สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
อเลกซ์ เป่า จ้วงเฟย ประธานฝ่ายภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบริษัท ซีเคอาร์ อินเทลลิเจนท์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด
ตลาดรถไฟฟ้าเมืองไทยกำลังแข่งขันกันดุเดือด และ ZEEKR (ซีเคอร์) ก็เป็นหนึ่งในบแรนด์รถไฟฟ้าที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเน้นที่ตลาดระดับพรีเมียม “ฟอร์มูลา” สัมภาษณ์พิเศษ อเลกซ์ เป่า จ้วงเฟย ประธานฝ่ายภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบริษัท ซีเคอาร์ อินเทลลิเจนท์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด
ฟอร์มูลา : คุณมองอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยเป็นอย่างไร ?
อเลกซ์ : อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดขายรวมเติบโตลดลง โดยเฉพาะตลาด MASS MARKET ที่มีสงครามราคากันอย่างรุนแรง ทำให้การซื้อชะลอตัว แต่สำหรับรถยนต์พรีเมียมยังพอมีศักยภาพ เพราะราคาไม่ใช่ปัจจัยหลัก
ยอดขายโดยรวมของปีนี้น่าจะอยู่ราวๆ 700,000 คัน สัดส่วนของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100 % หรือรถ EV จะมีส่วนแบ่งเท่ากับปีก่อน คือ 10 % หรือมียอดขาย 70,000-80,000 คันเท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาวะตลาดที่ถดถอย เศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ตลาด EV เอง ก็มีผู้เล่นเข้ามากินส่วนแบ่งในตลาดเพิ่มมากขึ้น จากก่อนหน้านี้มีเพียง 4-5 ยี่ห้อ ปัจจุบันเพิ่มเป็น 10 ยี่ห้อ ทำให้มีการแข่งขันเพิ่มขึ้น
ฟอร์มูลา : นโยบาย และทิศทางการตลาดของ ZEEKR ในประเทศไทย ?
อเลกซ์ : ZEEKR เป็นเจ้าแรกที่ทำตลาดรถไฟฟ้าพรีเมียม เพราะ ZEEKR เป็นบแรนด์ที่มีความเหนือ และแตกต่าง โดดเด่นทั้งการออกแบบ เทคโนโลยี รวมถึงความปลอดภัยต่างๆ
ZEEKR ถือกำเนิดตั้งแต่ พศ. 2564 มีสำนักงานอยู่ในเมืองหนิงปัว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน เป็นบแรนด์รถยนต์ในเครือ GEELY HOLDING GROUP ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนรายใหญ่ ส่งขายทั่วโลกกว่า 2.79 ล้านคัน โดยเกือบ 1 ล้านคัน เป็นรถไฟฟ้า และพลัก-อิน ไฮบริด มีพนักงานกว่า 130,000 คน
ชื่อ ZEEKR แต่ะละตัวอักษรล้วนมีความหมาย โดย ZE คือ ZERO (ศูนย์) เป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นไปได้โดยไม่มีที่สิ้นสุด E ตัวถัดมา คือ EVOLVING THE ELECTRIC ERA (วิวัฒนาการไปสู่ยุคแห่งระบบไฟฟ้า) และ KR คือ KRYPTON ซึ่งเป็นแกสหายากที่จะเปล่งแสงออกมาได้เมื่อโดนไฟฟ้า
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย บริษัทฯ วางตำแหน่งของบแรนด์ และสินค้าให้เป็นรถ EV ระดับพรีเมียม ที่แตกต่างจากบแรนด์รถ EV จีนที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยใช้จุดเด่น เทคโนโลยี นวัตกรรมที่ดีที่สุดจากบแรนด์ในเครือของ GEELY สำหรับการออกแบบ และพัฒนารถยนต์ของ ZEEKR โดยเฉพาะพแลทฟอร์ม ระบบความปลอดภัย และ ดีไซจ์นจากรถยุโรป มาผสานกับเทคโนโลยีอัจฉริยะของจีน ที่ผ่านมาเปิดตัวไปแล้ว 2 รุ่น คือ
