สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ดร. พรเทพ พรประภา
ในยุคที่รถยนต์ "บริษัทแม่" ต่างๆ เข้ามาลงทุนผลิตและขายรถเองเป็นส่วนใหญ่ สยามกลการ ฯ เป็นบริษัทรถยนต์ ที่ยังสามารถครองความเป็นไทยไว้ได้อย่างต่อเนื่อง จนถึงวาระครบรอบ 50 ปี พร้อมเครือข่ายกว่า 50 บริษัท ทั้งยังขยายธุรกิจไปสู่ต่างประเทศ ทำรายได้ให้กับเมืองไทยเป็นจำนวนมาก
"ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ ดร. พรเทพ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามกลการ จำกัด
เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปีของบริษัท พร้อมติดตามแผนงานในอนาคต
ฟอร์มูลา : ก้าวย่างต่อไปของ สยามกลการ ฯ เตรียมแผนงานไว้อย่างไร ?
ดร. พรเทพ : ธุรกิจส่วนใหญ่มาจากจุดเริ่มต้นของคนรุ่นแรก ซึ่งจะเน้นไปที่การก่อตั้ง/ก่อสร้าง ส่วนรุ่นที่ 2 มีหน้าที่จะต้องดูแลรักษาให้อยู่ต่อไป ส่วน สยามกลการ ฯ เป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องดูแลรักษาให้อยู่มากกว่าที่จะขยายงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อยู่อย่างมีรากฐาน และความมั่นคงตลอดไป
ฟอร์มูลา : ถ้าเช่นนั้นได้เตรียมแผนงานสำหรับรุ่นที่ 3 ไว้อย่างไร ?
ดร. พรเทพ : ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกันเลยกับรุ่นต่อไป ในหลักการคงจะมีการประสานกันต่อ แต่ก็คงไม่เร็วนัก ส่วนใหญ่รุ่นที่ 2 ยังไม่มีใครอายุครบ 60 ปีกันเลย จึงยังพอมีเวลาสำหรับการวางรากฐานให้แก่รุ่นที่ 3
ฟอร์มูลา : แผนงานเพื่อการดำรงอยู่ต่อไป และสร้างความเข็มแข็ง นั้นเป็นอย่างไร ?
ดร. พรเทพ : ต้องมีอยู่อย่างแน่นอน แต่จะสร้างให้เข้มแข็งได้หรือไม่นั้น ตอบไม่ได้ เพราะเราต้องยอมรับว่า นโยบายเปิดเสรีของเรา คู่แข่งขัน คือ ต่างชาติ ที่ย่อมมีอิทธิพลมากกว่า เนื่องจากเป็นเจ้าของสินค้า ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำอย่างไรที่จะเป็นพาร์ทเนอร์ชิพกันและอยู่ด้วยกันได้
ส่วนการขยายงานนั้นคิดว่าจะขยายเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับที่เราดำเนินการอยู่ และเป็นธุรกิจที่ไม่มีคู่แข่งขันเข้ามามาก นั่นก็คือ ธุรกิจของคนไทยกันเอง เช่น ธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม คอนโดมีเนียม แต่เราไม่มีความชำนาญ ขณะที่ธุรกิจยานยนต์ที่เราดำเนินงานอยู่นั้น ถึงแม้ว่าจะมีความชำนาญ แต่พูดอะไรออกไป ก็ทำไม่ได้ ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง มาเลเซีย มี โปรตรอน ซากา ที่รัฐบาลรับผิดชอบ ก็ยังพอที่จะสู้ต่อไปได้ แต่ของเราเป็นการต่อสู้แบบโดดเดี่ยว เปล่าเปลี่ยว แต่ที่ยืนหยัดได้เพราะชื่อเสียงของสยามกลการ กับนิสสัน ยังดีอยู่ รวมถึงเครือข่ายเนทเวิร์คที่ใหญ่ ก็เลยทำให้การต่อสู้เป็นไปอย่างเรื่อยๆ โดยได้รับการช่วยเหลืออย่างดีจาก นิสสัน ถึงแม้ว่าสินค้าจะมีอยู่เพียงแค่นี้ก็ตาม ซึ่งก็ต้องยอมรับต้องพยายามช่วงชิงมาร์เกทแชร์ให้อยู่ต่อไป หรือเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ฟอร์มูลา : คุณคาดว่าตลาดรถยนต์ ในปี 2546 จะเป็นอย่างไรบ้าง ?
