สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชาริช โฮลดิ้ง จำกัด
ชาริช โฮลดิ้งฯ เป็นกลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเติบโตอย่างมั่นคง ภายใต้การบริหารงานของหนุ่มไฟแรง ทายาทอุตสาหกรรมยานยนต์ในอดีต "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชาริช โฮลดิ้ง จำกัดฟอร์มูลา : ความเป็นมาของ ชาริช โฮลดิ้งฯ ? อภิชาติ : จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ เริ่มต้นเมื่อปี 2546 เปิดตัว บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด หรือ ดูกาตี ไทยแลนด์ เป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ดูกาตี หลังจากนั้นได้เริ่มขยายบแรนด์ เปิด บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด นำเข้า และจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ รอยัล เอนฟีลด์ นอกจากนี้ ยังนำเข้า และจัดจำหน่ายหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ไอโรบอท รถจักรยานยนต์สกูเตอร์ไฟฟ้า NIU บริษัท บีวายดี ออโต้ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์จากประเทศจีน ล่าสุด ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ ลัมโบร์กินี ภายใต้ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ซึ่งพอมีหลายบแรนด์ ทำให้แต่ละบแรนด์ต้องมีการบริหารจัดการเต็มรูปแบบ จนเมื่อปี 2550 ตัดสินใจจัดตั้งบริษัท ชาริช โฮลดิ้ง จำกัด เป็นบริษัทฯ ดูแลบริษัทในเครือทั้งหมด ฟอร์มูลา : หน้าที่ของ ชาริช โฮลดิ้งฯ คืออะไร ? อภิชาติ : บริษัทที่เป็น โฮลดิง จะเข้าไปถือหุ้นในทุกบริษัท ทำหน้าที่บริหารพื้นที่ โดยให้แต่ละบริษัทเช่าพื้นที่ คอยดูแลงานด้านบุคคล บัญชี การเงิน ในทุกบริษัท ส่วนในแต่ละบแรนด์จะมี ผู้จัดการบแรนด์ แผนกการตลาด แผนกขาย บริการหลังการขาย และเฉพาะเจาะจงตามคาแรคเตอร์ของแต่ละบแรนด์ นอกจากนี้ ลูกค้าในแต่ละบแรนด์ซึ่งเป็นคนละแบบ การทำตลาด จึงจำเป็นต้องเข้าใจบแรนด์ที่ดูแล ซึ่งทีมงานของแต่ละบแรนด์สามารถบริหารกันเองได้ ยกเว้นส่วนกิจกรรม จะมีอีเวนท์ทีมเข้าไปช่วยดูแล เนื่องจากทีมงานสามารถที่จะผสมผสาน และแลกเปลี่ยนแนวคิดการทำงานร่วมกันได้ นอกจากนี้ เมื่อต้นปี 2561 ได้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิปันสุข เพื่อนำเงินกำไรของแต่ละบริษัทไปแบ่งปันคืนสู่สังคม ผมมีความตั้งใจว่าเมื่อเราจัดตั้ง โฮลดิง ขึ้นมาเพื่อดูแลธุรกิจในเครือ การทำธุรกิจด้วยความจริงใจกับคู่ค้า ลูกค้า ซื่อสัตย์ ไม่โกหก นำหลักพุทธศาสนามาใช้ เมื่อมีกำไร การแบ่งปันคืนสู่สังคมและพนักงาน ฟอร์มูลา : วางแผนสำหรับ ลัมโบร์กินี ไว้อย่างไร ? อภิชาติ : ถือเป็นความท้าทายใหม่ของบริษัทฯ เพราะหลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายครั้งนี้ เป็นการทำงานที่จะต้องปรับภาพลักษณ์ใหม่ของบแรนด์ด้วย เพราะในอดีต ลัมโบร์กินี จะเป็นบแรนด์ที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นที่ชื่นชอบความเร็ว ปัจจุบันจะปรับลุคใหม่ให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับคาแรคเตอร์ของบแรนด์ แต่ก็ไม่ได้เป็นลุคของผู้บริหาร แต่จะเน้นไปในกลุ่มแคชวล แต่อย่างไรก็ตามด้วยคาแรคเตอร์ของทีมงาน และความถนัดของ ชารีฟ โฮลดิ้งฯ เรื่องการสร้างบแรนด์ จากผลงานที่ผ่่านมา ไม่ว่าจะเป็น ดูกาตี และรอยัลเอนฟีลด์ ทำให้ บริษัทฯ มั่นใจในการสร้างบแรนด์ ลัมโบร์กินี เพราะสุดท้ายบริษัทฯ ก็จะยังคงยึดนโยบายการทำธุรกิจแบบโปร่งใส