สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
มร. เดวิด ดับเบิลยู โฮวาร์ด
ข่าวใหญ่อีกข่าวในวงการรถยนต์บ้านเราคือ การที่ บริษัท เอ็มเอ็มซี สิทธิผล จำกัด เปลื่ยนชื่อใหม่เป็นมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจตามแผน เทิร์นอราวน์ด (TURNAROUND)โดยตั้งใจให้สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของความเป็น มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ฯ ในประเทศไทย
"ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ มร. เดวิด ดับเบิลยู โฮวาร์ด กรรมการรองผู้จัดการใหญ่
และประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
ฟอร์มูลา : เพราะเหตุใด จึงต้องเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ฯ ?
โฮวาร์ด : ตั้งแต่เมื่อต้นปีที่แล้ว เป็นแนวคิดของบริษัทที่จะปรับปรุงการทำงานของ มิตซูบิชิในประเทศไทย ให้เป็น โกลบอไลเซชัน และอีกอย่างหนึ่ง มิตซูบิชิ เป็นผู้ส่งออกอันดับ 1ของประเทศไทย ทำให้เกิดแนวคิดเปลี่ยนชื่อจากเดิม เป็น มิตซูบิชิ
มอเตอร์ส เพื่อให้เข้ากับแนวโน้มที่พัฒนาไปทั่วโลกทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ฟอร์มูลา : หลังจากเปลี่ยนชื่อบริษัท และมีการปรับโครงสร้างบริหารงานแล้วเป้าหมายของบริษัทเป็นอย่างไร ?
โฮวาร์ด : ตั้งแต่เริ่มต้นปรับโครงสร้างมา มีการวางเป้าไปที่การกลับไปที่ตำแหน่งเดิมของ มิตซูบิชิในตลาดเมื่อ 10 ปีก่อน คือมีมาร์เกทแชร์ 14-16 %ดังนั้นการปรับโครงสร้างได้มีการดำเนินการหลายอย่างเพื่อนำมาตรฐานเข้าไปสู่สากลมากขึ้น
โดยได้มีการปรับโครงสร้างการตลาดเพื่อมุ่งไปสู่กลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุน้อยลง การบริการหลังการขายเน้นการบริการให้มากขึ้น ด้านการสื่อสาร สำนักสื่อสารองค์กร ได้รวมหน่วยงาน ประชาสัมพันธ์อินเตอร์เนท อีเลคทรอนิคส์ หรือการสัมพันธ์ภายในองค์กรเข้าด้วยกันเพื่อให้การบริการลูกค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น
ฟอร์มูลา : วางแผนรุกการตลาดในประเทศไทยไว้อย่างไรบ้าง ?
โฮวาร์ด : เราพยายามที่จะสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดคืนและอีกอย่างหนึ่งคือต้องการขึ้นไปเป็นอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดรถยนต์ในประเทศไทยซึ่งการปรับปรุงตรงจุดนี้ ต้องพยายามที่จะเพิ่มการบริการหลังการขายและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า การปรับปรุงเครือข่ายผู้จำหน่าย การสื่อสารกับลูกค้าซึ่งมองไปถึงลูกค้าสามารถสั่งรถทางอินเตอร์เนทได้ รวมถึงการบริการลูกค้า และผู้จำหน่ายสามารถเปิดเข้าไปในอินเตอร์เนท เพื่อค้นหาคู่มือการบริการต่างๆ ได้ เสนอการบริการ 24 ชม.
ที่ลูกค้าสามารถโทรเข้ามาฉุกเฉินได้ ซึ่งจุดนี้ให้บริการกับลูกค้าใหม่ถึง 3 ปีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ และ มิตซูบิชิ ไม่ได้คิดว่าการบริการลูกค้าที่ดีจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างได้สิ่งที่จำเป็นอันดับต่อไปคือการมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสนองความต้องการของลูกค้า ดังนั้นบริษัทจึงตั้งเป็นนโยบายขึ้นมา จะต้องมีการแนะนำรถรุ่นใหม่อย่างน้อยปีละ 1 รุ่นและมีรถนำเข้าซึ่งเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าอีกทางหนึ่งด้วย
ฟอร์มูลา : คุณคิดว่าเป้าหมายที่จะขึ้นสู่อันดับ 1 ใน 3 ของตลาด จะใช้เวลานานเท่าใด ?
