มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ
มหกรรมยานยนต์ปารีส 2024 ครั้งที่ 90 ของงานแสดงรถยนต์ระดับโลกที่เคยยิ่งใหญ่
เมื่อ 2 ปีก่อน ทีมงานของ “สื่อสากล” เดินทางไปเยือนมหกรรมยานยนต์ปารีส ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกหลังยุค COVID-19 แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า นั่นคงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราเดินทางไปทำข่าวงานแสดงรถยนต์รายการนี้ เพราะสภาพของงานทั้งในเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ เทียบกันไม่ได้เลยกับงานที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต ปีนี้มหกรรมยานยนต์ปารีสจัดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ระหว่างวันจันทร์ที่ 14-วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2024 สถานที่จัดงานเป็นที่เดิม คือ ศูนย์นิทรรศการขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในแถบใต้ของกรุงปารีส ซึ่งมีชื่อว่า PORTE DE VERSAILLES (ปอร์เตอ เดอ แวร์ซายส์)
ก่อนวันเริ่มงานผู้จัดงานยืนยันว่า ปีนี้ขยายพื้นที่จาก 4 เป็น 5 ฮอลล์ จะมีบริษัทรถยนต์ร่วมงานมากกว่าเดิม และจะมีรถใหม่ปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หลายคัน เป็นคำโฆษณาชวนให้เชื่อ ที่ทำให้เราเปลี่ยนใจ และเดินทางไปเยือนงานนี้อีกครั้ง
สิ่งที่พบก็คือ เป็นงานที่ดูยิ่งใหญ่กว่างานครั้งก่อน แม้ว่ายังคงเทียบไม่ได้เลยกับงานก่อนยุค COVID-19 บริษัทรถยนต์ของฝรั่งเศสเองร่วมงานอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา คือ CITROEN (ซีตรอง)-PEUGEOT (เปอโฌต์)-RENAULT (เรอโนลต์)-DACIA (ดาเซีย)-ALPINE (อัลปีน)-MOBILIZE (โมบิไลซ์) บริษัทรถยนต์ของประเทศยุโรปอื่นๆ ก็มีอยู่หลายราย คือ ALFA ROMEO (อัลฟา โรเมโอ)-AUDI (เอาดี)-BMW (บีเอมดับเบิลยู)-FORD (ฟอร์ด)-MINI (มีนี)-SKODA (สโกดา)-VOLKSWAGEN (โฟล์คสวาเกน) บริษัทรถยนต์ของสหรัฐอเมริกามี 2 ราย คือ CADILLAC (แคดิลแลค) กับ TESLA (เทสลา) บริษัทรถยนต์จากเมืองโสมมีรายเดียว คือ KIA (เกีย) บริษัทรถยนต์จากเมืองมังกรยกขบวนไปเป็นกองทัพ คือ AITO (ไอโท)-BYD (บีวายดี)-DONGFENG (ตงฟง)-FORTHING (ฟอร์ธิง)-GAC (จีเอซี)-HONGQI (หงฉี)-LEAPMOTOR (ลีพมอเตอร์)-MAXUS (แมกซัส)-SERES (เซเรส)-SKYWORTH (สกายเวิร์ธ)-XPENG (เสี่ยวเผิง) ที่หายหน้าหายตาไปหมดเลย คือ บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น
หลังวันปิดงาน ผู้จัดงานออกข่าวอย่างภาคภูมิใจว่า มหกรรมยานยนต์ปารีสครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งที่ 90 แม้ว่ามีช่วงเวลาจัดงานเพียง 6 วัน แต่ก็ยังมีผู้ชมงานมากถึง 508,007 คน สื่อมวลชนทั้งในฝรั่งเศส และจากต่างประเทศที่เดินทางไปทำข่าวก็มีมากถึง 4,000 คน และยืนยันด้วยว่า งานครั้งต่อไปจะมีขึ้นแน่นอนในปี 2026 ใกล้จะถึงกำหนดเวลาที่ว่า ทีมงานของเราคงตัดสินใจกันอีกครั้งหนึ่งว่าจะไป หรือไม่ไป ?
PEUGEOT INCEPTION CONCEPT
จุดโฟคัสสายตาในบูธของค่าย “หัวสิงห์” คือ รถเก๋งคันโตติดป้ายชื่อ PEUGEOT INCEPTION CONCEPT (เปอโฌต์ อินเซพชัน คอนเซพท์) ซึ่งปรากฏตัวในเมืองน้ำหอมเป็นครั้งแรกที่งานมหกรรมเทคโนโลยี VIVATECH เมื่อเดือนพฤษภาคม 2024 และฉายซ้ำอีกครั้งที่งานนี้ ไม่ใช่รถผลิตเพื่อจำหน่าย แต่เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ติดตั้งแบทเตอรีขนาดความจุ 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งได้ไกลถึง 800 กม. ห้องโดยสารซึ่งไม่เหมือนรถคันใดในโลก ติดตั้ง HYPERSQUARE (ไฮเพอร์สแควร์) ซึ่งเป็น STEER-BY-WIRE หรือระบบบังคับเลี้ยวด้วยสายไฟฟ้าสุดไฮเทค ที่ผู้ขับสามารถควบคุมทิศทางการวิ่งของรถโดยการสัมผัสด้วยปลายนิ้ว เป็นนวัตกรรมที่ค่ายนี้บอกว่า ในปี 2026 จะพบได้ในรถผลิตเพื่อจำหน่ายบางรุ่นบางแบบที่ติดโลโก “หัวสิงห์” ตัวถังที่ยาว และดูปราดเปรียว มีจุดสะดุดตาอยู่มากมาย รวมทั้งประตูข้างที่เปิดแยกจากกันโดยไม่มีเสากลางเหมือนประตูตู้กับข้าว
PEUGEOT E-408
เป็นรถแบบหนึ่งในบรรดารถหลายแบบหลายรุ่นที่ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” คือ PEUGEOT E-408 (เปอโฌต์ อี-408) ซึ่งออกโชว์รูมในเมืองน้ำหอมแล้ว พร้อมกับป้ายค่าตัวซึ่งเริ่มต้นที่ระดับ 38,200 ยูโร (ประมาณ 1.4 ล้านบาทไทย) เป็นรถเก๋งซีดานขนาดเล็กกะทัดรัด (ขนาดตัวถัง 4.687x1.859x1.478 ม. น้ำหนักตัวพร้อมขับรวมผู้ขับ 1,879 กก.) ที่ไม่ติดตั้งเครื่องยนต์ใดๆ เพราะเป็นรถขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ เป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้าซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 157 กิโลวัตต์/210 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับเกียร์ 1 จังหวะ และแบทเตอรี LITHIUM-ION NMC ขนาดความจุใช้งาน 58 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.2 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 160 กม./ชม. กรณีชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน WLTP จะวิ่งได้ไกล 445-453 กม. และมีอัตราสิ้นเปลืองพลังไฟฟ้าเฉลี่ย 15.1-15.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม.