จริงใจ และซื่อสัตย์ ฟอร์มูลา : เป็นตัวแทนจำหน่าย ลัมโบร์กินี ใช้เงินลงทุนเท่าไร ? อภิชาติ : ลัมโบร์กินี บริหารงานโดย บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ถือหุ้นโดย บริษัท ชาริช โฮลดิ้ง จำกัด ภายใต้การบริหารของ อภิชาติ ลีนุตพงษ์ 80 % และศักดิ์ นานา 20 % โชว์รูมพร้อมศูนย์บริการแห่งแรกใช้งบลงทุนประมาณ 120 ล้านบาท ไม่รวมค่่าที่ดิน ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต บนพื้นที่ 5,000 ตารางเมตร จัดแสดงรถ ลัมโบร์กินี ทุกรุ่น รวมทั้งเป็นศูนย์บริการหลังการขายครบวงจรขนาด 7 ช่องซ่อม เพียบพร้อมด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน สามารถรองรับรถเข้าซ่อมบำรุงได้มากกว่า 1,000 คัน/ปี โดยทีมบริหารที่มีความรู้ และประสบการณ์ในการดูแลรถหรูมากว่า 20 ปี ที่จะดูแลการทำงานของทีมช่างเทคนิคที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น พร้อมให้บริการตรวจเชคสภาพ และซ่อมบำรุงรถ ลัมโบร์กินี ทุกรุ่นด้วยความใส่ใจในคุณภาพ และมาตรฐานความปลอดภัย โดยคาดว่าจะเปิดได้ในช่วงปลายปี 2561 ในระหว่างการก่อสร้างโชว์รูมใหม่ และศูนย์บริการครบวงจร เราได้เปิดศูนย์บริการชั่วคราวในวันที่ 1 กันยายน 2561 เพื่อรองรับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ดูแล และควบคุมคุณภาพโดยทีมงาน ลัมโบร์กินี ประจำภูมิภาค พร้อมให้บริการซ่อมบำรุงและดูแลรักษา ลัมโบร์กินี ทุกรุ่น ด้วยอะไหล่แท้ สำหรับแผนการรุกตลาด บริษัทฯ เน้นกลยุทธ์หลัก 3 ด้าน คือ 1. ตอกย้ำภาพลักษณ์บแรนด์ ลัมโบร์กินี ให้แข็งแกร่ง ผ่านการดำเนินกิจกรรมการตลาดที่สร้างสรรค์ และกิจกรรมเพื่อสังคม รวมทั้งสื่อสาร และสร้างการมีส่วนร่วมของกลุ่มผู้ซื้อเป้าหมาย 2. เน้นสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าด้วยมาตรฐานการให้บริการสูงสุด 3. รองรับบริการหลังการขายอย่างครบวงจร ด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก ซึ่งจะช่วยผลักดันให้บแรนด์ ลัมโบร์กินี เป็นบแรนด์ที่แข็งแกร่งสมศักดิ์ศรีสุดยอดซูเพอร์คาร์ในใจผู้คนทั่วโลก ส่วนรถยนต์ ลัมโบร์กินี ที่นำเข้ามาจำหน่ายนั้น จะเป็นรถที่จำหน่ายทุกรุ่นในปัจจุบัน ซึ่งบริษัทฯ ไม่ได้มีความแตกต่างจากผู้นำเข้ารายอื่น รถทุกคัน ออพชันเดียวกัน และราคาเดียวกัน โดยตลาดในเอเชียญี่ปุ่นมียอดขายสูงสุดปีละ 450 คัน และในไทยคาดว่าจะขายได้ปีละ 40-50 คัน โดยหวังว่าในอนาคตไทยจะติดอันดับ TOP 5 ฟอร์มูลา : ธุรกิจใดของบริษัทแข็งแรงมากที่สุด? อภิชาติ : ในแต่ละบแรนด์ที่บริษัทฯ ทำการตลาดนั้นจะมีความแข็งแรงในตัวเอง ตัวอย่าง ไอโรบอท ถ้าจะพูดกับคนขี่มอเตอร์ไซค์ หรือขับรถยนต์ อาจไม่รู้จัก แต่จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่รู้จัก และพร้อมจะซื้อ หรือแม้แต่ ดูกาตี ที่ถือว่าเป็นที่รู้จักในตลาดมานาน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน เช่น แม่บ้านชาวญี่ปุ่น รู้จัก ดูกาตี แต่ก็ไม่มีความต้องการจะต้องทุ่มเงินซื้อ ดังนั้น จึงไม่ได้เน้นว่าบแรนด์ไหนแข็งแรง แต่จะมองที่กลุ่มลูกค้า และเข้าไปเจาะให้ถูกกลุ่มเพื่อให้แต่ละกลุ่มรู้จักบแรนด์มากขึ้น ส่วนบแรนด์ที่ต้องทำการตลาดเพิ่มเติม คือ NIU (นิว) ซึ่งเป็นบแรนด์ใหม่ ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ เมื่อนำเข้ามาทำตลาดในไทย ต้องเน้นไปที่กลุ่มลูกค้า รถไฟฟ้า จึงต้องใช้เวลาในการสร้างบแรนด์อีกระยะหนึ่ง อีกอย่างการสร้างบแรนด์ต้องมองที่กลุ่มลูกค้า