มาตรวัดตลาดรถ
ไม่กลัวภัย
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์
เดือนพฤศจิกายน ปี '48 กับ '47,,
ตลาดรวม ,เพิ่ม ,8.3 %
รถยนต์นั่ง ,เพิ่ม ,10.0 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ ,เพิ่ม ,8.8 %
รถอเนกประสงค์ (MPV) ,ลด ,57.3 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ,เพิ่ม ,327.3 %
[/table]
หวัดนก ไฟใต้ น้ำท่วมซ้ำซาก ยังคงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนไทยตาดำๆ ทุกภาคทั่วถึงกันแต่น้ำใจคนไทย ก็ยังคงหลั่งไหลช่วยเหลือกันยามยากเสมอ
หนนี้ขอนำเสนอเรื่องใกล้ตัวหน่อยนะครับ เป็นประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำฉบับที่ 6 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2549 ที่ผ่านมา
แต่ดูจากตัวเลขแล้ว ก็ให้น่าเห็นใจบรรดากรรมกรผู้ใช้แรงงาน ในยุคน้ำมันแพง ข้าวแกงจานละ 30 บาทเข้าไปแล้ว เพราะอัตราค่าจ้างขั้นต่ำพื้นฐาน ผู้ใช้แรงงานจะได้รับเพียงวันละ 140 บาท (หนึ่งร้อยสี่สิบบาท) ครับ
ที่จริงตัวเลขนี้ท่านว่าเป็นตัวเลขที่ปรับปรุงจากประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2548 ที่ผ่านมาปรับปรุงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำบางจังหวัด
สำหรับท้องที่ กทม. และเมืองปริมณฑล อัตราค่าจ้างขั้นต่ำพื้นฐาน ได้รับ 184 บาท และลดหลั่นกันไปตามสภาพเศรษฐกิจของแต่ละเมือง อย่าง ภูเก็ต ผู้ใช้แรงงานจะได้ 181 บาท/ชลบุรี 166 บาท/สระบุรี 163 บาท และนครราชสีมา 158 บาท
เชียงใหม่ พังงา อยุธยา ระนอง ระยอง ได้รับวันละ 155 บาท ฉะเชิงเทรา 153 บาท กาญจนบุรี กระบี่ ลพบุรี ได้วันละ 151 บาท
จันทบุรี เพชรบุรี สมุทรสงคราม ได้วันละ 150 บาท ตรัง อ่างทอง ได้วันละ 148 บาท ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ราชบุรี สระแก้ว สิงห์บุรี ได้วันละ 147 บาท
ชุมพร ตราด ลำปาง ลำพูน สุโขทัย สุพรรณบุรี อุดรธานี ได้วันละ 145 บาท กาญสินธุ์ ขอนแก่น นครพนม นครศรีธรรมราช นราธิวาส บุรีรัมย์ ปัตตะนี ยะลา เลย สงขลา สตูล หนองคาย ได้วันละ 144 บาท กำแพงเพชร ตาก นครนายก นครสวรรค์ พัทลุง พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุราษฎร์ธานี อุตรดิตถ์ได้วันละ 143 บาท
ชัยนาท ชัยภูมิ เชียงราย มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สกลนคร หนองบัวลำภู อุทัยธานี ได้วันละ 142 บาท พิจิตร แม่ฮ่องสอน สุรินทร์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ได้วันละ 141 บาท น่าน พะเยา แพร่ ได้วันละ 140 บาท
ก็ต้องทำใจนะครับ ในเมื่อไม่มีวิชาความรู้ติดตัว ต้องใช้แรงงาน ทำงานแลกเงินมีกฎหมายกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเอาไว้ ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลยนะครับ
ขอแถมเรื่องมาตรการทางภาษีอากรเพื่อเป็นการกระตุ้นการลงทุนของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยรายจ่ายเพื่อการลงทุนในทรัพย์สิน ประเภทเครื่องจักร อุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือบริการคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ รถยนต์ที่ใช้ในการขนส่ง แต่ไม่รวมถึงรถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน กระทรวงการคลังยินยอมให้หักรายจ่ายเพิ่มเติมจากค่าเสื่อมราคาปกติอีกร้อยละ 25 ของเงินลงทุนในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี
โดยการลงทุนที่จะได้รับสิทธิตามมาตรการนี้ ต้องกระทำภายในช่วงห้ารอบระยะเวลาบัญชีเริ่มตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2549 เป็นต้นไป
นั่นก็แสดงว่า บริษัทจดทะเบียน ก็จะพยายามใช้รถยนต์เพื่อการขนส่งให้มากขึ้นเพราะได้หักลดหย่อนเพิ่มอีก 25 % เดี๋ยวเดียวก็จะเหลือค่าแค่บาทเดียว
บรรดารถใหญ่ที่ใช้ขนส่งทั้งหลาย คราวนี้ก็จะเนื้อหอมไปตอมแต่บรรดาบริษัทจดทะเบียนกันให้วุ่นไปหมด
กลับมาเรื่องมาตรวัดกันดีกว่า อย่างที่พาดหัวเอาไว้ว่า ไม่กลัวภัยนั่นน่ะเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนเลยทีเดียว ขนาดบ้านเมืองมีปัญหาสารพัด ทั้งน้ำท่วมภาคเหนือ ภาคใต้ไฟใต้ แต่คนไทยใจหาญก็ยังควักกระเป๋า ถอยรถป้ายแดงกันเป็นว่าเล่น
เพียงแต่ว่า สัดส่วนการใช้รถยนต์นั่ง เติบโตในอัตราที่ลดลง ผู้ซื้อส่วนใหญ่หันไปหารถกระบะหรือรถประเภทอื่น ด้วยข้อแม้ราคาน้ำมันเป็นเหตุ สัดส่วนที่เคยๆ ประมาณกันว่าผู้ใช้จะซื้อรถเก๋งประมาณ 35 % ที่เหลือเป็นรถกระบะ หรือรถประเภทอื่นปลายปีนี้คงได้เล่าสู่กันฟังใหม่นะครับ
เดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ยอดการขายยังโตขึ้นมาถึง 8.3 % ขายกันทั้งตลาด 63,422 คัน ในขณะที่ยอดรวมยังคงเติบโต 13.2 % ยอดรวม 11 เดือน 625,556 คัน
ตำแหน่งแชมพ์ประจำเดือนยังได้แก่ โตโยตา ขาย 23,580 คัน ลดลงเล็กน้อย แม้จะอัดแคมเปญทุกรุ่นลด 4.2 % ส่วนแบ่งก็ลดลงเหลือ 37.2 % อันดับสอง อีซูซุ ขายสบายใจ 16,628 คัน เพิ่ม 22.0 % ส่วนแบ่งก็เพิ่ม 26.2 %, อันดับสาม วิกฤติศรัทธา ฮอนดา ยังไม่ฟื้น ขาย 6,028 คัน เพิ่มเล็กน้อย 7.6 % ส่วนแบ่ง 9.5 % อันดับสี่ มิตซูบิชิ ยอมปล่อยแคมเปญเทพบุตรแห่งท้องทะเล ขายได้ 4,651 คัน เพิ่มเยอะ 34.7 % ส่วนแบ่ง 7.3 % และอันดับห้า นิสสัน ขาย 3,750 คัน ลดลง 9.0 % ส่วนแบ่ง 5.9 %
อันดับยอดรวมยังคงได้แก่ โตโยตา รวม 248,387 คัน อีซูซุ รวม 158,778 คัน ฮอนดา 48,271 คัน มิตซูบิชิ 42,642 คัน และ นิสสัน 38,191 คัน