CITROEN AMI
ค่าย “จ่าโท” ใช้งานนี้เป็นที่เฉลิมฉลองอายุ 4 ปีของรถ CITROEN AMI (ซีตรอง อามี) รุ่นแรก ที่เริ่มจำหน่ายเมื่อปี 2020 และขายไปแล้วมากกว่า 65,000 คัน (ปรากฏตัวบน AMI TOWER ในภาพขวามือ) กับเปิดตัวรถรุ่นใหม่ซึ่งมีกำหนดออกโชว์รูมในปี 2025 เป็น QUADRICYCLE หรือจักรยานยนต์ 4 ล้อ ที่ในบางประเทศของยุโรปผู้มีอายุ 14 ปีสามารถใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องมีใบขับขี่ เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 6 กิโลวัตต์/8 แรงม้า กับแบทเตอรี LITHIUM-ION ขนาดความจุ 5.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถวิ่งเร็ว 45 กม./ชม. และเดินทางได้ไกล 75 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม รถรุ่นใหม่ซึ่งปรากฏตัวให้เห็นเป็นครั้งแรกที่งานนี้ ตัวถังยังมีขนาด และโครงสร้างเหมือนรถรุ่นเดิม แต่มีรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่หลายจุด ทั้งด้านหน้า และด้านหลังของตัวรถ ที่ยังคงเหมือนเดิมเช่นกัน คือ ระบบขับล้อหน้าด้วยพลังไฟฟ้า ความเร็วสูงสุด 45 กม./ชม. และระยะเดินทาง 75 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม
CITROEN AMI BUGGY VISION CONCEPT
ปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้เช่นกัน คือ CITROEN AMI BUGGY VISION CONCEPT (ซีตรอง อามี บักกี วิชัน คอนเซพท์) เป็นรถแนวคิดที่ดัดแปลงจากรถ CITROEN AMI รุ่นใหม่ซึ่งมีกำหนดออกตลาดในปี 2025 และออกแบบเพื่อให้ใช้เป็นรถสำหรับกิจกรรมกีฬา และนันทนาการในวันหยุดสุดสัปดาห์ ตัวถังที่นั่งได้เพียง 2 คนเหมือนรถซึ่งเป็นที่มา ติดตั้ง SUNROOF หรือหลังคากระจกโปร่งแสง และไม่มีประตูข้างทั้ง 2 ด้าน แต่แทนที่ด้วยตะขอขนาดใหญ่ ซึ่งใช้บรรทุกอุปกรณ์กีฬาทางน้ำ ที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า KITE SURF BOARD ล้อที่ใช้ก็ออกแบบเป็นพิเศษ ติดตั้งยางหน้ากว้าง และยึดเกาะถนนได้ดีกว่าปกติ รูปลักษณ์เห็นแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเป็นรถซิ่งขนาดจิ๋วที่คิกขุสุดๆ ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของระบบขับ แต่เชื่อว่าเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ยกมาทั้งชุดจากรถ CITROEN AMI รุ่นสามัญ
CITROEN C5 AIRCROSS CONCEPT
รถติดป้ายชื่อ CITROEN C5 AIRCROSS CONCEPT (ซีตรอง ซี 5 แอร์ครอสส์ คอนเซพท์) ก็เป็นรถอีกคันหนึ่งที่ปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์พลังไฟฟ้าล้วนๆ ขนาดเล็กกะทัดรัด และเป็นแม่แบบของรถที่จะออกโชว์รูมในปี 2025 แทนที่รถ CITROEN C5 AIRCROSS รุ่นปัจจุบัน ที่อยู่ในตลาดมายาวนานตั้งแต่ปี 2018 ตัวถังซึ่งยาว 4.650 ม. และสูง 1.660 ม. ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่พื้นรถจรดหลังคา โดยใช้พแลทฟอร์ม STLA PLATFORM ที่ต้นสังกัด คือ STELLANTIS GROUP (สเตนแลนทิส กรุพ) เพิ่งออกแบบ/พัฒนาขึ้นใหม่ และใช้ได้ทั้งกับรถติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน รถไฮบริด หรือรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ส่วนภายในห้องโดยสารที่นั่งได้ 5 คน ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด บอกแต่เพียงว่า กว้างขวางเพียงพอสำหรับครอบครัว และให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในเลาน์จ์
RENAULT 4 E-TECH ELECTRIC
รถใหม่สายพันธุ์ฝรั่งเศสที่ผู้คนสนใจกันมาก และเป็นรถอีกคันหนึ่งที่ปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ คือ รถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัดติดป้ายชื่อ RENAULT 4 E-TECH ELECTRIC (เรอโนลต์ 4 อี-เทค อีเลคทริค) ซึ่งเป็นรถแบบแรกของค่ายนี้ที่มีระบบขับ ONE-PEDAL DRIVING MODE หรือโหมดการขับที่ใช้แป้นบังคับแป้นเดียว ให้เลือกใช้ด้วย ออกแบบโดยได้แนวคิด และแรงบันดาลใจจากรถ RENAULT 4 ที่ค่ายนี้เคยผลิตจำหน่ายรวม 2 รุ่น ในช่วงปี 1972-1996 และขายทั่วโลกได้ถึง 8,135,424 คัน รถยุคใหม่นี้มีขนาดตัวถัง 4.14x1.80x1.57 ม. และมีระบบขับให้เลือก 2 แบบ คือ แบบ URBAN RANGE ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 90 กิโลวัตต์/120 แรงม้า และแบทเตอรี 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะเดินทางไกลกว่า 300 กม. กับแบบ COMFORT RANGE ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า และแบทเตอรี 52 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะเดินทาง 400 กม.