โฮวาร์ด : คิดว่าจะอยู่ในช่วงปี 2550-2551 ซึ่งจุดนี้ต้องรอพิคอัพ และรถยนต์รุ่นใหม่ โดยจะเริ่มที่รุ่น สเปศ แวกอน
ฟอร์มูลา : ในส่วนนี้จะมีการลงทุนใหม่เพิ่มขึ้นหรือไม่ ?
โฮวาร์ด : จะลงทุน 2.1 หมื่นล้านบาท ในการพัฒนาสายผลิตภัณฑ์ซึ่งจะเป็นการลงทุนทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ นั่นหมายความว่าเป็นการลงทุนทั้งในส่วนของโรงงาน วิจัย
และพัฒนา ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในประเทศไทยเพื่อที่จะได้เสริมศักยภาพของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยในฐานะที่เป็นบริษัทส่งออกของ มิตซูบิชิ ทั่วโลก
ฟอร์มูลา : คุณได้เข้าไปบริหารโรงงาน มิตซูบิชิ ด้วย ใช่หรือไม่ ?
โฮวาร์ด : การบริหารงานของโรงงานนั้นดูแลมาโดยตลอดเนื่องจากว่าอัตราการส่งออกสูงมากจึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์ส่งออกไปนั้น
เป็นมาตรฐานที่บริษัทต้องการ
ฟอร์มูลา : บริษัท ฯ วางแผนการการปรับปรุงดีเลอร์อย่างไร ?
โฮวาร์ด : ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ได้ตั้งโครงการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย เรียกว่า เนทเวิร์คดีเวลอพเมนท์ โดยเริ่มต้นด้วยการนำผลสำรวจของลูกค้าทางด้านการขาย การบริการเข้ามาเป็นตัวตั้งมาตรฐานต่างๆ ให้ผู้จำหน่ายนำไปใช้ซึ่งได้มีการปลดผู้จำหน่ายที่ไม่สามารถทำได้ตามมาตรฐานที่กำหนด รวมถึงทำยอดขาย
ไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีการจัดทำคู่มือให้กับดีเลอร์ทั้งใหม่และเก่าที่มีอยู่แล้วโดยในคู่มือดีเลอร์สามารถไปดูได้เลยว่าในกรณีต่างๆ ควรจะปฏิบัติตัวกับลูกค้าอย่างไรทุกอย่างสามารถดูได้ในคู่มือและตั้งเป็นข้อแม้ในสัญญาว่าดีเลอร์จะต้องปฏิบัติตามคู่มือของการพัฒนาเครือข่ายซึ่งหากทำไม่ได้ไม่ว่ากรณีใดก็จะถูกพิจารณา เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก
ฟอร์มูลา : หลังจากที่มีการปลดดีเลอร์ ปัจจุบันมีดีเลอร์ทั้งหมดกี่แห่ง และจะขยายเพิ่มขึ้นหรือไม่ ?
โฮวาร์ด : ปัจจุบันมี 140 สาขา มีดีเลอร์ประมาณ 90 บริษัทส่วนเป้าหมายที่ตั้งไว้คือในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้คือประมาณ 150-155 ซึ่งคงจะไม่มากไปกว่านั้น
และนโยบายอีกส่วนหนึ่งคือการตั้งดีเลอร์คู่ขนานโดยจะตั้งดีเลอร์ใหม่ที่คิดว่ามีศักยภาพในเขตที่มีศักยภาพสูงซึ่งมีดีเลอร์อยู่แล้วแต่ว่าผลการทำงานไม่ดีพอ แล้วดูว่าจะทำยอดเพิ่มขึ้นหรือไม่ ผลตรงนั้นดีขึ้นได้อย่างไรดีเลอร์เดิมอาจจะมีการปลดหรือไม่ปลด แต่สุดท้ายจำนวนดีเลอร์ก็จะมีอยู่ที่ 140 สาขาเช่นเดิม
ฟอร์มูลา : การทำเช่นนี้จะทำให้ดีเลอร์ทั้งหมดมีมาตรฐานเดียวกันหมด ตามที่กำหนดใช่หรือไม่ ?
โฮวาร์ด : ใช่ เพราะว่าในขณะนี้ดีเลอร์ไม่มีศักยภาพด้านการเงินบางแห่งไม่มีทุนพอในการซื้อชิ้นส่วนอะไหล่ ทำให้มาตรฐานการให้บริการค่อนข้างต่ำสิ่งนี้คือสิ่งที่ต้องพัฒนา และแต่งตั้งดีเลอร์ใหม่เพื่อให้บริการกับลูกค้าได้เต็มที่ทั้งนี้เพื่อที่จะรักษาการบริการ และพัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ตั้งเป้าไว้ว่าปี 2548ความพึงพอใจของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นการขาย การบริการหลังการขาย ของ มิตซูบิชิจะอยู่ในระดับสูงสุด
ฟอร์มูลา : คุณมองตลาดรถยนต์ในปี 2547 ไว้อย่างไร ?
