สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
วิชัย วงศ์ไชยเสรี ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจซ่อมสีและตัวถัง บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ จำกัด
“ฟอร์มูลา” สัมภาษณ์พิเศษ วิชัย วงศ์ไชยเสรี ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจซ่อมสีและตัวถัง บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ จำกัด หรือ เอมจีซี-เอเชีย ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ บีเอมดับเบิลยู มีนี ฮอนดา นิสสัน โรลล์ส-รอยศ์ มาเซราตี และแอสตัน มาร์ทิน อย่างเป็นทางการในเครือบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัดฟอร์มูลา : ปัจจุบัน เอมจีซี-เอเชีย มีศูนย์ซ่อมสีและตัวถังกี่แห่ง ? วิชัย : มิลเลนเนียม ออโต้ฯ เริ่มต้นธุรกิจด้วยการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถ บีเอมดับเบิลยู และมีนี ตั้งแต่ปี 2543 ปัจจุบันมีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจรทั่วประเทศ 7 สาขา คือ พระราม 4 ลาดพร้าว พระราม 3 เอกมัย (มีนี) อุบลราชธานี ภูเก็ต และหาดใหญ่ รวมถึงอีก 2 สตูดิโอ ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน และศูนย์การค้าเซนทรัล สุราษฎร์ธานี บริการหลังการขาย เป็นหนึ่งในปัจจัยสู่ความสำเร็จ เพราะการที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ นอกจากยอดขาย ปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ บริการหลังการขาย เพื่อให้เจ้าของรถยนต์ บีเอมดับเบิลยู และมีนี ทุกท่าน มั่นใจได้ในสภาพการใช้งานที่ดีเยี่ยมตลอดทุกเส้นทาง ดังนั้นการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ หรือการซ่อมแซมเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้รถอย่างคุ้มค่า เอมจีซี-เอเชีย จึงได้ขยายการลงทุนมีศูนย์ซ่อมสีและตัวถังอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 9 แห่ง แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 7 แห่ง ได้แก่ บีเอมดับเบิลยู มีนี 2 แห่ง กลุ่มซัมมิท ฮอนด้า 4 แห่ง หัวหมาก พัฒนาการ บางนา อุดมสุข และศูนย์ซ่อมหนักที่พัฒนาการ 1 แห่ง และต่างจังหวัด 2 แห่ง ที่ภูเก็ต และหาดใหญ่ ฟอร์มูลา : ปัจจุบัน 9 แห่ง เพียงพอหรือไม่ ? วิชัย : ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขยายธุรกิจซ่อมสีและตัวถัง เนื่องจากรถที่เข้ามาใช้บริการมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งศักยภาพของ บริษัทฯ ทำได้มากกว่านี้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องขยายพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรองรับกับรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ เตรียมแผนการลงทุนเพิ่มอีก 300 ล้านบาทภายใน 3 ปี ขยายธุรกิจซ่อมสีและตัวถัง โดยแบ่งออกเป็น 2 โครงการขนาดใหญ่ คือ โครงการ BP FACTORY โดยจะเป็นศูนย์ซ่อมขนาดใหญ่เพื่อรองรับลูกค้าแบบสมบูรณ์แบบทุกด้าน คาดว่าจะขยายที่ลาดพร้าว และพัฒนาการ รวมถึงในจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อรองรับการเพิ่มยอดขายปีละ 500 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาท หรือรับรถได้ปีละ 24,000 คัน สำหรับการขยายธุรกิจศูนย์ซ่อมสีและตัวถังของ เอมจีซี-เอเชีย เป็นแผนรองรับการให้บริการซูเพอร์คาร์ และรถไฟฟ้า ที่มีเทคโนโลยีระดับพรีเมียม อีกทั้ง เอมจีซี-เอเชีย