RENAULT FL4WER POWER
ปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” เช่นกัน คือ RENAULT FL4WER POWER (เรอโนลต์ ฟลาเวอร์ เพาเวอร์) รถคันพิเศษที่ไม่ได้ทำเพื่อขาย แต่ทำเพื่อใช้แสดงในงานต่างๆ อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า SHOW CAR (โชว์คาร์) ดัดแปลงแต่งเติมจากรถ RENAULT 4 E-TECH ELECTRIC (เรอโนลต์ 4 อี-เทค อีเลคทริค) ที่ผลิตเพื่อจำหน่าย โดยแต้มสีสัน และเพิ่มเติมรายละเอียดมากมายทั้งภายนอก และภายในห้องโดยสาร เพื่อให้มีรูปลักษณ์เป็นรถที่สอดรับกับธรรมชาติ และ GO-ANYWHERE หรือวิ่งไปที่ไหนก็ได้ ตัวถังเคลือบสีเขียวเข้ม เสริมแต่งด้วยสีเหลืองตามจุดเน้นต่างๆ เช่น แผงกระจังหน้า และดวงโคมไฟหน้า กันชนหน้า และกันชนท้าย ฯลฯ ส่วนภายในห้องโดยสารก็หุ้มเบาะทั้งแถวหน้า และแถวหลัง ด้วยวัสดุหุ้มที่มีลวดลายเป็นดอกไม้ นอกจากนั้น ยังเพิ่มขนาดล้อจาก 18 เป็น 20 นิ้ว ซึ่งส่งผลให้ GROUND CLEARANCE หรือความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้น 15 มม.
RENAULT TWINGO E-TECH ELECTRIC
ผลงานใหม่อีกชิ้นหนึ่งที่ยักษ์ใหญ่เมืองน้ำหอมนำออกแสดงแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ คือ RENAULT TWINGO E-TECH ELECTRIC (เรอโนลต์ ทวิงโก อี-เทค อีเลคทริค) ซึ่งไม่ใช่รถแนวคิดหรือรถใหม่ที่กำลังจะออกตลาด หากแต่เป็น PROTOTYPE (พโรโทไทพ์) หรือต้นแบบของรถ RENAULT TWINGO รุ่นใหม่ (รุ่นที่ 4) ที่ต้องรอถึงปี 2026 จึงจะพบได้ในโชว์รูม พร้อมกับป้ายราคาค่าตัวที่จะต่ำกว่า 20,000 ยูโร (ประมาณ 740,000 บาทไทย) ซึ่งเป็นไปตามคำมั่นสัญญาของค่ายนี้ที่จะทำให้รถพลังงานไฟฟ้าเป็นรถเข้าถึงได้มากกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบค 4 ที่นั่ง ขนาดซูเพอร์มีนี มีจุดเด่นสะดุดตาอยู่หลายจุด ตัวอย่างเช่น (1) ดวงโคมไฟหน้ารูปวงกลมผ่าซีกที่ออกแบบอย่างเก๋ไก๋ และได้แรงบันดาลใจจากรถรุ่นแรกที่เริ่มผลิตเมื่อปี 1992 (2) ที่จับเปิดประตูซึ่งออกแบบเป็นรูปวงกลม (3) ช่องเจาะขนาดเล็ก 3 ช่อง บนด้านขวาของฝากระโปรง
RENAULT ESTAFETTE CONCEPT
รถแนวคิดอีกคันหนึ่งที่ยักษ์ใหญ่เมืองน้ำหอมนำออกอวดตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ คือ RENAULT ESTAFETTE CONCEPT (เรอโนลต์ แอสตาแฟตต์ คอนเซพท์) รถแบบใหม่ในชื่อเก่า (ค่ายนี้เคยผลิตรถตู้ชื่อนี้มาก่อนแล้วในช่วงปี 1959-1980) ไม่ใช่รถผลิตเพื่อจำหน่ายที่กำลังจะออกโชว์รูม แต่เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถตู้บรรทุกสินค้าขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ออกแบบสำหรับการใช้งานในเขตเมือง ตัวถังมีขนาดค่อนข้างใหญ่ คือ ยาว 4.87 ม. กว้าง 1.92 ม. และสูงถึง 2.59 ม. แต่มีวงเลี้ยวขนาดพอๆ กับรถเก๋งเล็กอย่างรถ RENAULT CLIO (เรอโนลต์ กลีโอ) คือ แค่ 10 ม. เศษ มีระบบประตูที่สะดวกมากในการใช้งาน คือ ประตูข้างทั้ง 2 ด้านเป็นประตูเลื่อนที่เปิด/ปิดได้ง่ายมาก และเบาแรง ไม่เกิดปัญหากับข้อมือของผู้ขับแม้เมื่อต้องเปิด/ปิดประตูวันละหลายสิบครั้ง ส่วนประตูบานท้ายเป็นประตูที่เปิด/ปิดโดยการหมุนรอบตัวเอง จึงไม่มีบานประตูที่เปิดยื่นออกจากตัวรถให้เกะกะ
ALPINE A390 BETA CONCEPT