เพราะราคาของ NIU ค่อนข้างสูง สมมติว่ีาจะทำให้คนขับรถมอเตอร์ไซค์ราคา 40,000-50,000 บาท มารู้จัก NIU แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำให้ทุกคนมาซื้อรถราคา 90,000 บาท ปัจจุบันเราได้เพียงแค่เจาะเข้าไปในกลุ่มเล็กๆ ที่มีความต้องการ แต่เมื่อไหร่ที่คนไทยพร้อม และอยากใช้รถไฟฟ้า เมื่อถึงเวลานั้นค่อยกลับมากระตุ้นสร้างบแรนด์ ตอนนี้ไม่สามารถขายได้เพิ่มขึ้น เพราะคนยังไม่เข้าใจเรื่องรถไฟฟ้า ส่วนรถไฟฟ้า บีวายดี ได้ส่งมอบ บีวายดี อี 6 101 คัน ให้แก่ บริษัท อีวี โซไซตี้ จำกัด ผู้บริหารกิจการแทกซีในสนามบินสุวรรณภูมิ ในโครงการ อีวี แทกซี วีไอพี เพื่อยกระดับคุณภาพรถ และบริการของแทกซีไทย ซึ่งตามแผนงานที่วางไว้ ตั้งแต่ปี 2561-2562 จะเน้นทำการทำตลาดแบบ PUBLIC TRANSPORTATION (B2B) ขายให้แก่หน่วยงานที่ต้องใช้ เพื่อให้เกิดการยอมรับรถยนต์ไฟฟ้า ราคารถ 1,900,000 บาท สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมกับการรับประกันแบทเตอรี 5 ปี หรือ 500,000 กม. ต้องสร้างความเข้าใจก่อนว่าหลังจาก 5 ปี แบทเตอรีก็ยังสามารถใช้ต่อได้ เหมือนรถที่ใช้เครื่องยนต์ และราคาแบทเตอรี ลดลง 10 % ทุกปี อีก 5 ปีข้างหน้า อาจจะลดลง หรือราคาเท่าเดิม อาจจะวิ่งได้ระยะทางไกลขึ้น แต่พอมาเจอคนที่ไม่เข้าใจเรื่องรถไฟฟ้า เลยยากที่จะตั้งเป้ายอดขาย ดังนั้น จุดเริ่มต้น คือ ต้องสร้างความเข้าใจกับผู้บริโภคก่อน ซึ่งระยะเวลาจะทำให้เทคโนโลยีถูกลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2563 บริษัทแม่อาจจะผลิตรถยนต์สำหรับลูกค้าทั่วไป เมื่อถึงเวลานั้น บริษัทฯ จะรุกตลาดโดยการขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายเหมือนกับรถยนต์ทั่วไป ส่วน ลัมโบร์กินี เป็นบแรนด์ที่มีคนรู้จักมาก สิ่งที่ต้องสร้าง คือ ทำให้คนรู้ว่าเราเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย และแนวทางการทำธุรกิจของบริษัทฯ คือ มุ่งเน้นไปที่การปรับคาแรคเตอร์ของบแรนด์ ฟอร์มูลา : คุณวางเป้าหมายการดำเนินธุรกิจไว้อย่างไร ? อภิชาติ : การวางเป้าหมายเป็นสิ่งที่ยาก เพราะเราไม่ได้สร้างรถ แต่เราทำงานกับบแรนด์ การทำงานขึ้นอยู่กับการวางแผนของแต่ละบแรนด์ สิ่งที่เราต้องทำให้ดีที่สุด คือ รักษาความสัมพันธ์ระหว่างเรากับบแรนด์ให้ดีที่สุด ทำยอดขายให้ได้มากที่สุด เจ้าของบแรนด์ก็จะมีความสุข และเมื่อทำให้บแรนด์เติบโต ภายในองค์กร ทีมงาน ก็จะมีความสุขที่ได้รับผลตอบแทน สวัสดิการ โบนัส และนำผลกำไรกลับคืนสู่สังคม โดยหากพูดถึงความสำเร็จจนถึงปัจจุบันน่าจะอยู่ที่ประมาณ 60 % เพราะยังมีอีกหลายส่วนที่ต้องพัฒนาให้ดีขึ้น การที่ผมเข้ามาในจุดนี้เป็นเพราะมีความชื่นชอบในรถยนต์ มีความตั้งใจตั้งแต่เด็กแล้วว่าอยากทำให้สิ่งที่ตนเองชอบ และมีความเข้าใจ หลังจากนี้คาดว่า ชาริช โฮลดิ้งฯ น่าจะมีสินค้าอีกสัก 1-2 บแรนด์ แต่ปัจจุบันจะเน้นที่การสร้างคน ควบคู่กับการพัฒนาระบบเพื่อให้แต่ละบแรนด์ มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ฟอร์มูลา : ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้เท่าไร ? อภิชาติ : ปีนี้คาดว่า ชาริช โฮลดิ้งฯ น่าจะมีรายได้ประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมกับ ลัมโบร์กินี ส่วนปีหน้ารวม ลัมโบร์กินี ด้วยน่าจะมีรายได้ประมาณ 1,600-1,700 ล้านบาท
ABOUT THE AUTHOR
น
นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2561
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)