ตลาดโดยรวม | +4.2 % |
รถยนต์นั่ง | +1.7 % |
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) | -4.5 % |
รถอเนกประสงค์ (MPV) | +94.0 % |
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ | +6.4 % |
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ | -5.8 % |
อื่นๆ | +6.1 % |
รายงานจากยักษ์ใหญ่ค่ายรถยนต์ ระบุว่า สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนสิงหาคม 2562 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 80,838 คัน ซึ่งใกล้เคียงกับยอดขายในเดือนกรกฎาคม แต่ลดลง 6.9 % เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมาความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจอาจจะส่งผลต่อกำลังซื้อ ซึ่งจะส่งผลให้แนวโน้มตลาดรถยนต์ในเดือนกันยายนยังอยู่ในสภาวะทรงตัว มารับฟังเสียงนกเสียงกา ที่ดังผ่านมาทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อกำลังซื้อภายในประเทศที่ชะลอตัวลงเกือบทุกภูมิภาค เนื่องจากผู้บริโภคมีความระมัดระวังการใช้จ่าย ผู้ประกอบการมีภาวะการแข่งขันสูง ขณะที่เงินบาทแข็งค่ามากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อภาคการส่งออก เสียงนกเสียงกาที่ว่า เป็นข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ 1. เสนอให้ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลาง 1-2 ปี และมาตรการระยะยาว เช่น การลงทุนระบบบริหารจัดการน้ำเพื่อเกษตรกร การจัดโซนนิงพืชผลการเกษตร ซึ่งจะช่วยให้ภาคเกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้นในระยะยาว 2. สนับสนุนสินค้าของผู้ประกอบการไทยในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นทเรนด์ใหม่ๆ เช่น อุตสาหกรรมกีฬาและสินค้าเพื่อผู้สูงอายุ เพื่อช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและส่งเสริมสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เช่นเดียวกับเสียงที่ผ่านมาทางดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือนสิงหาคม 2562 หดตัวลง 4.4 % เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจ และการค้าโลกที่ชะลอตัวต่อเนื่อง โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี MPI เดือนสิงหาคม 2562 ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ ก็รับทราบเอาไว้ เพราะประเด็นหลักมันอยู่ที่สงครามการค้าระหว่างยักษ์ใหญ่ พี่เบิ้ม 2 ประเทศเท่านั้น ทำเอากระเทือนไปทั่วหน้า เรามาดูเรื่องน่ารู้ของเราดีกว่า เรื่องนี้น่าจะกระทบกระเทือนผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างแน่นอน คือ เรื่องการเชื่อมโยงข้อมูลทางอีเลคทรอนิคส์ร่วมกันระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการขนส่งทางบก แต่ทั้ง 2 หน่วยงานจะต้องกำหนดหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการต่างๆ ร่วมกันให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ พรบ. นี้ใช้บังคับ กฎหมายใช้บังคับวันที่ 20 กย. 2562 ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ คือ วันที่ 19 ธค. 2562 นั่นหมายความว่า เป็นวันแรกที่กรมการขนส่งทางบก จะรับชำระค่าปรับตามใบสั่งที่ค้างชำระ แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถสามารถชำระค่าปรับดังกล่าวพร้อมกับการชำระภาษีประจำปี ได้ที่สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ หากยังไม่พร้อมชำระค่าปรับที่ค้างชำระตามใบสั่ง กรมการขนส่งทางบกจะออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีฉบับชั่วคราวให้ซึ่งจะใช้ได้เพียง 30 วัน และผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถสามารถไปชำระค่าปรับได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ หรือช่องทางอื่น แต่หากผู้ขับขี่ หรือเจ้าของรถเห็นว่าตนไม่ได้กระทำความผิดตามที่ระบุไว้ในใบสั่ง ให้ทำหนังสือโต้แย้งข้อกล่าวหานั้นภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียนขนส่ง และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำเวบไซท์ใบสั่งจราจรออนไลน์สำหรับประชาชน คือ https://ptm.police.go.th/eTicket/#/ เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาข้อมูล และตรวจสอบใบสั่งจราจร จำนวนค่าปรับและช่องทางการชำระค่าปรับ และกำลังพัฒนาระบบให้ประชาชนผู้รับใบสั่ง สามารถโต้แย้งข้อกล่าวหาทางระบบอีเลคทรอนิคส์ได้อีกช่องทางหนึ่ง ทั้งนี้ การเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวจะบันทึกข้อมูลการกระทำความผิดของผู้ขับขี่ บันทึกค่าปรับที่ค้างชำระตามใบสั่ง การตัดคะแนนความประพฤติของผู้ขับขี่ และการพักใช้ใบอนุญาตขับขี่เมื่อคะแนนหมด และเจ้าพนักงานจราจรเห็นว่า การขับรถต่อไปอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของตนเองหรือผู้อื่น ซึ่งจะทำให้ผู้ขับขี่เกรงกลัว และเคารพกฎหมายมากขึ้น อันจะส่งผลให้อุบัติเหตุบนท้องถนนลดลง ก็บันทึกไว้ตรงนี้ ว่าหากท่านได้รับใบสั่งจากเจ้าพนักงานแล้ว ไปชำระค่าปรับเสีย น่าจะเป็นการดีด้วยประการทั้งปวงนะครับ