ดร.พรเทพ : มองโดยภาพรวมของปี 2545 ตลาดรถยนต์มีอัตราการเจริญเติบโตสูงมาก ประมาณร้อยละ 38 ซึ่งบริษัทคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 380,000-400,000 คัน เราคิดว่าอัตราการเจริญเติบโตในปีหน้าไม่น่าเกินร้อยละ 10 คงไม่ขึ้นแบบพรวดพราดเหมือนกับปี 2545 กำลังการซื้อไม่มีแล้ว ตลาดเป็นแค่ปี 2545 เท่านั้นที่พลิกไปอย่างมาก ตลาดโดยรวมน่าจะอยู่ที่ 420,000-440,000 คัน
ตลาดคงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม รถแบบใหม่ๆ อย่าง ฮอนดา สตรีม หรือ รถเล็กเครื่องยนต์ 1,300 ซีซี ตลาดก็มีแต่จะมากขนาดไหน เพราะตลาดใหญ่สุด ก็ยังเป็นเครื่องยนต์ 1,600 ซีซี ขนาดกลาง เป็นเครื่องยนต์ 2,000 ซีซี รถใหญ่ก็จะเป็นรถยุโรป ส่วนตลาดที่ใหญ่ที่สุด ก็เป็นรถพิคอัพ เพราะมีมาร์เกทแชร์เกินกว่าร้อยละ 60 ซึ่งปีหน้าก็ยังคงเหมือนเดิม
ส่วนตลาดรถแบบใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น รถอเนกประสงค์ (MPV) รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ก็จะไปได้เรื่อยๆ ไม่ได้เข้ามาแย่งแชร์ในตลาด จนเป็นตลาดที่ใหญ่ได้ ซึ่ง นิสสัน ก็มองตลาดรถแบบใหม่เหมือนกัน แต่คงจะไม่ใช่ในเร็วๆ นี้
สำหรับสินค้าของ นิสสัน นั้นเหมาะสมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ซันนี/เซฟีโร/ฟรอนเทียร์ และรถตู้ ซึ่งถ้าถามว่าจะเอาอะไรไปสู้ ตอบยาก ถ้าให้ตอบ เพราะถ้าตอบไป ก็เป็นการเปิดเผยแผน เพราะใครจะไปคิดว่า 50 ปี ขายรถได้ 1 ล้านคัน ก็ประสบความสำเร็จ พูดไปก็เป็นดาบสองคม แต่นิสสัน มีสิ่งที่แข็งที่สุด คือ ดีเลอร์ที่แข็งแกร่งสามารถแข่งขันได้กับ โตโยตา/อีซูซุ ซึ่งถ้า นิสสัน มีงบประมาณสนับสนุนเป็นจำนวนมาก รับรองการแข่งขันจะดุเดือดมากกว่านี้
อีกประการหนึ่ง ชื่อเสียงของ สยามกลการ และของ นิสสัน ในเรื่องของเครื่องยนต์ที่มีความประหยัด จึงทำให้ยีนหยัดและเป็นที่ยอมรับจนมีมาร์เกทแชร์อยู่ในอันดับ 3 ของตลาดทั้งรถพิคอัพ และรถเก๋งและที่เห็นได้ชัดอีกอย่างหนึ่ง คือ จุดยืนของตลาดที่มองดูแล้ว คงเปลี่ยนแปลงและจากการยอมรับในประสิทธิภาพของ รถพิคอัพ นิสสัน ฟรอนเทียร์ เครื่องยนต์ 3000ZD ยังเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการยอมรับและถือว่าดีที่สุดไม่แพ้เครื่องยนต์ของ อีซูซุ เห็นได้จาก โตโยตา ต้องฉีกตลาดไปที่คอมมอนเรล และต้องนำเครื่องยนต์ 3,000 ซีซี เข้ามาเสริม
ฟอร์มูลา : ในปี 2546 นิสสัน ตั้งเป้ายอดขายไว้เท่าไร และจะเน้นนโยบายไปด้านใดบ้าง ?
