สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป MASERATI ประเทศไทย
MASERATI ประเทศไทย ซึ่งดำเนินงานโดย บริษัท โมเดน่า มอเตอร์เวอร์ค จำกัด ภายใต้ บริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (MGC-ASIA) ประสบความสำเร็จในการทำให้รถยนต์ MASERATI เป็นที่รู้จัก และยอมรับในตลาดบ้านเรา “ฟอร์มูลา” สัมภาษณ์พิเศษ ปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป MASERATI ประเทศไทย
ฟอร์มูลา : คุณวางทิศทาง และนโยบายของ MASERATI ประเทศไทย ไว้อย่างไร ?
ปิยะเทพ : MASERATI ประเทศไทย เน้นไปที่รถเพิ่งเปิดตัวใหม่ คือ MASERATI MC20 (มาเซราตี เอมซี 20) ซูเพอร์คาร์รุ่นล่าสุด ต่อยอดจากรุ่น MC12 (เอมซี 12) ผลิตจากโรงงานในเมืองโมเดนา ประเทศอิตาลี 100 % ถูกออกแบบให้สะท้อนถึงตัวตน และประวัติศาสตร์ของบแรนด์ โดยเป็นรถกลุ่มพิเศษ ลูกค้าก็จะแตกต่างจากทั่วไป เป็นเฉพาะกลุ่ม ที่ได้เริ่มส่งรถไปเมื่อปีที่แล้ว
ล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว ได้เปิดตัว MASERATI GRECALE (กเรกาเล) เอสยูวีสปอร์ทอเนกประสงค์ ออกแบบภายใต้แนวคิด EVERYDAY EXCEPTIONAL หรือการทำให้ทุกวันเป็นวันพิเศษสำหรับผู้ครอบครอง ผสมผสานความสง่างาม, สมรรถนะ, นวัตกรรมล้ำสมัย มาพร้อมศักยภาพบนเส้นทางออฟโรด และสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ ผ่านการพัฒนาจาก MASERATI INNOVATION LAB เมืองโมเดนา ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นรถที่มีราคาเพียง 6 ล้านกว่าบาท ที่ลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยเริ่มส่งมอบรถตั้งแต่เดือนเมษายน ที่ผ่านมา
ปีนี้ MASERATI เน้นการทำตลาดรถยนต์ 3 โมเดล ที่มีราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท คือ MASERATI GRECALE, MASERATI LEVANTE (มาเซราตี เลวันเต) และ MASERATI GHIBLI (มาเซราตี กีบลี) และในระยะยาวคงจะเน้นกระตุ้นตลาดแต่ละโมเดลให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ส่วน MASERATI MC20 เป็นซูเพอร์คาร์ที่ใช้วิธีการตลาดแตกต่างจากทั่วไป เพราะเป็นรถเฉพาะกลุ่ม
ฟอร์มูลา : รถรุ่นใหม่ที่จะทำตลาดในปีนี้ ?
ปิยะเทพ : ในต่างประเทศเพิ่งเปิดตัว MASERATI GRANTURISMO (มาเซราตี กรันตูริสโม) แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีราคาจำหน่ายเท่าไร แต่ถ้าเปรียบเทียบกับตัวเก่า ราคาน่าจะอยู่ในกลุ่ม 14-15 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ MASERATI มีรถยนต์จำหน่ายในทุกเซกเมนท์ โดย MASERATI MC20 สูงกว่า 20 ล้านบาท และรถที่ MASERATI ประเทศไทยจะเน้นทำตลาด คือ MASERATI GRECALE, MASERATI LEVANTE และ MASERATI GHIBLI โดยเฉพาะ MASERATI GRECALE ซึ่งที่ผ่านมาตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคให้การตอบรับรถรุ่นนี้ดีมากทุกประเทศ
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกได้รับผลกระทบเรื่องซัพพลายชิ้นส่วน และเซมิคอนดัคเตอร์ ทำให้การผลิตล่าช้า ซึ่ง MASERATI ก็มีปัญหาเรื่องการผลิตเช่นกัน แต่ก็เริ่มคลี่คลายดีขึ้นแล้ว
ฟอร์มูลา : คุณตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้เท่าไร ?
