แอสตัน มาร์ทิน เพิ่มทางเลือกในแบบเปิดประทุนลำดับที่ 3ก่อนเดือนกุมภาพันธ์ของปีหนูทองท้องแห้งนี้ ค่าย แอสตัน มาร์ทิน (ASTON MARTIN) ซึ่งมีที่ทำการ และโรงงานอยู่ที่เมืองเกย์ดอน (GAYDON) ในแถบเวสต์มิดแลนด์ (WEST MIDLAND) ของเกาะอังกฤษ มีรถสปอร์ทเปิดประทุนให้คนรักรถรวยสินทรัพย์เลือกใช้ได้เพียง 2 โมเดล คือ แอสตัน มาร์ทิน ดีบี 11 โวลันเต (ASTON MARTIN DB11 VOLANTE) กับแอสตัน มาร์ทิน ดีบีเอส ซูเพอร์เลกเกรา โวลันเต (ASTON MARTIN DBS SUPERLEGGERA VOLANTE) โดยที่โมเดลแรกซึ่งมีขนาดตัวถัง 4.750x1.950x1.300 ม. เป็นรถขับล้อหลัง ติดตั้งเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซิน DOHC วี 8 สูบ 3,982 ซีซี 375 กิโลวัตต์/510 แรงม้า และติดป้ายค่าตัว 159,900 ปอนด์ หรือเท่ากับประมาณ 6.40 ล้านบาทไทย ส่วนโมเดลหลังซึ่งมีขนาดตัวถัง 4.715x1.970x1.295 ม. ก็เป็นรถขับล้อหลัง แต่ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดโตกว่า คือ เครื่องทวินเทอร์โบเบนซิน DOHC วี 12 สูบ 5,204 ซีซี 533 กิโลวัตต์/725 แรงม้า และติดป้ายราคา 247,500 ปอนด์ หรือเท่ากับประมาณ 9.90 ล้านบาทไทย เมื่อคิดว่าต้องใช้เงินไทย 40 บาทถ้วน ในการแลกเงินอังกฤษ 1 ปอนด์ อย่างไรก็ตาม เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี่เอง ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทค่าตัวแพงของเมืองผู้โดยสารได้เพิ่มรถเปิดประทุนให้เลือกใช้อีก 1 โมเดล โดยการเปิดตัวและเปิดรับการสั่งจอง รถสปอร์ทติดป้ายชื่อ แอสตัน มาร์ทิน วานเทจ โรดสเตอร์ (ASTON MARTIN VANTAGE ROADSTER) ซึ่งเป็นรถเปิดประทุนราคาย่อมเยาที่สุดของค่าย คือ เริ่มต้นที่ 126,950 ปอนด์ หรือเท่ากับประมาณ 5.08 ล้านบาทไทย (เท่านั้นเอง) และบอกว่าจะเริ่มต้นการส่งมอบรถซึ่งน่าจะเป็นคู่แข่งโดยตรงของรถ โพร์เช 911 คาร์เรรา เอส กาบริโอเลต์ (PORSCHE 911 CARRERA S CABRIOLET) ในไตรมาส 2 ของปี 2020 นี้ เช่นเดียวกับรถเปิดประทุนแทบทุกรุ่นแทบทุกแบบทั้งในอดีต และในปัจจุบันของค่ายนี้ รถที่กำลังกล่าวถึงไม่ใช่รถที่ออกแบบ/พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งคัน แต่เป็นรถเปิดประทุนที่ดัดแปลงจากรถคูเปที่มีอยู่ก่อนแล้วในสายการผลิต ในกรณีนี้รถคูเปซึ่งเป็นที่มา คือ แอสตัน มาร์ทิน วานเทจ (ASTON MARTIN VANTAGE) รุ่นปัจจุบัน ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017 และติดป้ายค่าตัว 120,900 ปอนด์ หรือประมาณ 4.84 ล้านบาทไทย ตัวถังยาว 4.465 ม. กว้าง 1.942 ม. และสูง 1.273 ม. ที่ออกแบบให้นั่งได้เพียง 2 คน และมีน้ำหนักรถเปล่า 1,628 กก. นี้ ติดตั้งประทุนหลังคาแบบอ่อน ทำจากผ้แฟบริค บังคับเปิด/ปิดโดยการกดปุ่ม การเปิด หรือปิดแต่ละครั้งซึ่งทำได้เมื่อรถยังวิ่งเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. ใช้เวลาไม่ถึง 7 วินาที (เป็นตัวเลขที่ทำให้ค่ายนี้ยืนยันว่า นี่คือ รถประทุนอ่อนเปิด/ปิดด้วยการกดปุ่มที่เปิด/ปิดประทุนได้เร็วที่สุดในโลก) เป็นประทุนหลังคาซึ่งโครงสร้างพับตัวแบบตัว Z และมีน้ำหนักเบา ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเพียง 60 กก. เมื่อเทียบกับรถคูเป ช่องเก็บก็ออกแบบได้ดีและทำให้ความจุของห้องเก็บของท้ายรถลดลงเพียง 150 ลิตร เหลือเนื้อที่เพียงพอสำหรับการบรรจุถุงกอล์ฟ 1 ชุด เครื่องยนต์ และระบบเกียร์ที่ยกชุดจากรถคูเป เป็นเครื่องทวินเทอร์โบเบนซิน DOHC วี 8 สูบ ความจุ 3,982 ซีซี ซึ่งให้กำลังสูงสุด 375 กิโลวัตต์/510 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. และให้แรงบิดสูงสุด 685 นิวตัน-เมตร/69.9 กก.-ม. ที่ 2,000-5,000 รตน. ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งกำลังเครื่องยนต์สู่ล้อคู่หลัง เป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ZF ติดตั้งระบบรองรับ (กันสะเทือน) หน้าอิสระปีกนก 2 ชั้น/สปริงขด/เหล็กกันโคลง/พร้อมระบบปรับอัตราการซับแรง หลังมัลทิลิงค์/สปริงขด/เหล็กกันโคลง/พร้อมระบบปรับอัตราการซับแรง ห้ามล้อ หน้าจานขนาด 400 มม./หลังจานขนาด 360 มม. สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 306 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 8.6 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 262 กม./ลิตร เมื่อวัดตามมาตรฐาน WLTP