จุดมุ่งหมายพิเศษที่ว่านี้ มีอยู่ 3 จุด โดยจุดแรก คือ เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 110 ปีของค่าย ASTON MARTIN ในปี 2023 นี้ จุดที่ 2 คือ เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 75 ปี ของรถตระกูล ASTON MARTIN DB ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อปี 1948 โดยที่รหัส DB คือ อักษรย่อของ DAVID BROWN (เดวิด บราวน์) ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการรถยนต์ยี่ห้อนี้ระหว่างปี 1947-1972 และจุดที่ 3 คือ เพื่อเป็นการปิดฉาก หรือส่งท้ายให้แก่รถ ASTON MARTIN DBS รุ่นปัจจุบัน ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อปี 2018 และอีกไม่นานก็จะถูกปลดจากสายการผลิต
มีตัวถังให้เลือก 2 แบบ คือ ตัวถัง 2 ประตูคูเป 2+2 ที่นั่ง กับตัวถัง 2 ประตูเปิดประทุน 2+2 ที่นั่ง ซึ่งมีชื่อเฉพาะว่า ASTON MARTIN DBS 770 ULTIMATE VOLANTE (แอสตัน มาร์ทิน ดีบีเอส 770 อัลทิเมท โวลันเต) ทั้ง 2 แบบ เป็นตัวถังยาว 4.715 ม. กว้าง 2.145 ม. (รวมกระจกมองข้าง) และสูง 1.285 ม. ซึ่งมีช่วงฐานล้อยาว 2.805 ม. กับมีน้ำหนักรถพร้อมขับรวมผู้ขับ 1,845 และ 1,945 กก. ตามลำดับ
ตัวถังทั้ง 2 แบบที่กล่าวนี้ พัฒนาต่อกิ่งต่อยอดจากรถรุ่นสามัญ คือ ASTON MARTIN DBS และ ASTON MARTIN DBS VOLANTE โดยปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดมากมาย ทั้งในส่วนของตัวถัง และเครื่องยนต์กลไก เมื่อยืนมองจากภายนอกจุดเปลี่ยนที่สะดุดตา และเห็นได้ชัดที่สุด คือ กระทะล้อขนาด 21 นิ้ว ที่ออกแบบขึ้นใหม่สำหรับรถแบบนี้โดยเฉพาะ ส่วนภายในห้องโดยสารก็มีจุดเปลี่ยนอยู่หลายจุด รวมทั้งเก้าอี้ที่นั่งแบบสปอร์ทซึ่งหุ้มด้วยหนังแท้ ALCANTARA
เครื่องยนต์ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้า เป็นเครื่องบลอคเดียวกันกับรถซึ่งเป็นที่มา คือ เครื่องทวินเทอร์โบเบนซิน QOHC วี 12 สูบ 48 วาล์ว ความจุ 5,204 ซีซี แต่ปรับแต่งพิเศษ รวมทั้งเพิ่มความดันเทอร์โบร้อยละ 7 ส่งผลให้กำลังสูงสุดพุ่งพรวดพราด จาก 533 กิโลวัตต์/725 แรงม้า เป็น 566 กิโลวัตต์/770 แรงม้า คือ เพิ่มขึ้นถึง 33 กิโลวัตต์/45 แรงม้า หรือเท่ากับร้อยละ 6.2 ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งทอดกำลังสู่ล้อคู่หลัง ก็เป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ZF เหมือนรถซึ่งเป็นที่มา
ตัวเลขกำลังสูงสุด 770 แรงม้า ที่กล่าวนี้ คือ ที่มาของชื่อรุ่น รวมทั้งเป็นตัวเลขซึ่งบ่งชี้ว่า นี่คือ รถตลาด หรือรถผลิตเพื่อจำหน่ายที่ทรงพลังที่สุดในประวัติอันยาวนานกว่า 1 ศตวรรษของค่ายนี้ มีข้อแม้ว่าต้องไม่นับรถโมเดลพิเศษบางรุ่น ที่ผลิตจำนวนจำกัดอย่างยิ่ง และกำหนดค่าตัวสุดโหดกิเลสหด ตัวอย่างของรถประเภทนี้ยุคปัจจุบัน คือ รถคูเป ASTON MARTIN VALKYRIE (แอสตัน มาร์ทิน วัลคีรี) กับรถเปิดประทุน ASTON MARTIN VALKYRIE SPIDER (แอสตัน มาร์ทิน วัลคีรี สไปเดอร์) ซึ่งเป็นรถไฮบริดที่ให้กำลังสูงถึง 849 กิโลวัตต์/1,155 แรงม้า และตั้งราคาค่าตัวไว้สูงลิบ คือ ระดับ 3.5 ล้านปอนด์อังกฤษ หรือประมาณ 150 ล้านบาทไทยนั่นเทียว
สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. รถคูเปทำได้ใน 3.4 วินาที รถเปิดประทุนโรดสเตอร์ทำได้ใน 3.6 วินาที อัตราเร่ง 0-160 กม./ชม. ทำได้ใน 6.4 และ 6.7 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด ทั้งรถคูเป และรถเปิดประทุนโรดสเตอร์ทำได้ 340 กม./ชม.
เป็นรถผลิตจำนวนจำกัด คือ จะผลิตเพียง 499 คัน และทุกคันมีผู้ซื้อไปหมดแล้ว แม้ว่าต้องรอกันนานหน่อย เพราะการส่งมอบรถจะเริ่มต้นในไตรมาส 3 ของปี 2023 ในจำนวนนี้ 300 คัน จะเป็นรถคูเป ซึ่งกำหนดค่าตัว 314,000 ปอนด์อังกฤษ (ประมาณ 13.2 ล้านบาทไทย) ส่วนอีก 199 คัน เป็นรถเปิดประทุนโรดสเตอร์ ซึ่งกำหนดค่าตัว 337,000 ปอนด์อังกฤษ (ประมาณ 14.2 ล้านบาทไทย)
ASTON MARTIN DBS 770 ULTIMATE
รถสปอร์ทคูเป และรถสปอร์ทเปิดประทุนโรดสเตอร์ 2+2 ที่นั่ง
มิติตัวถัง 4.715x2.145 (รวมกระจกมองข้าง)x1.285 ม.
เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซิน วี 12 สูบ 5,204 ซีซี 566 กิโลวัตต์/770 แรงม้า
ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ZF ขับเคลื่อนล้อหลัง
ราคาในอังกฤษ เริ่มต้นที่ 314,000 ปอนด์ (ประมาณ 13.2 ล้านบาทไทย) 
