ปิด "ระเบียงรถใหม่" ในเดือนแห่งการชุมนุมรถกิจกรรมกลางแจ้ง (อีกครั้งหนึ่ง) ด้วย ELECTRIC COMPACT CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัดพลังไฟฟ้า ติดป้ายชื่อ เกีย อี-นีโร (KIA E-NIRO) ซึ่งเพิ่งเปิดตัวแบบ EUROPEAN PREMIERE หรือ "ครั้งแรกในยุโรป" ที่งานมหกรรมยานยนต์ปารีสครั้งล่าสุด ซึ่งมีขึ้นในเมืองน้ำหอม เมื่อต้นเดือนตุลาคมของปีน้องหมาหน้าเบ้ ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี่เองในเมืองโสมขาวรถติดป้ายชื่อ เกีย นีโร (KIA NIRO) เริ่มการจำหน่ายเมื่อกลางปี 2016 โดยมีรถให้เลือก 2 แบบ คือ รถขับล้อหน้าด้วยระบบไฮบริดชนิดไม่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,580 ซีซี 77 กิโลวัตต์/105 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 32 กิโลวัตต์/44 แรงม้า แบทเตอรีลิเธียม-ไออน โพลีเมอร์ (LITHIUM-ION POLYMER) ขนาด 1.56 กิโลวัตต์ชั่วโมง และระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 จังหวะ กับรถขับหน้าด้วยระบบไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ หรือ PLUG-IN HYBRID ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,580 ซีซี 77 กิโลวัตต์/105 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 45 กิโลวัตต์/61 แรงม้า แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน โพลีเมอร์ขนาด 8.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง และระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 จังหวะ ทั้ง 2 แบบมีขนาดตัวถัง 4.355x1.805x1.545 ม. ประมาณ 2 ปี หลังจากนั้น คือ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2018 คนรักรถในเมืองโสมจึงได้เห็นโฉมของรถแบบที่ 3 ซึ่งปรากฏตัวพร้อมกับป้ายชื่อ เกีย นีโร อีวี (KIA NIRO EV) และคำประกาศสรรพคุณว่าเป็นรถ เอสยูวี พลังไฟฟ้าล้วนๆ แบบแรกในประวัติศาสตร์ของยักษ์รองเมืองโสมขาว รวมทั้งเป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ แบบที่ 2 ถัดจากรถ เกีย โซล อีวี (KIA SOUL EV) ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อกลางปี 2014 ที่น่าทึ่งมากก็คือ มีรถให้เลือกถึง 2 โมเดล คือ KIA NIRO EV ซึ่งติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า และแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน โพลีเมอร์ขนาด 39.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งชาร์จไฟแต่ละครั้งรถจะวิ่งได้ไกล 385 กม. โดยเฉลี่ย กับ KIA NIRO EV SLIM PACKAGE ซึ่งลดขนาดมอเตอร์ไฟฟ้าเป็น 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า และลดขนาดแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน โพลีเมอร์เป็น 39.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะเดินทางเมื่อชาร์จไฟแต่ละครั้ง จึงลดเหลือเพียง 246 กม. โดยเฉลี่ย ในเมืองโสมค่าตัวของรถพลังไฟฟ้าขนาด 4.375x1.805x1.570 ม. นี้ เริ่มต้นที่ระดับ 49.970 ล้านวอน หรือเท่ากับประมาณ 1.700 ล้านบาท เมื่อคิดอัตราแลกเปลี่ยน เงินเกาหลี 1,000 วอน สามารถแลกได้ด้วยเงินไทย 34 บาทถ้วน และไม่มีเงินทอน ทีมงานของเรามีโอกาสสัมผัสตัวจริงของรถแบบนี้เป็นครั้งแรกตอนเดินทางไปทำข่าวที่งานมหกรรมยานยนต์ปารีส เมื่อต้นเดือนตุลาคม 2018 พบว่าป้ายชื่อที่ติดไว้ทั้งด้านหน้าด้านหลังเปลี่ยนเป็น เกีย อี-นีโร (KIA E-NIRO) และพบด้วยว่าในตลาดยุโรปรถพลังไฟฟ้าแบบนี้ก็มีให้เลือก 2 โมเดลเหมือนรถที่ขายในเมืองแม่ คือ โมเดลที่ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า กับโมเดลที่ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า ข้อมูลอีกส่วนหนึ่งที่พบเพิ่มเติมก็คือ โมเดลแรกมีน้ำหนักรถพร้อมขับ 1,791 กก. สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 167 กม./ชม. และมีอัตราสิ้นเปลืองพลังไฟฟ้า 0.149 กิโลวัตต์ชั่วโมง/กม. ส่วนโมเดลหลัง น้ำหนักรถพร้อมขับเปลี่ยนเป็น 1,646 กก. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพิ่มขึ้นเป็น 9.8 วินาที ความเร็วสูงสุดลดลงเป็น 155 กม./ชม. และอัตราสิ้นเปลืองพลังไฟฟ้าลดลงเป็น 0.142 กิโลวัตต์ชั่วโมง/กม. ที่งานดังกล่าวยักษ์รองเมืองโสมซึ่งขณะนี้อยู่ภายใต้ร่มเงาของยักษ์ใหญ่ ฮันเด (HYUNDAI) บอกด้วยว่า สามารถขายรถ เกีย นีโร (KIA NIRO) ในตลาดทั่วโลกไปแล้วประมาณ 200,000 คัน โดยที่ 65,000 คันในจำนวนนี้เป็นยอดขายในตลาดยุโรป ส่วนรถ เกีย อี-นีโร (KIA E-NIRO) ซึ่งก็เป็นรถผลิตในเกาหลีใต้เช่นกัน มีกำหนดออกตลาดในยุโรปบางประเทศก่อนสิ้นปี 2018