ตัวเลข 2.8 กับซูเพอร์คาร์ไฮบริด รุ่นแรกของ ลัมโบร์กินีเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ “ระเบียงรถใหม่” นำเรื่องราวของรถสปอร์ท ล้วนๆ มาเล่าสู่กันฟัง ที่พิเศษกว่าครั้งก่อนๆ ก็คือ รถสปอร์ทจำนวน 4 แบบ 4 รุ่น ที่ปรากฏตัวในเดือนนี้ ซึ่งเป็นรถ 3 สายพันธุ์ และ 2 สัญชาติ ล้วนเป็นรถสปอร์ทระดับ “ซูเพอร์คาร์” เป็นรถที่แรง และเร็ว จนน่าสงสัยว่า ผู้คนเขาซื้อรถประเภทนี้ไปวิ่งกันที่ไหน ? คันที่ทรงพลังที่สุดใช้เครื่องยนต์ที่แรงถึง 1,176 กิโลวัตต์/1,600 แรงม้า ส่วนคันที่เรี่ยวแรงหน่อมแน้มที่สุดก็ยังติดตั้งเครื่องยนต์ที่แรงถึง 449 กิโลวัตต์/610 แรงม้า คันที่เร็วที่สุดมีความเร็วสูงสุด 380 กม./ชม. ส่วนคันที่ช้าที่สุดก็ยังวิ่งได้เร็วกว่า 320 กม./ชม. เปิดระเบียงด้วย ลัมโบร์กินี ซีอัน เอฟเคพี 37 (LAMBORGHINI SIAN FKP 37) ผลงานชวนให้ขน-พองสยองเกล้า ซึ่งเพิ่งเปิดตัวผ่านสื่อต่างๆ เมื่อตอนต้นเดือนกันยายน 2019 และไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ปรากฏตัวต่อสายตาสาธารณชนแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทครั้งล่าสุด ซึ่งมีขึ้นในเมืองศูนย์กลางการเงินของเยอรมนีระหว่างวันที่ 12-22 ของเดือนเดียวกัน พร้อมกับคำยืนยันสรรพคุณว่าเป็นทั้งรถไฮบริดแบบแรกของค่าย และรถเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของค่าย เพราะใช้เวลาไม่ถึง 2.8 วินาที ในการทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. และทำความเร็วสูงสุดได้สูงกว่า 350 กม./ชม. นอกจากนั้นยังประกาศพร้อมกับการปรากฏตัว “ครั้งแรกในโลก” ที่กล่าวข้างต้นว่าเป็นรถรุ่นพิเศษที่จะผลิตในจำนวนจำกัดเพื่อจำหน่ายแก่ลูกค้าซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย เฉพาะ คือ จะผลิตเพียง 63 คัน กำหนดราคายังไม่รวมภาษีไว้ที่ 2 ล้านยูโร หรือประมาณ 70 ล้านบาทไทย และขณะนั้นทุกคันมีผู้ซื้อ หมดแล้ว รวมทั้งบอกด้วยว่าเป็นรถที่ทำขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึง เฟร์ดินันด์ คาร์ล พีค (FERDINAND KARL PIECH) วิศวกรชาวออสเตรียเลื่องชื่อซึ่งถือกำเนิดเมื่อปี 1937 และเพิ่งถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2019 ในฐานะที่เขาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารของกลุ่ม โฟล์คสวาเกน กรุพ (VOLKSWAGEN GROUP) ระหว่างปี 1993-2002 และมีบทบาทอย่างสำคัญในการผลักดันให้ค่ายนี้ซื้อกิจการของค่าย “กระทิงดุ” เมื่อปี 1999 รหัส FKP 37 ที่ห้อยท้ายชื่อรถก็มาจากชื่อ และปีเกิดของเขานั่นเอง ส่วนชื่อ SIAN เป็นภาษาปากของชาวเมืองโบโลนญาในอิตาลี ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า A FLASH OF LIGHTNING หรือประกายแวบของฟ้าผ่า ที่ใช้คำนี้ เนื่องจากเป็นรถแบบแรกในประวัติศาสตร์อันยาวนานเกือบ 6 ทศวรรษของค่าย “กระทิงดุ” ที่ใช้พลังไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของกำลังขับเคลื่อน ไม่ใช่รถที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งคัน แต่พัฒนาต่อกิ่งต่อก้านมาอีกทอดหนึ่งจากรถประตูขากรรไกรที่คนรักรถสปอร์ทรู้จักกันดี คือ ลัมโบร์กินี อเวนตาโดร์ เอสวีเจ คูเป (LAMBORGHINI AVENTADOR SVJ COUPE) ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อปลายปี 2018 และจำกัดจำนวนผลิต 900 คัน นอกจากหน้าตาที่เปลี่ยนแปลงไปมากมายแล้ว จุดสำคัญที่สุดในตัวถังยาว 4.980 ม. กว้าง 2.101 ม. และสูง 1.133 ม. ผลงานรังสรรค์ของ มิทจา โบร์เคิร์ท (MITJA BORKERT) นักออกแบบชาวเยอรมันวัย 46 ปี ซึ่งเริ่มรับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของค่ายนี้ เมื่อเดือนมีนาคม 2016 คือ ระบบขับไฮบริดชนิดไม่ต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ที่ค่ายนี้นำมาใช้เป็นครั้งแรก เป็นระบบที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน DOHC วี 12 สูบ 60 องศา 6,498 ซีซี 577 กิโลวัตต์/785 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 25 กิโลวัตต์/34 แรงม้า และซูเพอร์คาพาซิเตอร์ (SUPERCAPACITOR) ซึ่งทำหน้าที่แทนแบทเตอรี ได้กำลังสุทธิสูงสุด 602 กิโลวัตต์/819 แรงม้า และส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้าคู่หลัง ผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ISR (INDEPENDENT SHIFTING ROD) ซึ่งเทียบเคียงได้กับระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ แต่ค่ายนี้ยืนยันว่าน้ำหนักเบากว่า และเปลี่ยนจังหวะเกียร์ได้เร็วกว่าถึงร้อยละ 50 นั่นเทียว