ดร. พรเทพ : นิสสัน ในปี 2546 คาดว่าจะมียอดขาย 50,000-60,000 คัน ซึ่งบริษัทเน้นนโยบาย ให้ผู้จำหน่ายของเรามีส่วนร่วมในการทำเป้าหมาย และทำกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ นอกจากนั้นเราได้เน้นหนักที่จะปรับปรุงการบริการหลังการขาย CSI (CUSTOMER SATISFACTION INDEX) ของสินค้า นิสสัน รวมทั้งปรับปรุง การดูแลลูกค้าของฝ่ายขายด้วยวิธี SSI (SALES SATISFACTION INDEX) โดยการอบรม NSSW (NISSAN SALES & SERVICE WAY) กับหน่วยงานขาย
ฟอร์มูลา : นอกจากนโยบายในด้านบริการแล้ว สินค้าใหม่ในปีหน้าจะมีเพิ่มขึ้นหรือไม่ ?
ดร.พรเทพ : ในปี 2545 นิสสัน ออกรถรุ่นใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพิคอัพ ฟรอนเทียร์/ซันนี นีโอ/เซฟีโร รวมถึงการปรับโฉมของรุ่นต่างๆ เช่น รุ่นฉลอง 50 ปี สยามกลการ ดังนั้นในปีหน้ารถรุ่นใหม่คงจะยังไม่มี แต่จะเป็นการ ไมเนอร์ เชนจ์ เพื่อให้สินค้ามีความใหม่ สามารถสู้กับคู่แข่งขันในท้องตลาดได้
แต่สำหรับรถนำเข้า ในปีหน้า นิสสัน จะนำเข้า 350Z รถสปอร์ท รุ่นล่าสุดของ นิสสัน ซึ่งได้เปิดตัวและมียอดขายดีมากทั้งในญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา
ฟอร์มูลา : แผนการลงทุนเพิ่มขึ้นปี 2546 สยามกลการ ฯ เตรียมไว้อย่างไรบ้าง ?
ดร.พรเทพ : เตรียมแผนลงทุนในปี 2546 ในหลายด้าน คาดว่าจะใช้งบประมาณในการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เนื่องจากมีหลายโครงการที่บริษัทเตรียมความพร้อมไว้ อย่างเช่น การขยายโชว์รูมในกรุงเทพ ฯ ของ บริษัท สยามกลการ เทรดดิ้ง จำกัด ถนนวิภาวดี พร้อมเป็นศูนย์บริการใหม่ ลงทุน 75 ล้านบาท เปิดศูนย์เคาะพ่นสี ปทุมวันของบริษัท สยามนิสสั บอดี้ จำกัด และที่หนองแขม ลงทุนประมาณ 30 ล้านบาท การขยายโชว์รูม ที่สุขาภิบาล 3 ลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนนี้เป็นของบริษัททั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นการขยายการบริการที่ต้องใช้การลงทุนอย่างมาก
นอกจากนี้ในส่วนตัวแทนจำหน่าย จะมีการลงทุนในส่วนของการขยายบริการเพิ่มขึ้นอีกทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่เชียงใหม่/สงขลา/นครศรีธรรมราช/พระนครศรีอยุธยา และอ่างทอง เป็นต้น โดยจะเป็นการสร้างใหม่ทั้งหมด
สำหรับบริษัทในเครือ ส่วนใหญ่จะเป็นการขยายไลน์สินค้าเพิ่มขึ้น เช่น บริษัท นิตตั้น (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตและจำหน่าย วาล์วเครื่องยนต์ บริษัท บางกอกโคมัตสุ อินดัสตรี จำกัด ด้านเหล็กหล่อ ขยายไลน์การผลิตลิฟท์ฮิตาชิ เพื่อการส่งออก ขยายไลน์ บริษัท แซ็กเซิล จำกัด ลงทุนประมาณ 600-700 ล้านบาท ปรับปรุงขบวนการผลิตแอร์รถยนต์ อีกระบบหนึ่ง เป็นระบบรุ่นใหม่ ปรับแผนไลน์ผลิตแอร์ฟิวเตอร์ ไส้กรองอากาศ ขยายไลน์ การผลิตตลับลูกปืน การลงทุนเพื่อขยายไลน์สินค้าทั้งหมดทั้งตลาดในประเทศ และตลาดส่งออก
ฟอร์มูลา : ในฐานะที่ นิสสัน มีโรงงานผลิตรถในประเทศไทย และส่งออกไปยังต่างประเทศ คุณมีความเห็นอย่างไรกับการที่รถยี่ห้ออื่นมาลงทุนผลิตรถในประเทศเหมือนกัน ?