ALPINE (อัลปีน) ผู้ผลิตรถสปอร์ท และรถแข่งที่อยู่ในสังกัดของ RENAULT GROUP (เรอโนลต์ กรุพ) นำผลงานใหม่ออกแสดงแบบ “ครั้งแรกในโลก” ถึง 3 คัน โดยคันแรกในภาพใหญ่ และภาพเล็กซ้ายมือ คือ ALPINE A390 BETA CONCEPT (อัลปีน อา 390 เบตา คอนเซพท์) เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นแม่แบบของรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ค่ายนี้จะเริ่มการผลิตในปี 2025 ติดตั้งระบบขับเคลื่อนทุกล้อซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้ารวม 3 ชุด คือ 1 ชุด ขับล้อคู่หน้าซึ่งมีขนาด 22 นิ้ว และ 2 ชุด ขับล้อคู่หลังซึ่งมีขนาด 23 นิ้ว ตัวถังมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายที่พบไม่ได้ในรถทั่วๆ ไป เช่น (1) ไม่มีกุญแจสตาร์ท แต่เริ่มการทำงานของรถโดยการวางประดิษฐกรรมใหม่ที่เรียกว่า ICE CRYSTAL ไว้ตรงกึ่งกลางพวงมาลัย (2) ที่นั่งขับติดตั้งระบบไฮดรอลิค ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนจากที่นั่งปกติ เป็นที่นั่งแบบรถแข่งฟอร์มูลา วัน (3) พื้นรถติดไฟส่องแสงจากหน้าไปหลัง ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนรถกำลังวิ่งลอยตัวจากพื้นถนน
ALPINE A110 R ULTIME
รถใหม่อีกคันหนึ่งของค่าย ALPINE ที่ปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ คือ รถแรง และเร็วติดป้ายชื่อ ALPINE A110 R ULTIME (อัลปีน อา 110 แอร์ อึลตีม) ในภาพเล็กขวามือ เป็น PRODUCTION CAR (พโรดัคชันคาร์) หรือรถผลิตเพื่อจำหน่าย ที่จะจำกัดจำนวนผลิตไว้เพียง 110 คันตามชื่อรถ และตั้งราคาค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ระดับ 265,000 ยูโร (ประมาณ 9.0 ล้านบาทไทย) คือ แพงกว่ารถแบบใดๆ ของ RENAULT GROUP (เรอโนลต์ กรุพ) และเป็นรถผลิตในฝรั่งเศสที่แพงเป็นอันดับ 2 รองจากรถ BUGATTI CHIRON (บูกัตตี ชีรน) ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 254 กิโลวัตต์/345 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 420 นิวทันเมตร/42.9 กก.ม. ติดตั้งล้อหน้าขนาด 18 นิ้ว และล้อหลังขนาด 19 นิ้ว อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้โดยใช้เวลาเพียง 3.8 วินาที รถที่แสดงในงานมีตัวถังสีน้ำเงิน LA BLEUE ซึ่งจะจำกัดจำนวนไว้เพียง 15 คัน
MOBILIZE DUO
MOBILIZE (โมบิไลซ์) รถยี่ห้อใหม่ของ RENAULT GROUP ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัวรถใหม่ 2 แบบ ซึ่งแบบแรก คือ MOBILIZE DUO (โมบิไลซ์ ดูโอ) ที่กำลังอวดตัวอยู่นี้ เป็น QUADRICYCLE (ควอดริไซเคิล) หรือจักรยานยนต์ 4 ล้อ ที่เป็นตัวตายตัวแทนของรถ RENAULT TWIZZY (เรอโนลต์ ทวิซซี) ซึ่งเริ่มการผลิตเมื่อปี 2011 และขณะนี้เลิกผลิตไปแล้ว ตัวถังยาว 2.43 ม. และกว้าง 1.30 ม. มีประตูข้างที่เปิด/ปิดเหมือนรถสปอร์ทของ LAMBORGHINI (ลัมโบร์กินี) และมีห้องโดยสารที่ออกแบบให้นั่งได้เพียง 2 คน (นั่งเรียงกันหน้า/หลัง) แต่ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เหมือนเป็นรถเก๋ง เช่น มีเครื่องปรับอากาศ มีถุงลมนิรภัย และมีเก้าอี้ที่นั่งติดตั้งเครื่องทำความร้อน จะมีรถให้เลือก 3 โมเดล คือ DUO 45 NEO-DUO 80 EV-DUO 80 PRO รถโมเดลแรกซึ่งค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม เริ่มต้นที่ 9,090 ยูโร วิ่งเร็วไม่เกิน 45 กม./ชม. และในกลุ่มประเทศ EU ขับได้โดยไม่ต้องมีใบขับขี่ ส่วน 2 โมเดลหลังวิ่งได้เร็ว 80 กม./ชม.