โฮวาร์ด : ถ้าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไม่สูงไปกว่าปัจจุบันและอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะอยู่ที่ประมาณหรือต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อคิดว่าอัตราการเจริญเติบโตของตลาดจะใกล้เคียงกับปีนี้และมีโอกาสเป็นไปได้มากที่ยอดขายจะเกินกว่า 600,000 คันซึ่งจะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ไปถึงจุดนั้น
ฟอร์มูลา : ในส่วนของ มิตซูบิชิ ตั้งเป้าไว้เท่าไร ?
โฮวาร์ด : 42,000 คัน ส่วนใหญ่จะเป็นพิคอัพเหมือนเดิม
ฟอร์มูลา : รถใหม่ในปีหน้าจะเป็นรุ่นใดบ้าง ?
โฮวาร์ด : จะเน้นไปที่ สเปศ แวกอน รถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก ที่จะทำการผลิตที่โรงงานแหลมฉบังและจะส่งไปจำหน่ายในตลาดต่างประเทศในแถบอาเซียนด้วย ซึ่ง สเปศ แวกอน จะเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดและทันสมัยมาก และราคาก็จะเป็นที่น่าสนใจมาก ในขณะเดียวกันรถในรูปแบบนี้มีคู่แข่งในตลาดน้อยในตลาดทั่วโลกเราใช้ชื่อ กรันดิส แต่เนื่องจากชื่อ สเปศ แวกอนผู้บริโภคในเมืองไทยรู้จักกันดีมานานแล้วตั้งแต่ 10 ปีก่อน ในปัจจุบันรถรุ่น สเปศ แวกอนรุ่นดั้งเดิมในตลาดก็ยังมีราคาดี และผู้บริโภคก็ชอบมาก จึงตัดสินใจใช้ชื่อสเปศ แวกอน สำหรับ กรันดิสในประเทศไทย และชื่อได้มีการนำมาใช้สำหรับรถพิคอัพในเมืองไทย คิดว่าชื่อ สเปศ แวกอนเหมาะสมที่สุด ส่วน สตราดา ในรุ่นเดิมก็ยังคงใช้อยู่ต่อไป
ส่วนรถเก๋งคงจะมีไม่มากนัก ในปีนี้จะมี แลนเซอร์ ไมเนอร์เชนจ์ และมีรถนำเข้า รุ่น ดีอมันเตและเอาท์แลนเดอร์
ฟอร์มูลา : คุณมองตลาดรถพิคอัพ และรถเก๋งในปีนี้อย่างไร ?
โฮวาร์ด : ถ้าเปรียบเทียบระหว่างพิคอัพกับรถเก๋ง ถึงแม้ว่าปีที่ผ่านมายอดขายพิคอัพจะตกไปบ้างแต่คาดว่าปีนี้และในอนาคตอันใกล้ไม่คิดว่าอัตราส่วนจะต่ำ ส่วนแบ่งตลาดจะต่ำกว่า 50 %เพราะในเมืองไทยยังนิยมใช้รถพิคอัพเพื่อประโยชน์ใช้สอย เช่น บรรทุก รถบ้านและในอนาคตจะมีเครื่องยนต์รุ่นใหม่เข้ามา เครื่องยนต์เดินเงียบ นั่งสบายคิดว่าส่วนแบ่งไม่น่าจะตกลงไป และสูงกว่า 50 % อีกนาน
ฟอร์มูลา : จะมีเครื่องยนต์ใหม่เข้ามาอีกหรือไม่ ?
โฮวาร์ด : ปีนี้ยังไม่มี แต่ในอนาคต้องมีแน่ ปัจจุบันทุกยี่ห้อมุ่งไปใช้เทคโนโลยี คอมมอนเรลที่ทำให้เครื่องยนต์เงียบ สั่นสะเทือนน้อยลง กำลังมากขึ้น และในปีที่ผ่านมาได้มีการแนะนำเครื่องยนต์2,800 ซีซี เทอร์โบ อินเตอร์คูเลอร์ใหม่ และรับประกันเครื่องยนต์ 5 ปี ไม่มีเจ้าไหนทำเพราะเครื่องยนต์รุ่นนี้ทนทานมาก
ฟอร์มูลา : มิตซูบิชิ จะมีความร่วมมือกับ ไดมเลร์ ไครสเลอร์ ในเรื่องเครื่องยนต์หรือไม่ ?
