ประสาใจ
ชีวิตไกลปืนเที่ยง
ปลั่ง ผู้ชายในวัย 40 ปีเศษ รู้ว่าสิ่งนั้นมิได้ดังมาจากตลาดในเมือง ปลั่ง ได้ยินเสียงมาแต่ไกล และเมื่อกำลังนึกอยู่ว่าเสียงมาจากไหนกันแน่ ยับยิ่ง-ลูกสาววัย 22 ปีของ ปลั่ง ก็ถือมันดังติดมือเข้ามาในเรือนหลังคาคุ้มงอด้วยแรงลมและเปลวฝน“ชอบมั้ยพ่อ ?” ยับยิ่ง ส่งเสียงถาม ขณะ แม่ปลูก หน้าตื่นออกมาจากก้นครัว “อะไรของเอ็ง ?” ปลั่ง ถามขณะยื่นมือไปรับสิ่งนั้นมาพิจารณา “วิทยุจ้ะพ่อ” ลูกสาวตอบ “วิทยุแบบใหม่ที่เขาเรียกกันว่า ทรานซิสเตอร์ ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า ออกไปดำนาต่อไปนี้ เราฟังวิทยุได้เลย ดีมั้ยพ่อ ?” คนที่ทึ่งเท่อีกคน คือ แม่ปลูก มองทรานซิสเตอร์ตามคำแจ้งของลูกสาววัย 22 ปีอย่างตื่นตาตื่นใจ แม่ปลูก ไม่แปลกหูที่ได้ยินคำว่าทรานซิสเตอร์ เพราะเคยเห็นกับตามาก่อนนี้ที่บ้านลุงกำนันประจำตำบล ความพิศวงของแก คือ ลูกสาวได้มาอย่างไร เพราะราคาของมันคงแพงกว่าเคียวที่ใช้ตัดต้นข้าวในนา “เอ็งได้มายังไงวะ ?” แม่ปลูก ถาม “นั่นสิ พ่อก็อยากรู้” พ่อปลั่ง เสริม “ฝรั่งให้ฉันจ้ะพ่อ” ยับยิ่ง ตอบ “ฝรั่ง...!” สองคนทั้ง พ่อปลั่ง และแม่ปลูก ร้องพร้อมกัน ปลั่ง พูดต่อ “ฝรั่งที่เราเห็นขึ้นรถมาเป็นคันๆ นั่นน่ะรึ อียับ ?” แม่ปลูก ใช้มือสะกิด พ่อปลั่ง พร้อมคำเตือนเบาๆ “บอกแล้วไง ให้เรียกลูกว่า อียิ่ง...อย่าเรียกมัน อียับ” “เรียกยับดีแล้วพ่อ” ยับยิ่ง กล่าว “ตอนที่ฉันอยู่ข้างคันนา กำลังสาดเอาดินถมคันนาอยู่ มีฝรั่งคนหนึ่งเข้ามาทางข้างหลังฉัน ร้อง ยั้พ ยั้พ ฉันก็นึกว่าเขาเรียกชื่อฉัน งงมาก จนต้องเหลียวหลังดู...” “แล้วไง ?” แม่ปลูก ถาม “ตั้งแต่นั้น เราก็เลยเป็นเพื่อนกัน เขาคุยหลายยั้พแต่ฉันฟังไม่รู้เรื่อง...” “แล้วไง” พ่อปลั่ง ถาม “เขาทำมือทำไม้หลายอย่าง...เอามือมาลูบขี้โคลนที่น่องฉันร้อง อัพ อัพ ฉันก็ไม่รู้เรื่อง...” “แล้วไงอีก ?” แม่ปลูก ถาม “เขาเอาขี้โคลนทาน่องฉันเล่นอยู่พักหนึ่ง คุยอะไรไม่รู้ ฉันไม่เข้าใจ แล้วเห็นเขาทำมือขยุกขยิกๆ ร้อง ยั้พ ยั้พ...” “แล้วไง ?” พ่อปลั่ง ถาม “ฉันนึกว่าเขาอยากให้ฉันติดกระดุมที่หน้าอกเสื้อ ฉันแหงนมองดูท้องฟ้า มองไปทางพระอาทิตย์ บอกเขาว่า อากาศมันร้อน และเมื่อมันร้อนก็ต้องถอดเสื้อ...” “แล้วเอ็งก็ถอดเสื้องั้นรึ ?” แม่ปลูก