MOBILIZE BENTO
อีกแบบหนึ่งของรถยี่ห้อใหม่ซึ่งใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” คือ MOBILIZE BENTO (โมบิไลซ์ เบนโท) ที่พัฒนาต่อกิ่งต่อยอดจากรถ MOBILIZE DUO (โมบิไลซ์ ดูโอ) โดยปรับเปลี่ยนห้องโดยสาร จากนั่งได้ 2 คน เป็นนั่งได้เพียง 1 คน แต่มีส่วนท้ายสำหรับการบรรทุกของซึ่งจุถึง 649 ลิตร การเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ทำให้ตัวถังยาวขึ้น 11 ซม. คือ จาก 2.43 เป็น 2.54 ม. มีรถโมเดลเดียว คือ BENTO 80 ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 15 กิโลวัตต์/21 แรงม้า และแบทเตอรี LITHIUM-ION NMC ขนาดความจุ 10.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟเต็มแต่ละครั้งจะวิ่งได้ไกล 149 กม. และสามารถทำความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม. ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายรายการ เช่น (1) KEYLESS ENTRY หรือระบบเปิดรถโดยไม่ใช้กุญแจ (2) ที่ยึดโทรศัพท์ (3) กระจกหน้าติดเครื่องทำความร้อน ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม เริ่มต้นที่ 10,000 ยูโร (ประมาณ 370,000 บาทไทย)
DACIA BIGSTER
DACIA (ดาเซีย) ผู้ผลิตรถยนต์อีกรายหนึ่งที่รวมอยู่ในกลุ่ม RENAULT GROUP ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว DACIA BIGSTER (ดาเซีย บิกสเตอร์) รถผลิตเพื่อจำหน่ายค่าตัวแพงที่สุดของค่ายนี้ คือ คาดว่าจะเริ่มต้นที่ระดับ 35,000 ยูโร หรือประมาณ 1.2 ล้านบาทไทย เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขับเคลื่อนทุกล้อ ในตัวถังขนาด 4.57x1.81x1.71 ม. ที่ดูบึกบึน ทนทาน ไปไหนไปกัน ขุมพลังขับเคลื่อนมีให้เลือกหลายแบบ คือ มีทั้งระบบขับไฮบริดชนิดไม่ต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง 79 กิโลวัตต์/107 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 37 กิโลวัตต์/50 แรงม้า ได้กำลังสูงสุด 114 กิโลวัตต์/155 แรงม้า ระบบขับซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 3 สูบเรียง 1.2 ลิตร ทำงานร่วมกันกับระบบ MILD HYBRID หรือไฮบริดแบบอ่อน และระบบขับด้วยเชื้อเพลิงเบนซิน หรือแกส LPG ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 3 สูบเรียง 1.2 ลิตร ทำงานร่วมกันกับระบบ MILD HYBRID
FORD CAPRI
ค่าย “วงรีสีฟ้า” ดึงดูดความสนใจของผู้คนด้วย FORD CAPRI (ฟอร์ด กาปรี) รถแบบใหม่ในชื่อเก่า ผลงานจากความร่วมมือกับค่าย VOLKSWAGEN (โฟล์คสวาเกน) ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 และเพิ่งออกงานเป็นครั้งแรก เป็น COMPACT CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัด ในตัวถังขนาด 4.634x1.872x1.626 ม. ที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่พื้นรถจรดหลังคา เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งมีทั้งรถขับเคลื่อนล้อหลัง รถขับเคลื่อนทุกล้อ และมีขุมพลังขับเคลื่อนให้เลือก 2 แบบ คือ แบบใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 210 กิโลวัตต์/286 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรี LITHIUM-ION NMC ขนาด 77 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน WLTP จะวิ่งได้ไกล 572-627 กม. กับแบบใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด กำลังรวม 250 กิโลวัตต์/340 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีขนาด 79 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งได้ไกล 534-592 กม.
TESLA CYBERTRUCK
TESLA (เทสลา) แห่งสหรัฐอเมริกาที่หากินหลายทาง และเสียตำแหน่งผู้นำด้านการขายรถพลังไฟฟ้าให้แก่ค่ายจีนไปแล้ว ดึงดูดความสนใจของผู้ชมงานด้วย TESLA CYBERTRUCK (เทสลา ไซเบอร์ทรัค) รถพิคอัพซึ่งไม่เหมือนรถคันใด และไม่มีรถคันใดเหมือน เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ในตัวถังขนาด 5.682x2.200 (รวมกระจกมองข้างขณะพับ)x1.791 ม. ที่รูปทรงองค์เอวเหมือนเอาแผ่นเหล็กกล้าปลอดสนิมหลายแผ่นมาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน และแทบไม่มีส่วนใดเลยที่เป็นเส้นโค้ง เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อสุดไฮเทค ที่มีขุมพลังขับเคลื่อนให้เลือกใช้ 2 แบบ คือ (1) ขับเคลื่อนทุกล้อด้วยพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด และแบทเตอรี LITHIUM-ION สามารถทำความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. กับวิ่งได้ไกล 546 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน EPA (2) ขับเคลื่อนทุกล้อด้วยพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ชุด และแบทเตอรี LITHIUM-ION สามารถทำความเร็วสูงสุด 209 กม./ชม. และวิ่งได้ไกล 483 กม.