โฮวาร์ด : จะไม่ใช้เทคโนโลยีของ จีพ เพราะเครื่องยนต์ของ จีพ เป็นเทคโนโลยีของ ไดมเลร์ ไครสเลอร์มิตซูบิชิ มีเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาเอง ดังนั้นเราจึงใช้เทคโนโลยีของเรา
ฟอร์มูลา : การตั้งเป้าหมายเป็นอันดับ 1 ใน 3 คิดว่าจะใช้จุดเด่นในส่วนใดบ้าง ?
โฮวาร์ด : ตลาดในเมืองไทยคนจะมองไปที่จุดใหญ่ คือ ความคุ้มค่าของเงินที่จ่าย และความหรูหราทนทาน แต่ มิตซูบิชิ จะมุ่งไปที่สมรรถนะ เพราะสมรรถนะเป็นประวัติที่ มิตซูบิชิ มีมาตลอดถ้ามองไปที่ยุโรป ซึ่งมียี่ห้อหนึ่ง คือ บีเอมดับเบิลยู ที่สร้างความสำเร็จจากรากฐานสมรรถนะเมื่อมองไปที่สมรรถนะทำให้เกิดความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ด้วยสมรรถนะของ มิตซูบิชิ จึงมุ่งไปตลาดหนุ่มสาว มีไลท์สไตล์ใหม่ๆ เราจะพยายามใช้จุดขายตรงนี้ทำให้สามารถก้าวขึ้นไปสู่อันดับ 1 ใน 3 ได้
ดูได้ง่าย และชัดเจน คือ เอโวลูชัน 8 ซึ่งปัจจุบันได้รับตำแหน่งคาร์ออฟเธอะเยียร์
สาเหตุที่ได้เนื่องด้วยราคารถเก๋งสามารถได้สมรรถนะซูเพอร์คาร์ และมีความทนทาน
ใข้ได้แบบรถธรรมดา ขณะเดียวกันเป็นซูเพอร์คาร์ในตัว ซึ่งความคุ้มค่านี้หาไม่ได้อีกแล้วในรถอื่นๆในตลาดสหรัฐอเมริกา
ฟอร์มูลา : ในประเทศไทยจะใช้สินค้าตัวใดในการจับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น ?
โฮวาร์ด : ในอนาคตจะฟื้นฟูชื่อแรลลีอาร์ท ซึ่งนอกจากจะมีรถรุ่นธรรมดาแล้ว
จะมีรถรุ่นตกแต่งแรลลีอาร์ท ที่ให้สมรรถนะที่สูงกว่ารุ่นปกติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการขับขับขี่อัตราเร่งของเครื่องยนต์
ฟอร์มูลา : เป้าหมายของการส่งออกคุณวางแผนไว้อย่างไร ?
โฮวาร์ด : คือพยายามรักษาตำแหน่งที่ 1 ของการส่งออก นั่นคือเหตุผลการลงทุนในโรงงาน 2.1หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตเต็มที่ 180,000 คัน/ปี ภายในปี 2550จะส่งออกรถได้ประมาณปีละ 110,000-120,000 คัน
ฟอร์มูลา : คิดว่าคู่แข่งที่สำคัญจะเป็นยี่ห้อใดบ้าง ?
โฮวาร์ด : มองเห็นว่า โตโยตา ในตลาดเป็นผู้นำ เป็นคู่แข่งที่สำคัญ แต่เจ้าอื่นๆ
บางยี่ห้อมีรถไม่ครบทุกประเภท เช่น อีซูซุ มีแค่พิคอัพเพียงอย่างเดียวต่อไปในการทำตลาดจะค่อนข้างลำบาก ฮอนดา ในที่สุดก็ต้องการมีสินค้าครบไลน์ นิสสันซึ่งเป็นคู่ค้าร่วมกับ เรอโนลต์ น่าจะเป็นคู่แข่งที่สำคัญของ มิตซูบิชิ ต่อไป ส่วน มิตซูบิชิ ตั้งแต่ปี 2550-2551 จะมีรถรุ่นใหม่ที่มีรูปลักษณ์สวยงาม และน่าตื่นเต้นออกวางตลาด
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2547
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51937