ผู้เสียภาษียอดเยี่ยม เดือนนี้ยอดขายร่วง โพร์เช ขายได้ 1 คัน แจกวาร์ ขายได้ 5 คัน
แยกประเภทเป็นรถยนต์นั่ง ตลาดเดือนนี้โตขึ้น 10.0 % ขายได้ 16,432 คัน ยอดรวมยังติดลบ 8.9 % ขายได้แค่ 148,405 คัน
ตำแหน่งแชมพ์ เหมือนเดิม โตโยตา ขาย 7,176 คัน เพิ่ม 3.4 % ส่วนแบ่งเหลือ 43.7 %, ที่สอง ฮอนดา ขาย 5,918 คัน เพิ่มขึ้น 9.2 % ส่วนแบ่ง 36.0 %, ที่สาม เชฟโรเลต์ ขายอย่างร่าเริง 849 คัน เพิ่ม 37.4 % ส่วนแบ่ง 5.2 %, ที่สี่ มิตซูบิชิ ขายได้ 544 คัน เพิ่มถึง 109.2 % ส่วนแบ่ง 3.3 % และที่ห้า นิสสันขาย 514 คัน ลดลง 19.8 % ส่วนแบ่ง 3.1%
ประเภทกระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ 1 ตัน ยอดรวมตั้งแต่ต้นปี 352,478 คัน เพิ่ม 20.5 % แต่เฉพาะเดือนนี้ เพิ่ม 8.8 % ขายได้ 35,787 คัน ตำแหน่งแชมพ์ยังคงได้แก่ อีซูซุ 14,629 คัน เพิ่มถึง 26.5 % ส่วนแบ่ง 40.9 % ที่สอง โตโยตา ขายได้ 10,407 คัน ลดลง 15.3 % ส่วนแบ่ง 29.1 % ที่สาม มิตซูบิชิ ขาย 2,846 คัน เพิ่ม 21.8 % แต่ส่วนแบ่งอยู่ที่ 8.0 %
รถเพื่อการพาณิชย์อื่น ๆ หรือรถบรรทุกนั่นแหละ ยอดขายไม่ค่อยดีนัก ลดลง 0.7 % ขายได้แค่ 3,090 คัน ในขณะที่ยอดรวมยังดีอยู่ เพิ่ม 12.7 % รวม 33,398 คัน โดยมี อีซูซุ นำอยู่ 863 คัน ลดลงเล็กน้อย 2.3 % ส่วนแบ่ง 27.9 % ที่สอง ฮีโน 810 คัน ลดลงเช่นกัน 11.3 % ส่วนแบ่ง 26.2 % และที่สามโตโยตา ขายได้ 771 คัน เพิ่ม 24.6 % ส่วนแบ่ง 25.0 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่รวมรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยรวม เพิ่มถึง 327.3 % ขาย 3,820 คันโดยตำแหน่งแชมพ์ คือ โตโยตา ขายคนเดียว 2,679 คัน เพิ่มขึ้นถึง 5,600.0 % ส่วนแบ่ง 70.1 % ที่สองอีซูซุ ขาย 676 คัน ส่วนแบ่ง 17.7 % และที่สาม ฟอร์ด ขาย 158 คัน ลด 49.4 % ส่วนแบ่ง 4.1 %
รถอเนกประสงค์ หรือรถตู้ ยอดรวมยังดีอยู่ ลดลง 57.3 % ขายได้ 832 คัน รวมลด 34.5 % ขายกัน 11 เดือน 14,350 คัน โดยมีเจ้าตลาด โตโยตา ขายมากกว่าเพื่อน 536 คัน
นั่นคือความเป็นไปท่ามกลางภัยธรรมชาติที่รุมเร้าบ้านเราอยู่ แต่ก็ต้องถือว่าเป็นความจำเป็นในการเลือกซื้อรถยนต์มาใช้งาน
แถมด้วยแคมเปญมากมายที่แต่ละยี่ห้อสรรหามาล่อใจ แต่ยอดจองในงานมหกรรมยานยนต์ก็ล่อเข้าไปหมื่นเจ็ดพันคันแล้ว เชื่อได้เลยว่า ตัวเลขรวมต้องเกินหกแสนแปดแน่
ขนาดประกอบรถได้ปีนี้ เกินล้านคันแล้ว ยังต้องตีฆ้องร้องป่าวให้ชาวประชารับทราบเพียงแต่ไม่ยอมบอกว่า โรงงานไหนที่ประกอบรถได้เป็นคันที่หนึ่งล้าน
กลัวเก็บเงินสปอนเซอร์ไม่ได้หรือครับ
ABOUT THE AUTHOR
ม
มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2549
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