AUDI Q6 SPORTBACK E-TRON
เรียกความสนใจจากสื่อมวลชนได้มาก และไม่น้อยหน้ารถสายพันธุ์เยอรมันคันใดที่ปรากฏตัวให้เห็นในงานนี้ คือ AUDI Q6 SPORTBACK E-TRON (เอาดี คิว 6 สปอร์ทแบค อี-ทรอน) ในภาพใหญ่ และภาพเล็กซ้ายมือ เป็นผลงานใหม่ล่าสุดของค่าย “สี่ห่วง” ซึ่งใช้งานนี้เป็นที่อวดตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” เป็น COMPACT LUXURY CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ระดับหรูขนาดเล็กกะทัดรัด ในตัวถังขนาด 4.771x1.965x1.665 ม. ที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.26 และส่วนท้ายมีรูปลักษณ์เหมือนรถเก๋งคูเป จะมีทั้งรถขับเคลื่อนล้อหลัง รถขับเคลื่อนทุกล้อ และมีแบทเตอรีให้เลือก 2 ขนาด รถโมเดลหัวกะทิ คือ AUDI SQ6 SPORTBACK E-TRON ติดตั้งระบบขับเคลื่อนทุกล้อซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ให้กำลังรวม 360 กิโลวัตต์/489 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีขนาด 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง เดินทางได้ไกลถึง 656 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม
SKODA ELROQ
ดึงดูดความสนใจจากสื่อมวลชนได้มากเช่นกัน คือ SKODA ELROQ (สโกดา เอลรค) ผลงานใหม่ของผู้ผลิตรถยนต์แห่งสาธารณรัฐเชคที่เพิ่งเปิดตัวในบ้านเกิดเมื่อวันอังคารที่ 1 ตุลาคม 2024 และออกงานเป็นครั้งแรกที่งานนี้ เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัดขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ในตัวถังขนาด 4.488x1.884x1.625 ม. ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.261-0.280 ที่ผู้ผลิตบอกว่า เมื่อเริ่มการจำหน่ายในไตรมาสแรกของปี 2025 จะมีราคาค่าตัวย่อมเยากว่ารถทุกแบบ ทุกรุ่นในระดับเดียวกัน คือ จะเริ่มต้นที่ระดับ 33,000 ยูโร หรือประมาณ 1.2 ล้านบาทไทยเท่านั้น เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังที่จะมีมอเตอร์ไฟฟ้า และแบทเตอรีให้เลือกใช้ 3 ขนาด คือ (1) 125 กิโลวัตต์/170 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรี 55 กิโลวัตต์ชั่วโมง (2) 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรี 63 กิโลวัตต์ชั่วโมง (3) 210 กิโลวัตต์/286 แรงม้า ทำงานร่วมกับแบทเตอรี 82 กิโลวัตต์ชั่วโมง
VOLKSWAGEN TAYRON
เปิดตัวผ่านสื่อต่างๆ เมื่อวันพุธที่ 9 ตุลาคม 2024 และเพิ่งออกงานเป็นครั้งแรกที่งานนี้ คือ VOLKSWAGEN TAYRON (โฟล์คสวาเกน ไทย์รน) รถอนุกรมใหม่ของยักษ์ใหญ่เมืองเบียร์ เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกลาง ในตัวถังขนาด 4.792x1.853x1.668 ม. ที่มีทั้งแบบติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 2 แถว นั่งได้รวม 5 คน (2+3) และแบบติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว นั่งได้รวม 7 คน (2+3+2) ส่วนขุมพลังขับเคลื่อนจะมีให้เลือกถึง 4 แบบ คือ (1) ด้วยพลังของเครื่องยนต์เบนซิน (2) ด้วยพลังของเครื่องยนต์ดีเซล (3) ด้วยพลังของเครื่องยนต์เบนซินพร้อมระบบ MILD HYBRID หรือไฮบริดแบบอ่อน (4) ด้วยระบบ PLUG-IN HYBRID หรือไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ในเยอรมนี รถโมเดลเริ่มต้น VOLKSWAGEN TAYRON 110KW ETSI ซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 1.5 ลิตร 110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า พร้อมระบบ MILD HYBRID ค่าตัวเริ่มต้นที่ 45,475 ยูโร หรือประมาณ 1.7 ล้านบาทไทย
ALFA ROMEO JUNIOR IBRIDA
ค่าย ALFA ROMEO (อัลฟา โรเมโอ) ซึ่งหายหน้าหายตาจากงานนี้ไปนาน กลับมาเยือนงานแสดงรถยนต์ในกรุงปารีสอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับผลงานที่น่าสนใจหลายชิ้น ชิ้นแรกที่เลือกมาให้ชื่นชมกัน คือ ALFA ROMEO JUNIOR (อัลฟา โรเมโอ จูเนียร์) รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ระดับหรูขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัด ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนเมษายน ปีมังกรไฟ และเพิ่งเริ่มการจำหน่ายในเมืองมะกะโรนีได้ไม่นาน คันที่เห็นในภาพเป็นรถโมเดลใหม่ซึ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ พร้อมกับป้ายชื่อ ALFA ROMEO JUNIOR IBRIDA (อัลฟา โรเมโอ อีบริดา) เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยพลังของเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 4 สูบเรียง 1.2 ลิตร 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า ซึ่งทำงานร่วมกันกับระบบ MILD HYBRID หรือไฮบริดแบบอ่อน 48 โวลท์ 21 กิโลวัตต์/29 แรงม้า และส่งกำลังสู่ล้อผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 จังหวะ ค่าตัวในฝรั่งเศสเริ่มต้นที่ 28,700 ยูโร หรือประมาณ 1.1 ล้านบาทไทย
ALFA ROMEO 33 STRADALE
