บทบรรณาธิการ
"ซากรถ"
![](https://autoinfo.co.th/uploads/2024050210255329.jpg)
ข่าวใหญ่ของสังคมผู้ใช้รถใช้ถนน ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา เห็นทีจะหนีไม่พ้นข่าวเรียกสอบใบขับขี่ใหม่ สำหรับผู้ที่มีใบขับขี่ตลอดชีพ ข่าวนี้ไม่เห็นด้วย เพราะมันสร้างความสับสน จนสุดท้ายกรมการขนส่งทางบก ทนกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากโลกโซเซียลมีเดียไม่ไหว ต้องออกมาแจงว่า เป็นเพียงแค่แนวคิด และยังไม่มีความพร้อมในการดำเนินการ เอากับท่านสิครับ งานนี้เลยจบแบบงงๆ ในรุ่นของเรา !ส่วนอีกข่าวหนึ่งที่เห็นดีเห็นงามด้วย คือ ข่าวกรุงเทพมหานครออกมาตรการเข้ม ลุยยก “ซากรถยนต์เก่า” ที่จอดทิ้งอยู่ในพื้นที่สาธารณะ จุดรกร้างทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีประชาชนร้องเรียนเข้ามา เนื่องจากกีดขวางการจราจร มีผลด้านความปลอดภัย และความมั่นคง ที่อาจทำให้เกิดการก่อวินาศกรรม เบื้องต้นมีจำนวนซากรถยนต์เก่ากว่า 400 คัน ที่เข้าข่ายนี้ มาตรการดังกล่าวเป็นไปตามอำนาจพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พศ. 2535 มาตรา 18 ห้ามมิให้ผู้ใดทิ้ง วาง หรือกองซากยานยนต์บนถนนหรือสถานที่สาธารณะ และมาตรา 56 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท แต่ว่าโทษปรับเหล่านี้ ยังอยู่ในระหว่างการหาข้อสรุปเรื่องอัตราเปรียบเทียบปรับ คาดว่าจะเริ่มต้นตั้งแต่ 1,000-5,000 บาท และครึ่งหนึ่งของค่าปรับ หรือ 50 % จะเป็นส่วนแบ่งของผู้แจ้งเบาะแส ในส่วนของการดำ-เนินคดีตามกฎหมายนั้น จะมีการสืบหาเจ้าของซากรถยนต์เก่าก่อน โดยจะทำการติดประ-กาศ 15 วัน หากไม่พบเจ้าของซากรถยนต์เก่า เจ้าหน้าที่เทศกิจของกรุงเทพมหานครจะเคลื่อนย้ายซากรถไปเก็บรักษาไว้ในสำนักงานเขตนั้นๆ และหากเจ้าของซากรถยนต์เก่ามาติดต่อ จะดำเนินการเปรียบเทียบปรับ แต่ถ้าไม่มีเจ้าของมาติดต่อ จะจัดเก็บซากรถยนต์เก่าไว้ประมาณ 6 เดือน หลังจากนั้นจะเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการเขตในการขายทอดตลาดต่อไป รายละเอียดของมาตรการนี้ กรุงเทพมหานครได้หารือกับตำรวจนครบาล ตำรวจจราจร ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการออกกฎหมาย เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการซากรถยนต์เก่าดังกล่าว ตั้งแต่การเก็บค่าจอดรถ ค่าใช้จ่ายในการใช้เครื่อง-มือบังคับไม่ให้เคลื่อนย้ายรถ ค่าเคลื่อนย้ายรถ และค่าดูแลรักษารถในความรับผิดชอบของสำนักงานเขต รวมถึงการจัดเก็บค่าปรับ และส่วนแบ่งสำหรับประชาชนผู้แจ้งเบาะแส เป็นต้น ประเด็นสำคัญอีกหนึ่งประเด็น คือ เรื่องส่วนแบ่ง 50 % ของผู้แจ้งเบาะแส ต้องมีการเปรียบเทียบปรับผู้กระทำความผิดให้เสร็จสิ้น ผู้แจ้งเบาะแสจึงจะได้รับเงินส่วนแบ่งจากเงินค่าปรับของการแจ้งเบาะแสนั้นๆ มาตรการนี้เห็นชอบด้วยครับ เพราะทุกวันนี้เรามักจะเห็นซากรถ หรือรถยนต์เก่าที่ไร้การดูแล จอดทิ้งขว้าง กีดขวางการจราจรตามเส้นทางสัญจร นี่ยังไม่รวมอู่ซ่อมรถ อู่ทำสีรถที่มีสถานประกอบการติดริมถนน มักแอบเอารถลูกค้ามาจอดบนถนนสาธารณะ ตรงนี้กรุงเทพมหานคร และสำนักเขตต่างๆ ควรเข้ามาสอดส่องดูแล และกำกับเรื่องนี้ให้ด้วย เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และไม่สร้างปัญหาการจราจรให้แก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ผมมีข้อมูลอ้างอิงจากกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า ปัจจุบันมีรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 10 ปี จำนวนกว่า 13.8 ล้านคัน, รถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 16 ปี ประมาณ 7.1 ล้านคัน และรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 20 ปี ประมาณ 4.3 ล้านคัน เบ็ดเสร็จมีรถยนต์ที่อายุเกิน 10 ปี ประมาณ 25.2 ล้านคัน ! เป็นตัวเลขที่น่าสนใจมาก ถ้าเรามองในแง่ของมลภาวะทางอากาศ ถ้าเจ้าของรถยนต์เก่าเหล่านี้ใส่ใจ และดูแลรถคันรัก ไม่ปล่อยให้ทรุดโทรม เครื่องยนต์ไม่เกิดควันขาวควันดำ ก็ไม่เป็นการสร้างมลภาวะเป็นพิษ และไม่ก่อให้เกิดปัญหารถยนต์เก่ากลายสภาพเป็นซากรถ ซึ่งมันจะกลายเป็นปัญหาของส่วนรวม ฝากไว้ให้คิดครับ รถยนต์เก่าถ้าเราดูแลดีๆ เขามีเสน่ห์ที่น่าหลงใหล ผ่านกาลเวลา ผ่านยุคสมัย ผ่านเรื่องราวความประทับใจต่างๆ รถยนต์เก่าหลายรุ่น หลายยี่ห้อ พวกเขายังคงความคลาสสิคอยู่นะครับ...