ถาม “เปล่า ฉันแกะกระดุมอกเสื้อออกอีก 2 เม็ด เขามองฉันตาโต แล้วพูดอะไรไม่รู้ ฉันฟังไม่เป็น เห็นแต่เขาพูดแล้วเอามือชี้ไปที่ยอดเขาท้ายบ้านนาเกโน่น...” พ่อปลั่ง ตาค้าง คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่า วิทยุสมัยใหม่มาอยู่กับลูกสาวได้อย่างไร แม่ปลูก ก็เหมือนกัน ตาค้างคิดไม่ออกว่า ระหว่างฝรั่งคนนั้นกับยอดเขาท้ายบ้านนาเก มันทำให้เกิดวิทยุทรานซิสเตอร์ตัวนี้ได้ยังไง “เขาเอารถ จีพ มาด้วยคันหนึ่ง หลังจากเขาร้อง ยั้พ ยั้พ อีกคำสองคำเขาก็เดินกลับไปที่รถ เอาวิทยุเครื่องนี้มาให้ฉัน เสร็จแล้วก็ขับรถออกไป...” คืนนั้น บ้านลุงปลั่ง และแม่ปลูก ครึกครื้น ใต้แสงเดือนเพ็ญทำให้ภายในเรือนหลังคาคุ้มๆ งอ ดูจะออกแสงเป็นสีนวลใยสว่างอย่างน่าประหลาด พ่อปลั่ง กับแม่ปลูก ชื่นชมความมหัศจรรย์ของทรานซิสเตอร์ พ่อปลั่ง มีใบจากเป็นมวนอยู่ในปาก แม่ปลูก เพิ่งจะเช็ดตัวเสร็จไปเมื่อตะกี้ มีอารมณ์ตัวใหม่เกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อขณะเสียงทรานซิสเตอร์กังวาน แม่ปลูก รู้สึกเหมือนบ้านของ 3 ชีวิต มีชีวิตอีก 1 ชีวิตเข้ามาร่วมอาศัย ชีวิตบุคคลที่ 3 ของเรือนหลังนี้อยู่ข้างนอก ยับยิ่ง กำลังเดินรับแสงเดือนบนคันนา อยู่กับสุภาพบุรุษในเครื่องแบบที่มีรูปร่างสูง เขาคือ ฝรั่งทรานซิสเตอร์ ทั้ง 2 คนเดินไปในความเงียบ ไม่มีเสียง ยั้พ ยั้พ นานๆ ก็ส่งเสียงพูดจาออกมาทั้ง 2 ฝ่าย และต่างก็ไม่เข้าใจในคำที่พูด ไม่มีใครรู้เรื่อง แต่ความเข้าใจในความรู้สึกนั้น ทั้ง 2 คนเข้าใจชัดเจนผ่านตามเส้นเลือดในมือที่จับกุมกันอยู่นั้น ยับยิ่ง สวมเสื้อคอกระเช้าหลวมๆ มันพองลม และพองเนื้อหน้าอก สิ่งที่ผลักดันให้หล่อนหยุบๆ โหย่งๆ ไปข้างหน้าแต่ละก้าวนั้น เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายเพศตรงข้าม และดูเหมือนจะเป็นสิ่งนี้เอง ทำให้ ยับยิ่ง ได้ของกำนัลตัวใหม่จากฝรั่งทรานซิสเตอร์ คราวนี้เป็นไลเตอร์ตัวกะทัดรัด ซึ่ง ยับยิ่ง เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการจุดใบจากของ พ่อปลั่ง ยับยิ่ง หยุดเดิน แหงนคอมองดูชายหนุ่ม “ขอบใจจ้ะ” หล่อนยกมือไหว้ เพียงกิริยา แต่มันก็เป็นความหลงใหลของชายหนุ่ม จนต้องล้อเลียนคำพูดของ ยับยิ่ง “คอบจายจร้า...