แม้ว่าเปิดตัวมานานตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 และอวดตัวตามงานรถยนต์รายการสำคัญมาแล้วทั่วโลก แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตา ทำให้รถสปอร์ทประตูปีกผีเสื้อติดป้ายชื่อ ALFA ROMEO 33 STRADALE (อัลฟา โรเมโอ 33 สตราดาเล) ยังดึงดูดความสนใจได้มากเมื่อฉายซ้ำอีกครั้งที่งานนี้ เป็นรถอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า CUSTOM-BUILT CAR คือ เป็นรถที่ผลิตตามที่ผู้ซื้อต้องการ ซึ่งจะจำกัดจำนวนผลิตไว้เพียง 33 คันตามชื่อรถ และเริ่มการผลิตไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน 2024 เป็นรถวางเครื่องกลางลำขับเคลื่อนล้อหลัง ที่พัฒนาจากรถร่วมค่ายร่วมเครือ คือ MASERATI MC20 (มาเซราตี เอมซี 20) มีขนาดตัวถัง 4.637x1.966x1.226 ม. และมีระบบขับให้เลือก 2 แบบ คือ ขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ชุด และให้กำลังสูงสุด 559 กิโลวัตต์/750 แรงม้า กับขับด้วยพลังของเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดตรง วี 6 สูบ 30 องศา 3,000 ซีซี 507 กิโลวัตต์/690 แรงม้า
BMW VISION NEUE KLASSE X
ยอดผู้ผลิตรถหรูของเมืองเบียร์นำรถแนวคิดไปแสดงที่งานนี้ 2 คัน คือ BMW VISION NEUE KLASSE (บีเอมดับเบิลยู วิชัน นิว คลาสส์) กับ BMW VISION NEUE KLASSE X (บีเอมดับเบิลยู วิชัน นิว คลาสส์ เอกซ์) คันแรกเห็นกันมานานตั้งแต่งาน IAA MOBILITY ที่นครมิวนิค เมื่อเดือนกันยายน 2023 ส่วนคันหลังเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2024 แต่ทีมงานของเราเพิ่งมีโอกาสสัมผัสเป็นครั้งแรกที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัด และเป็นแม่แบบของรถผลิตเพื่อจำหน่าย ซึ่งมีกำหนดออกโชว์รูมในปี 2025 พร้อมกับป้ายชื่อ BMW IX3 (บีเอมดับเบิลยู ไอเอกซ์ 3) โดยใช้โรงงานในฮังการีเป็นที่ผลิต ตัวถังทรง 2 กล่อง ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ BMW IX3 รุ่นปัจจุบัน (4.734x1.891x1.668 ม.) มีจุดโดดเด่นสะดุดตาอยู่หลายจุด โดยเฉพาะไตคู่ที่ดูเรียวบาง ซึ่งออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากรถเก่ายุคปี 1960
MINI JOHN COOPER WORKS ELECTRIC
ค่าย MINI (มีนี) มีรถที่ปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ 2 คัน โดยคันแรกที่เห็นในภาพล่างซ้ายมือ คือ MINI JOHN COOPER WORKS ELECTRIC (มีนี จอห์น คูเพอร์ เวิร์คส์ อีเลคทริค) เป็นโมเดลใหม่ล่าสุด และโมเดลหัวกะทิของรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ MINI COOPER ELECTRIC (มีนี คูเพอร์ อีเลคทริค) ที่เริ่มจำหน่ายในหลายประเทศของยุโรปเมื่อต้นปี 2024 รถโมเดลใหม่นี้ติดตั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 190 กิโลวัตต์/258 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรี LITHIUM-ION ขนาดความจุรวม 54.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. กรณีชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน WLTP จะเดินทางได้ไกล 371 กม. ในระยะแรกค่าย MINI จะผลิตรถโมเดลนี้ในสาธารณรัฐประชาชนจีนเหมือนรถโมเดลอื่นๆ ซึ่งมีอยู่ 2 โมเดล และคาดหมายว่า จะเริ่มการผลิตในอังกฤษได้ในปี 2026
MINI JOHN COOPER WORKS ACEMAN
รถในภาพล่างขวามือ คือ MINI JOHN COOPER WORKS ACEMAN (มีนี จอห์น คูเพอร์ เวิร์คส์ เอศแมน) เป็นผลงานอีกชิ้นหนึ่งของค่าย MINI ซึ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ เป็นโมเดลใหม่ล่าสุด และโมเดลหัวกะทิของรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ MINI ACEMAN (มีนี เอศแมน) ซึ่งเปิดตัวที่งาน 2024 AUTO CHINA ณ กรุงปักกิ่ง เมื่อเดือนเมษายน รถโมเดลใหม่นี้ติดตั้งขุมพลังขับเคลื่อนชุดเดียวกันกับรถในภาพซ้ายมือ คือ ระบบขับล้อหน้าซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 190 กิโลวัตต์/258 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรี LITHIUM-ION ขนาดความจุรวม 54.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. และวิ่งได้ไกล 355 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม ในอังกฤษเริ่มเปิดรับการสั่งจองแล้ว ค่าตัวเริ่มต้นที่ 40,220 ปอนด์ หรือประมาณ 1.77 ล้านบาทไทย แต่ต้องรอกันนานหน่อย เพราะจะเริ่มการส่งมอบรถในเดือนเมษายนปีหน้า เป็นรถผลิตในจีนเช่นกัน
KIA PV5 CONCEPT
ในบูธของค่าย KIA (เกีย) ผู้ผลิตรถยนต์จากเมืองโสมเพียงรายเดียวในงานนี้ มีรถใหม่ปรากฏตัวให้เห็นหลายคัน ทั้งรถแนวคิด และรถผลิตเพื่อจำหน่าย คันที่ดูสะดุดตา และเรียกความสนใจจากผู้คนได้มากที่สุด แม้ไม่ได้เป็นการปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” คือ KIA PV5 CONCEPT (เกีย พีวี 5 คอนเซพท์) คันที่เห็นในภาพใหญ่ และภาพเล็กซ้ายมือ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของ PASSENGER VAN หรือรถตู้บรรทุกคน และเป็นแม่แบบของรถผลิตเพื่อจำหน่ายที่ค่ายนี้ตั้งใจจะนำออกสู่โชว์รูมในฤดูร้อนของปี 2025 (ประมาณไตรมาส 3) เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ผู้ผลิตรถยนต์เมืองโสมยืนยันว่า ผู้ใช้จะไร้ปัญหาเรื่องการชาร์จไฟแบทเตอรี เพราะการชาร์จไฟ 10-80 % แบบเร่งด่วน ด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ณ สถานีจ่ายไฟ ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที แถมบอกด้วยว่า ขณะนี้มีจุดชาร์จไฟอยู่มากกว่า 780,000 จุด ใน 28 ประเทศของยุโรป และรถแบบนี้จะประกันการใช้งานถึง 7 ปี หรือ 150,000 กม.