ปิยะเทพ : ปีนี้ยอดขายน่าจะเติบโต 100 % เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งยอดจองตกลง 15 % เพราะเรามีปัญหาเรื่องการส่งมอบ MASERATI GRECALE ไม่ทันตอนปลายปี และเพิ่งจะได้เริ่มส่งมอบในเดือนเมษายน ที่ผ่านมา โดยการส่งมอบรถในช่วงนี้จะมีสถานการณ์ดีขึ้น เนื่องจากปัญหาอุปสรรคเรื่องซัพพลายเชน เริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว ซึ่งปีนี้ยอดขายหลักน่าจะมาจาก MASERATI GRECALE
การเติบโตในปีนี้ MASERATI ประเทศไทยจะให้ความสำคัญกับตลาด 3 ส่วน ได้แก่ 1. ลูกค้า MASERATI CLUB ที่มีความเหนียวแน่นกับบแรนด์ โดยเน้นการจัดกิจกรรม ทำให้เกิดการซื้อซ้ำ ที่ผ่านมาการสร้างกิจกรรมทำให้เกิดการซื้อซ้ำถึง 20 %
2. กลุ่มลูกค้าเดิม ที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสบแรนด์ MASERATI ให้ลูกค้าได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัส ทำกิจกรรมได้ใกล้ชิดบแรนด์ MASERATI ให้มากยิ่งขึ้น ผ่านการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างการรับรู้ภาพลักษณ์ของบแรนด์ MASERATI ให้ขยายในวงกว้าง
3. กลุ่มลูกค้าใหม่ โดยนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามา เช่น MASERATI GRECALE ทำให้มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นจากเดิม รถ MASERATI ที่จำหน่ายในประเทศไทย ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 8 ล้านบาทขึ้นไป แต่ MASERATI GRECALE เริ่มต้นที่ 6 ล้านกว่าบาท ทำให้สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
ฟอร์มูลา : คุณมองว่า MASERATI ประเทศไทย ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ?
ปิยะเทพ : MASERATI ประเทศไทย กำลังสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้บแรนด์ ซึ่งหลังจากที่ บริษัท โมเดน่า มอเตอร์เวอร์ค จำกัด ในนาม MASERATI ประเทศไทย ภายใต้ บริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (MGC-ASIA) เข้ามาทำตลาดเมื่อ 7 ปีก่อนจนถึงปัจจุบัน นโยบายการทำงานหลายอย่างทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในบแรนด์ MASERATI มากขึ้น มีการลงทุนเรื่องสตอคอะไหล่หมุนเวียน ส่วนอะไหล่อื่นๆ จะสั่งอะไหล่ผ่านระบบแอร์เฟศ ที่ไม่ต้องรอนาน การบริการระดับพรีเมียม โมบิลิที เซอร์วิศ บริการรับรถลูกค้าต่างจังหวัดเข้ารับบริการในศูนย์บริการ ทำให้ลูกค้ามั่นใจในบแรนด์สูงกว่า 95 % โดยเราจะวัด CSI บนพื้นฐานลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการกับเรา ทั้งด้านการขาย และการบริการ
พร้อมกันนี้ บริษัทแม่ได้แนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด และสร้างความแตกต่างให้แก่บแรนด์ อย่างเช่น การเปิดตัว MASERATI MC20 ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี ซึ่งประเทศไทยมียอดจองอยู่ในอันดับต้นๆ ของเอเชียแปซิฟิค
นอกจากนี้ การสร้างมาตรฐานรถยนต์มือสองของบแรนด์ให้มีราคาไม่ตกมาก ทำให้ลูกค้ามั่นใจในบแรนด์ โดยรถยนต์มือสองของ MASERATI ที่มีอายุ 4-5 ปี มีราคาขายต่อเกิน 50 % ของราคารถใหม่ และลูกค้าที่ซื้อรถมือสองจากเราจะได้รับการการันตีพิเศษเพิ่มอีก
ฟอร์มูลา : กลยุทธ์ที่จะใช้ในการแข่งขัน ?
ปิยะเทพ : กลยุทธ์หลัก คือ การสร้างบแรนด์ และความแตกต่าง โดย
1. ดูแลบริการลูกค้าให้ดีที่สุด
2. CUSTOMER SATISFACTION INDEX (CSI) ใช้มาประเมินความพึงพอใจของลูกค้า MASERATI มีโมเดลไม่มาก แต่ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำถึง 20 % น่าจะตอบโจทย์อย่างเป็นรูปธรรมได้
3. นำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเข้ามาเสนอทางเลือกให้ตลาดเพิ่มขึ้น เมื่อต่างประเทศมีโมเดลใหม่แนะนำสู่ตลาด เราก็จะนำทุกโมเดลเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย
ฟอร์มูลา : การขยายเครือข่ายวางแผนไว้อย่างไร ?
ปิยะเทพ : ปัจจุบัน MASERATI ประเทศไทย มีโชว์รูม 3 แห่ง คือ เอ สแควร์, สยามพารากอน และไอคอนสยาม มีศูนย์บริการอยู่ที่ เอ สแควร์ 1 แห่ง ซึ่งยังเพียงพอกับจำนวนลูกค้าปัจจุบัน และอนาคต จึงยังไม่มีแผนจะขยายเพิ่ม
ฟอร์มูลา : คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ?
ปิยะเทพ : รถยนต์ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และกลุ่ม STELLANTIS ได้ประกาศอย่างชัดเจนที่จะนำรถยนต์เข้าสู่สังคมไฟฟ้าอย่างแน่นอน แต่สำหรับ MASERATI ช่วงนี้เป็นการพัฒนาเครื่องยนต์ เพราะต้องการตอกย้ำบแรนด์ที่เป็นรถไฮเพอร์ฟอร์มานศ์ เกิดจากสนามแข่ง เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในบแรนด์ จากนั้นเมื่อเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าลูกค้าก็จะมั่นใจ
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : เกรียงศักดิ์ ปันสม
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2566
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/452867