เอาดี เพิ่มทางเลือกใหม่ อาร์ 8 เปิดประทุนขับสนุกด้วยล้อหลังเจ้าของเครื่องหมายการค้า “สี่ห่วง” เป็นผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมันรายหนึ่ง ที่มีรถเปิดประทุนให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่รถขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัดอย่าง เอาดี เอ 3 กาบริโอเลต์ (AUDI A3 CABRIOLET) รถขนาดเล็กกะทัดรัดอย่าง เอาดี เอ 5 กาบริโอเลต์ (AUDI A5 CABRIOLET) รถสปอร์ทขนาดเล็กอย่าง เอาดี ทีที โรดสเตอร์ (AUDI TT ROADSTER) ไปจนถึงรถสปอร์ท ระดับ “ซูเพอร์คาร์” อย่าง เอาดี อาร์ 8 สไปเดอร์ (AUDI R8 SPYDER) เอาดี อาร์ 8 (AUDI R8) เป็นรถสปอร์ท 2 ที่นั่ง วางเครื่องกลางลำ/ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือขับเคลื่อนทุกล้อ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในยุโรปและมีอยู่หลายคันในประเทศไทย รถอนุกรมนี้รุ่นแรกซึ่งมีรหัสโรงงาน TYPE 42 และใช้ชิ้นส่วนหลายชิ้นร่วมกับรถ ลัมโบร์กินี กัลญาร์โด (LAMBORGHINI GALLARDO) เริ่มจำหน่ายในเมืองเบียร์เมื่อปี 2006 มีตัวถังให้เลือก 2 แบบ คือ ตัวถัง 2 ประตูคูเป ขนาด 4.430x1.905x1.250 ม. ซึ่งติดป้ายชื่อ เอาดี อาร์ 8 (AUDI R8) กับตัวถัง 2 ประตูเปิดประทุนขนาด 4.435x1.905x1.245 ม. ซึ่งติดป้ายชื่อ เอาดี อาร์ 8 สไปเดอร์ (AUDI R8 SPYDER) รถรุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ “ยกหน้า” ครั้งหนึ่งเมื่อปี 2012 ก่อนถูกปลดจากสายการผลิต คือ โรงงานซึ่งอยู่ที่เมืองเนกคาร์ซูลม์ (NECKARSULM) ของเยอรมนีเมื่อเดือนสิงหาคม 2015 และมีรถรุ่นใหม่ซึ่งมีรหัสโรงงาน TYPE 4S มาแทนที่ เช่นเดียวกันกับรถรุ่นแรก รถรุ่นที่ 2 ซึ่งใช้ชิ้นส่วนหลายชิ้นรวมทั้งพแลทฟอร์มร่วมกับรถสปอร์ท ลัมโบร์กินี อูรากัน (LAMBORGHINI HURACAN) และเปิดตัวที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาเมื่อเดือนมีนาคม 2015 มีให้เลือกทั้งตัวถังคูเป และตัวถังเปิดประทุน หน้าตาของตัวถังทั้ง 2 แบบนี้ดูเปลี่ยนไปมากจากรถรุ่นแรกซึ่งขายทั่วโลกได้รวมทั้งสิ้นประมาณ 26,000 คัน แต่รูปทรงองค์เอวไม่ห่างไกลกันสักเท่าไร รถรุ่นใหม่นี้ผ่านการปรับปรุงช่วงกึ่งกลางชีวิตอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า MID-CYCLE REFRESH ไปแล้วเมื่อปี 2018 และก่อนสิ้นปี 2019 โชว์รูมในเมืองเบียร์ของค่าย “สี่ห่วง” มีรถรุ่นนี้จอดอวดตัวอยู่ 5 โมเดล และทุกโมเดลเป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อ แยกเป็นรถคูเป 3 โมเดล คือ AUDI R8 COUPE V10 QUATTRO-AUDI R8 COUPE V10 PERFORMANCE QUATTRO-AUDI R8 V10 DECENNIUM และเป็นรถเปิดประทุน 2 โมเดล คือ AUDI R8 SPYDER V10 QUATTRO-AUDI R8 SPYDER V10 PERFORMANCE QUATTRO รถเปิดประทุนทั้ง 2 โมเดลนี้ ติดตั้งเครื่องยนต์บลอคเดียวกัน คือ เครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 10 สูบ 90 องศา ความจุ 5,204 ซีซี ที่ต่างกัน คือโมเดลแรกให้กำลังสูงสุด 419 กิโล-วัตต์/570 แรงม้า ส่วนโมเดลหลังปรับแต่งเป็นพิเศษจนกำลังสูงสุดพุ่งขึ้นเป็น 456 กิโลวัตต์/620 แรงม้า ต้นเดือนพฤศจิกายน 2019 ผู้ผลิตรถยนต์ร่ำรวยเพิ่มทางเลือกให้แก่คนรักรถที่อยากเป็นเจ้าของรถสปอร์ทอนุกรมนี้แต่ไม่นิยมรถขับเคลื่อนทุกล้อ โดยการเปิดตัวรถใหม่ 2 โมเดล คือ AUDI R8 COUPE V10 RWD กับ AUDI R8 SPYDER V10 RWD ซึ่งกำลังอวดโฉมอยู่นี้ ทั้งคู่เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD ย่อจาก REAR-WHEEL DRIVE) ซึ่งมีกำหนดออกตลาดตอนต้นปี 2020 และอธิบายอย่างรวบรัดได้ว่า เป็นผลลัพธ์ของการปรับเปลี่ยนรถขับเคลื่อนทุกล้อเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังนั่นเอง ทั้งคู่ติดตั้งเครื่องยนต์บลอคเดิม คือ เครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 10 สูบ 90 องศา ความจุ 5,204 ซีซี แต่กำลังสูงสุดลดจาก 419 กิโลวัตต์/570 แรงม้า เป็น 397 กิโล-วัตต์/540 แรงม้า หรือลดลงร้อยละ 5.3 ระบบเกียร์เพื่อส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังก็เหมือนเดิม คือ เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ S TRONIC รถเปิดประทุนโมเดลล่าสุดซึ่งมีตัวถังยาว 4.429 ม. กว้าง 1.940 ม. สูง 1.242 ม. และมีน้ำหนักรถเปล่ารวมผู้ขับ 1,760 กก. นี้ ก็เช่นเดียวกันกับรถอีก 2 โมเดลที่มีอยู่ก่อนแล้ว คือ ใช้ประทุนหลังคาแบบอ่อน ทำจากผ้าใบมวลเบา เปิด/ปิดด้วยระบบอีเลคทรอ-ไฮดรอลิค (ELECTRO-HYDRAULIC) และบังคับควบคุมโดยการกดปุ่ม การเปิด หรือปิดแต่ละครั้งใช้เวลานานหน่อย คือ ประมาณ 20 วินาที และทำได้เมื่อรถยังวิ่งเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 322 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 13.5 ลิตร/100 กม. หรือ 7.4 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 307 กรัม/กม. เมื่อวัดตามมาตรฐานใหม่ คือ WLTP ค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 ของเยอรมนี เริ่มต้นที่ 157,000 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 5.3 ล้านบาทไทย