KIA EV3 ELECTRIC
รถผลิตเพื่อจำหน่ายของค่าย KIA (เกีย) มีอยู่หลายรุ่นหลายคัน คันที่น่าสนใจที่สุด และเป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ รุ่นใหม่ล่าสุด คือ KIA EV3 (เกีย อีวี 3) ที่เห็นในภาพเล็กขวามือ เป็น ELECTRIC SUBCOMPACT CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัด ที่เพิ่งเริ่มการจำหน่ายในเมืองโสมขาวเมื่อเดือนกรกฎาคม ปีมังกรไฟนี่เอง ตัวถังขนาด 4.300x1.850x1.560 ม. ที่มีจุดดึงดูดสายตาอยู่หลายจุด เช่น ดวงโคมไฟหน้า แถบสีเข้มที่พาดยาวทั้ง 2 ข้างของลำตัว ฯลฯ ติดตั้งระบบขับด้วยล้อหน้าที่มีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบ STANDARD RANGE ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรี LITHIUM-ION ขนาด 58.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะเดินทาง 350 กม. กับแบบ LONG RANGE ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรี LITHIUM-ION ขนาด 81.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะเดินทาง 500 กม.
SKYWORTH Y CONCEPT
SKYWORTH AUTO (สกายเวิร์ธ ออโท) บริษัทผู้ผลิตรถพลังไฟฟ้าของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งก่อตั้งกิจการเมื่อปี 2017 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมือง NANJING (หนานจิง) จังหวัด JIANGSU (เจียงซู) ซึ่งอยู่ริมฝั่งทะเลในภาคตะวันออก เรียกความสนใจจากสื่อมวลชนด้วยรถผลิตเพื่อจำหน่ายหลายแบบ แต่รถที่ดึงดูดสายตาได้มากที่สุดกลับกลายเป็นรถแนวคิดติดป้ายชื่อ SKYWORTH Y CONCEPT (สกายเวิร์ธ วาย คอนเซพท์) ที่เห็นในภาพใหญ่ และภาพเล็กซ้ายมือ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเก๋งซีดานขนาดใหญ่ มีประตูข้างบานโตที่เปิดแยกจากกันโดยไม่มีเสาค้ำยันกลางเหมือนประตูตู้กับข้าว กับมีห้องโดยสารติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 4 ตัว ที่ดูแล้วน่าจะนั่งยืดแข้งยืดขาได้สบายเหมือนนั่งในเลาน์จ์หรูๆ รายละเอียดทางเทคนิคนั้นพยายามค้นหาแต่หายังไงก็หาไม่เจอ ก็คงเป็นไปตามสไตล์ของผู้ผลิตรถยนต์สายเลือดมังกร ที่ชอบทำรถแปลกๆ ให้ดู แต่ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลสำคัญๆ ที่ผู้คนอยากรู้
XPENG P7+
ปิดรายงานมหกรรมยานยนต์ปารีส ครั้งที่ 90 ด้วย XPENG P7+ (เสี่ยวเผิง พี 7 พลัส) ผลงานใหม่ของ GUANGZHOU XIAOPENG MOTORS TECHNOLOGY COMPANY LIMITED หรือที่เรียกกันอย่างย่อๆ ว่า XPENG MOTOR (เสี่ยวเผิง มอเตอร์) บริษัทรถยนต์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งขณะนี้เข้ามาปักหลักในแดนดินถิ่นสยามเรียบร้อยแล้ว เป็นรถเก๋งซีดานหน้าตาดี และรูปทรงปราดเปรียวที่ผู้ผลิตประกาศว่า เป็น THE WORLD FIRST AI-DEFINED VEHICLE หรือรถแบบแรกของโลกที่กำหนดคุณสมบัติต่างๆ โดยปัญญาเทียม หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า ARTIFICIAL INTELLIGENCE (อาร์ทิฟิเชียล อินเทลลิเจนศ์) หรือ AI จึงน่าจะกล่าวได้ว่า ทั้งโครงฐาน ระบบรองรับ ระบบพลัง ระบบขับ รายละเอียดในห้องโดยสาร ฯลฯ ไม่ได้กำหนด และออกแบบโดยคน แต่ได้จากการรวบรวมข้อมูล การศึกษา การประมวลผล ฯลฯ โดยอะไรก็ไม่รู้ ที่ไม่ใช่คนแน่นอน !!!