ดร. พรเทพ : ความจริงแล้วส่วนใหญ่ที่ย้ายฐานมาประเทศไทยจะเป็นรถพิคอัพ โดยความเห็นแล้ว ดูจากสภาพตลาดรถพิคอัพ ตลาดใหญ่จะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และประเทศไทย ที่เหลือจะเป็นตลาดเล็กๆ จึงมองว่าการย้ายฐานมาผลิตในประเทศไทย จะเป็นการลดต้นทุน ส่วนการย้ายฐานมาผลิตรถเก๋งมาไทยนั้นยาก ต้องรอ อาฟตา อย่างเดียว ที่จะทำได้ก็จะเป็นเพียงการผลิตรถขนาดเล็กส่งออกเท่านั้น
ฟอร์มูลา : ข้อตกลง อาฟตา มีผลอย่างไรกับ สยามกลการ ฯ บ้าง ?
ดร. พรเทพ : อาฟตา มีผลประโยชน์กับรถทุกยี่ห้อ เพราะจะมีการสั่งรถบางรุ่นที่ไม่ได้ผลิตในประเทศเข้ามาจำหน่าย ซึ่งในอนาคตนั้น นิสสัน ก็ต้องมีรถจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาจำหน่ายอย่างแน่นอน
ฟอร์มูลา : กิจกรรมทางสังคมของ สยามกลการ ฯ มีแผนการดำเนินงานอย่างไร ?
ดร. พรเทพ : กิจกรรมทางสังคมนั้นจะมีจนถึงเดือนกันยายน 2546 ซึ่งครบ 50 ปี อย่างเช่น การเปิดตัวโครงการ ธิงค์เอิร์ธ จะมีห้องนิทรรศการ บริเวณชั้น 11 ของตึก สยามกลการ ปทุมวัน มีการสร้างอาคารเรียน 50 ปีสยามกลการ ที่อำเภอบางบ่อ จังหวัด สมุทรปราการ ลงทุนกว่า 6 ล้านบาท สร้างศาลาที่พักผู้โดยสารบนทางหลวง สร้างห้องสมุดให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลศีรษะจรเข้ใหญ่ จังหวัด สมุทรปราการ มอบเครื่องยนต์ และอุปกรณ์การศึกษา แก่กระทรวงศึกษาธิการ และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย โดยส่วนใหญ่จะเป็นการสานโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน
ฟอร์มูลา : ประเทศไทยจะเป็นดีทรอยท์แห่งเอเชียได้หรือไม่ ?
ดร. พรเทพ : ประเทศไทยนั้นเป็นดีทรอยท์ของพิคอัพได้ เราต้องมองว่าตลาดเด่นชัดไปหมดแล้ว เช่น ตลาดรถเกาหลี อนาคตดี สู้กับรถญี่ปุ่นได้ จุดยืนเด่นชัด การตลาดของแต่ละบริษัทก็จะเน้นไปที่สินค้าที่มีความเป็นไปได้ในตลาดของตนเอง
ABOUT THE AUTHOR
น
นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : เกรียงศักดิ์ ปันสมนิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2545
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)