์ เวิร์ลด์ สแตนดาร์ด ทั้งด้านการจัดจำหน่ายที่มีรถมอเตอร์ไซค์ทุกรุ่นให้เลือกชม รวมถึงทดลองขี่ได้ทุกรุ่น มีโซนเสื้อผ้า และอุปกรณ์เสริมให้เลือกซื้อ รวมถึงมีส่วนการบริการหลังการขายแบบครบวงจร ฟอร์มูลา : คุณมีความคิดเห็นอย่างไรกับตลาดบิกไบค์? จักรพงษ์ : ตลาดบิกไบค์ในเมืองไทยเติบโตรวดเร็ว แต่สิ่งสำคัญอยากให้ผู้ขับขี่มีความรู้ ความเข้าใจหลักการขับขี่ที่ถูกต้องมากขึ้น พัฒนาการของผู้ขับขี่ จากเดิมจักรยานยนต์จะมีเครื่องยนต์ 110, 150 ซีซี แต่ปัจจุบันจะมีขนาดใหญ่ขึ้น 300, 500 ซีซี ผู้ขับขี่เริ่มมีความเข้าใจมากขึ้น นิยมไปเรียนเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ แต่อยากให้มีใบขับขี่แยกประเภทออกมาเป็นประเภทรถบิกไบค์ เพื่อให้มีความชัดเจน ปลอดภัย และอุบัติเหตุก็จะลดน้อยลง ฟอร์มูลา : การแข่งขันในตลาดจะเป็นรูปแบบใด ? จักรพงษ์ : ปัจจุบันด้านราคาไม่ค่อยแตกต่างกันมาก การแข่งขันเน้นด้านเทคโนโลยี ความปลอดภัย ความคุ้มค่า และการจัดกิจกรรม ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ จะจัดทริพเพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่าง โดยแต่ละดีเลอร์จะจัดกิจกรรมเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง ฟอร์มูลา : ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายเท่าไร ? จักรพงษ์ : ตลาดโดยรวมปีนี้ถ้าไม่มีอะไรพลิกผัน คาดว่าจะโตเพิ่มขึ้นประมาณ 7-10 % โดย ทไรอัมฟ์ ตั้งเป้ายอดขายที่ 3,100 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 10 %