ยังมีบโรเคอร์ที่เป็นบริษัทในเครือดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับประกันภัย ที่รองรับบริษัทประกันภัย 15 บริษัทที่ร่วมธุรกิจอีกทั้งจากความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง โดย บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มอบประกาศนียบัตรให้ มิลเลนเนียม ออโต้ สาขาภูเก็ต และหาดใหญ่ เป็นศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังมาตรฐาน (BMW CERTIFIED BODY AND PAINT CENTER) เพิ่มเติมจากสาขาลาดพร้าว และพระราม 4 ซึ่งทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่า รถบีเอมดับเบิลยู และมีนี จะได้รับการซ่อมแซมอย่างพิถีพิถัน โดยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการอบรมจาก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ภายใต้มาตรฐานที่เป็นสากล ซึ่งศูนย์บริการที่ผ่านเกณฑ์ และได้รับประกาศนียบัตรศูนย์ซ่อมสีและตัวถังมาตรฐานจาก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติหลากหลาย เช่น มีโครงสร้างของศูนย์บริการตามรูปแบบที่เป็นมาตรฐานของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มีความพร้อมในด้านเครื่องมือพิเศษสำหรับรถยนต์ บีเอมดับเบิลยู และมีนี พร้อมสำหรับการใช้สีสูตรน้ำเต็มระบบ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีเครื่องมือที่รองรับเทคโนโลยีสำหรับตัวถังอลูมิเนียม ที่กำหนดโดย บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก รวมทั้งมีทีมช่างที่ผ่านการอบรมภายใต้มาตรฐานของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และผลงานต้องได้คุณภาพตามที่กำหนด ฟอร์มูลา : BP FACTORY จะใช้เงินลงทุนประมาณเท่าไร ? วิชัย : BP FACTORY ใช้เงินลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท โดยมองพื้นที่รอบเมืองชั้นในมีขนาดใหญ่ แบ่งงานซ่อมออกเป็น 3 ส่วนในศูนย์บริการเดียวกัน รับรถได้เดือนละไม่น้อยกว่า 700-1,000 คัน ฟอร์มูลา : จุดเด่นของ เอมจีซี-เอเชีย ที่เหนือกว่าคู่แข่งมีอะไรบ้าง ? วิชัย : จุดเด่นของ เอมจีซี-เอเชีย อันดับแรก คือ บุคลากรมีความสามารถ ผ่านการอบรมจากบริษัทแม่ และเป็นที่ยอมรับของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ไว้วางใจให้ เอมจีซี-เอเชีย เป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ส่วนที่ 2 มีเครื่องมือพิเศษ ซึ่งปัจจุบันได้ลงทุนเครื่องมือใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น เครื่องวัดเฟรมตัวถัง 3 มิติ ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ในการวัด ซึ่งใช้วัดเฟรม หรือตัวถัง และวิเคราะห์การซ่อมได้ว่าแชสซีส์ตัวถังอยู่ในมาตรฐานของรถรุ่นนั้นหรือไม่ นอกจากนี้ยังมี เครื่องขัดแห้งไร้ฝุ่น เป็นตัวช่วยลดมลภาวะของฝุ่น ส่วนของสี ปัจจุบันใช้สีสูตรน้ำ ที่มีหลายบริษัทกำหนดให้ใช้ เนื่องจากเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนที่ 3 คือ การบริการงานที่ส่งมอบให้แก่ลูกค้า ความแตกต่าง คือ เน้นคุณภาพมาตรฐาน และความรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันสามารถบริการแบบเร่งด่วนภายใน 1 วัน หรือควิคเซอร์วิศ เช่น หากลูกค้ามีแผลจากการเฉี่ยวชนเล็กน้อย ไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่ บริษัทฯ สามารถซ่อมเสร็จโดยใช้เวลาเพียง 1 วัน ส่วนงานอื่นๆ ใช้มาตรการการกำหนดเวลาจากบริษัทแม่ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงเน้นที่คุณภาพ มาตรฐาน และความรวดเร็วในการบริการ ส่วนที่ 4 คุณภาพงาน ซึ่งในปัจจุบันบริษัทฯ สามารถซ่อม คาร์บอนไฟเบอร์ อลูมิเนียม แมกนีเซียม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่แตกต่างจากงานซ่อมทั่วไป นอกจากนี้ การตัดต่อเชื่อม งานซ่อมทั่วไปจะใช้เครื่องเชื่อมต่อตัวถัง ปัจจุบันเราซ่อมด้วยเทคโนโลยี BONDET คือ การเชื่อมต่อชิ้นงานด้วยกาวพิเศษ และอบด้วยความร้อน ซ่อมงานได้รวดเร็วมากขึ้น ความคงทนแข็งแรงดี หรือเท่าเทียมการซ่อมปกติ โดยเป็นสิ่งที่มากับบแรนด์ของรถหลายยี่ห้อ และสุดท้ายให้บริการครอบคลุมพื้นที่ บีเอม-ดับเบิลยู มีนี พระราม 4 อยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ลูกค้าส่วนใหญ่เข้าถึงง่าย ลาดพร้าว พระราม 3 เอกมัย และในส่วนของ ซัมมิท ฮอนด้า ตั้งอยู่บริเวณฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ คือ บางนา อุดมสุข หัวหมาก และพัฒนาการ ฟอร์มูลา : คุณมองว่าปัจจุบันการแข่งขันเป็นอย่างไร ? วิชัย : ธุรกิจเมื่อเติบโตก็จะมีการแข่งขันเพิ่มขึ้น และลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการความรวดเร็วดังนั้น นโยบายหลักของการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า คือ การขยายการบริการให้รองรับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และนอกเหนือการบริการซ่อม คือ บริการให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ เอมจีซี-เอเชีย จึงได้วางแผนการลงทุนขยายธุรกิจศูนย์ซ่อมสีและตัวถังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกเหนือจากการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมพื้นที่แล้ว การลงทุนด้านบริการถือเป็นหัวใจสำคัญด้วย เช่น การบริการเพิ่มเติม รับรถลูกค้า การส่งมอบรถให้แก่ลูกค้า การนัดเวลาซ่อม การจองเวลาซ่อม หรือแม้แต่การลงทุนเครื่องมือพิเศษต่างๆ เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ ที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีของบริษัทแม่ที่ทำให้โครงสร้างของรถยนต์มีน้ำหนักเบา ฟอร์มูลา : แผนการขยายธุรกิจครั้งนี้รองรับบแรนด์อื่นด้วยหรือไม่ ? วิชัย : ปัจจุบัน ศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง 9 แห่ง ให้บริการบแรนด์ที่บริษัทฯ เป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่าย เช่น โรลล์ส-รอยศ์ มาเซราตี แอสตัน มาร์ทิน บีเอมดับเบิลยู มีนี ฮอนดา และนิสสัน ส่วนในต่างจังหวัด ภูเก็ต หาดใหญ่ ซ่อมบแรนด์อื่นด้วย เช่น โพร์เช โวลโว และเมร์เซเดส-เบนซ์ ส่วนการขยายรองรับบริการซ่อมบแรนด์อื่นในอนาคตจะเปิดตัว BP FACTORY ในปี 2563 ฟอร์มูลา : คุณคิดว่าเทคโนโลยีรถยนต์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร ? วิชัย : อีเลคทริคคาร์ เน้นเป็นการซ่อมไฟเบอร์ ซึ่งเปลี่ยนการดึงตัวถังเป็นการตัดต่อ คือ ตัดชิ้นส่วนที่เสีย แล้วตัดเชื่อมต่อด้วยกาว แล้ว RIVETING คือ การยึดชิ้นงานตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไปด้วยหมุด ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของการซ่อมสีและตัวถัง ตัวรถก็จะเบา ชิ้นส่วนที่เป็นส่วนผสมของพลาสติค เป็นชิ้นส่วนประกอบของรถมากขึ้น ซึ่งเป็นพลาสติคคุณภาพคงทนสูง แต่รถส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องน้ำหนัก ฟอร์มูลา : ทิศทางของอู่ซ่อมสีและตัวถังจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด ? วิชัย : งานศูนย์ซ่อมสีและตัวถังขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี ดังจะเห็นได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ในอดีต งานซ่อมทั่วไปจะมีเครื่องมือจำกัด เนื่องจากสินค้าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ แต่ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยี จะเห็นว่าเครื่องมือการซ่อมมีการเปลี่ยนแปลงไป เช่น เครื่องวัดตัวถัง 3 มิติ ช่วยให้รู้ถึงสเปคของรถหลังเกิดอุบัติเหตุ บางครั้งเมื่อซ่อมแล้วลูกค้าไม่สามารถทราบได้เลยว่า รอยด้านใน ได้ถูกซ่อมอย่างถูกต้องหรือไม่ ส่วนหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลงด้านนวัตกรรม ซึ่งอนาคตหากศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง หรือศูนย์บริการที่เป็นบริษัทประกันภัย ต้องการสร้างมาตรฐาน ให้ลูกค้ายอมรับ จำเป็นต้องลงทุนเรื่องเครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ ถือเป็นการการันตีงานซ่อมให้มีมาตรฐาน ส่วนเรื่องสี ปัจจุบัน สีสูตรน้ำ เป็นสูตรที่ทันสมัยและได้รับการยอมรับจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายบแรนด์ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องเทคนิคแล้วยังถือว่าไม่ยอดเยี่ยม จุดนี้ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตสีที่ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม กระบวนการซ่อมถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจกับลูกค้าว่า งานซ่อม บางครั้งไม่ได้ช้า แต่การยื่นเรื่องรอประกันอนุมัติต้องใช้เวลา ดังนั้นการซ่อมจึงต้องดูทั้งกระบวนการควบคู่กันไป ฟอร์มูลา : งานซ่อมสีและตัวถัง น่าจะมีการพัฒนาเพิ่มเติมอย่างไร ? วิชัย : สิ่งสำคัญที่สุด คือ การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการที่เกี่ยวกับการประกันภัย อะไหล่ ที่จะต้องส่งมาจากต่างประเทศ อีกเรื่องหนึ่งคือ สี ที่ต้องใช้เวลาอบแห้ง สิ่งเหล่านี้จะทำให้งานซ่อมสีมีประสิทธิภาพดีและเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าปรับปรุงในส่วนนี้ก็จะทำให้งานซ่อมสีและตัวถังมีประสิทธิภาพที่ดี ส่วนเทคโนโลยี และเทคนิคต่างๆ เป็นนวัตกรรมที่ต้องรอการพัฒนา นอกจากนี้ เป็นเรื่องบริการเสริม เช่น ปัจจุบัน บีเอมดับเบิลยู และมีนี มีบริการเสริมผ่านแอพพลิเคชัน ซึ่งต่อไปในอนาคต ศูนย์ซ่อมสีและตัวถังมีแผนงานด้านการพัฒนาการบริการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการบริการที่เป็นเลิศ ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ท้าทายอย่างมาก เพราะการบริการด้านนี้ งานทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่งานซ่อม ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประกันภัย แต่ลูกค้ามักจะไม่ค่อยทราบ ดังนั้น เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า เราได้เตรียมแผนการพัฒนาแอพพลิเคชัน เพื่อแจ้งข่าวสารให้ลูกค้าทราบถึงการซ่อมผ่านโมบายล์แอพพลิเคชัน ซึ่งนอกจากแจ้งสถานะการซ่อมแล้ว ยังสามารถแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงเรื่องอื่นๆ ได้ เช่น ประเมินราคาซ่อม คิวการซ่อม ซึ่งแอพพลิเคชันจะช่วยเรื่องความสะดวก รวดเร็ว และเป็นการสื่อสารที่ใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น
ABOUT THE AUTHOR
นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : สายชล อรรถาเวช นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2561
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)