ยั้พ ยั้พ...” ยับยิ่ง หัวเราะอย่างเปิดเผย รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่ารัก ผิดกับฝรั่งอีกหลายคนในจังหวัดอุดรที่ชอบเอะอะเสียงดัง อาละวาดไม่เลือกสถานที่ ภาพเหล่านั้นหล่อนได้เห็นทุกครั้งที่มีโอกาสไปดู มิตร-เพชรา เล่นหนังให้ดูในโรงหนัง ข้อสำคัญ ยับยิ่ง เห็นฝรั่งจูบผู้หญิงไทย คิดถึงตอนนี้ ยับยิ่ง รู้สึกเย็นที่ปลายเท้า ใบหน้าฝรั่งทรานซิสเตอร์กำลังโน้มต่ำลงมา ใกล้ชิดริมฝีปากที่บวมเป่งของหล่อน ดวงตาของเขาวาวโรจน์และร้อนแรงดังเปลวเพลิง อำนาจในตัวหญิงสาวกระตุ้นให้หล่อนเผยอริมฝีปากต้อนรับรสชาติแห่งความสุขอย่างลืมตัว... พักใหญ่พ้นไป... เขากับหล่อนก็เดินเกี่ยวก้อยไปด้วยกันอีก เสื้อคอกระเช้าของ ยับยิ่ง เป็นรอยยับยู่ยี่ และหล่อนรู้สึกคันๆ ที่สันหลัง เหมือนมีเศษต้นหญ้าเข้าไปแยง ส่วนฝรั่งทรานซิสเตอร์ ได้แต่ฮัมเพลงมาร์ชเบาๆ ด้วยความครึ้มอกครึ้มใจ ขณะนั้นเอง เมื่อเท้าเหยีบคันนา ยับยิ่ง เห็นขี้ควายกองหนึ่ง หล่อนไม่มีเวลาสรรหาคำพูด หรือสรรหาวัฒนธรรมทางภาษา รีบตะโกนออกมาบอกฝรั่ง “มูลจ้ะมูล...” ฝรั่งแหงนหน้ามองฟ้า เพราะคิดว่าหล่อนบอกให้ดูมูน ขณะสายตาตั้งฉากมองพระจันทร์เท้าก็เหยียบกองมูลควายไปเต็มๆ วันรุ่งขึ้น ฝรั่งขับรถ จีพ มาหาถึงในนา พบทั้ง ยับยิ่ง แม่ปลูก และพ่อปลั่ง ทรานซิสเตอร์ กับไลเตอร์ ก็อยู่ด้วย ฝรั่ง กับยับยิ่ง ทำมือทำไม้งูๆ ปลาๆ กันพักเดียว ลูกสาวก็จูงมือฝรั่งมาหาพ่อกับแม่ “เขาจะพาฉันไปอยู่แคมพ์ในเมือง...เขาอยากได้ฉันไปหุงข้าว ซักผ้า รีดผ้าให้เขา เขาจะให้เงินเราอย่างดี...” ตั้งแต่นั้นมา พ่อปลั่ง กับแม่ปลูก ก็ไม่ได้ข่าวลูกสาวอีกเลย จนถึงงานประจำปีที่วัดในหมู่บ้าน มีการแสดงแฟชันแบบไทยโบราณของสาวๆ ประจำหมู่บ้าน คุณหญิงคนหนึ่งซึ่งคุ้นเคยกับ แม่ปลูก ทักทายว่า “เสียดายนะคะ ลูกสาวไม่อยู่ ไม่งั้นงานคืนนี้คงมีสีสันขึ้นเยอะ” “เป็นตายร้ายดียังไงไม่ทราบค่ะ คุณหญิง” แม่ปลูก รำพึง “อยู่ๆ ก็หายไปจากบ้าน ไม่ได้ข่าวเลย...” เรื่องนี้ต้องขอบใจคนขับรถของคุณหญิง เขากระซิบบอก แม่ปลูก 2-3 คำ แม่ปลูก ก็มี ดวงตาเป็นประกาย...คนขับรถเรียนให้คุณหญิงทราบเบาๆ ว่า ...ลูกสาวหล่อนไปมีอาชีพเป็นเมียเช่าอยู่ที่อุดร...
ABOUT THE AUTHOR
ข
ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2562
คอลัมน์ Online : ประสาใจ