ZEEKR X (ซีเคอร์ เอกซ์) เป็นรถเอสยูวีหรูหราขนาดกะทัดรัดที่สร้างขึ้นมาเพื่อไลฟ์สไตล์คนเมืองในปัจจุบัน เป็นรถคู่ใจที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักผจญภัย และครอบครัวที่กำลังมองหาการเดินทางเพื่อสำรวจสถานที่ใหม่ๆ ด้วยสมรรถนะอันทรงพลัง ZEEKR ได้ผสมผสานการควบคุมการขับขี่ขั้นสุดยอด กับนวัตกรรมขับเคลื่อนแห่งโลกอนาคต แบทเตอรีลิเธียม-ไอออนขนาด 67 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะทางวิ่งสูงสุด 540 กม./การชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC โดดเด่นด้วยระบบสลับโหมดการขับเคลื่อนอัจฉริยะ (LIGHTNING SWITCH AWD SYSTEM) ระหว่าง 2 ล้อ และ 4 ล้อได้ภายในเสี้ยววินาที ปลอดภัยขั้นสุดด้วยผลการทดสอบความปลอดภัยระดับ 5 ดาว ตามมาตรฐาน EURO NCAP
และ ZEEKR 009 (ซีเคอร์ 009) เอมพีวีที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100 % ที่จะปฏิวัติแนวคิดของการเดินทางยุคใหม่ที่สร้างความสุขให้แก่ผู้ใช้งาน ภายใต้แนวคิด "EVERY JOURMEY SHINES" ซึ่ง ZEEKR 009 จะสร้างประสบการณ์ที่ดี มีความหมาย และเต็มไปด้วยความสุข ผ่านความเป็นสุดยอดของ ZEEKR 009 ได้แก่ "ULTIMATE LUXURY ความหรูหราระดับเฟิร์สต์คลาสส์, ULTIMATE INTELLIGENCE นวัตกรรมอัจฉริยะ, ULTIMATE PERFORMANCE สมรรถนะที่เหนือชั้น และ ULTIMATE SAFETY ความปลอดภัยขั้นสูงสุด อีกทั้ง ZEEKR 009 ยังให้ความสำคัญกับคนขับ และผู้โดยสารทุกที่นั่ง ให้ความสบาย และความปลอดภัยสูงสุดทุกที่นั่ง ด้วยแนวคิด "EVERY SEAT MATTERS" ที่แตกต่างจากเอมพีวีทั่วไปในตลาด รวมถึงนโยบายของ ZEEKR จะไม่ร่วมในสงครามราคาอย่างแน่นอน
ส่วนแผนการส่งสินค้ารุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดประเทศไทย บริษัทฯ ได้กำหนดนโยบายว่า จะต้องมีการเปิดตัว หรือส่งรถยนต์รุ่นใหม่ทำตลาด อย่างน้อยปีละ 1 รุ่น ซึ่งจะกระจายให้ครอบคลุมทุกเซกเมนท์ ที่เตรียมไว้เร็วๆ นี้น่าจะเป็นเอสยูวี และรถตู้ โดยควบคู่ไปกับการเดินหน้าพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย
ฟอร์มูลา : การขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายวางแผนไว้อย่างไร ?
อเลกซ์ : บริษัทมีแผนจะขยายเครือข่ายการจัดจำหน่าย ให้กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ โดยเครือข่ายผู้จำหน่ายจะออกมาเป็น ZEEKR HOUSE ของประเทศไทย เบื้องต้น 15-20 แห่งในปีนี้ แบ่งเป็นกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดในสัดส่วนใกล้เคียงกัน โดยต่างจังหวัดคาดว่าจะมีที่หัวเมืองใหญ่ เช่น พัทยา ขอนแก่น เชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่
สำหรับ ZEEKR HOUSE เป็นการออกแบบที่ถ่ายทอดดีเอนเอของบแรนด์ ตามแนวคิดอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คุมสี และวัสดุหลักในโทนอบอุ่น
ฟอร์มูลา : คุณวางเป้าหมายความสำเร็จไว้อย่างไร ?
อเลกซ์ : เป้าหมายการทำตลาดในประเทศไทย ปีแรก (ถึงสิ้นปี 2567) ตั้งเป้าว่าจะมียอดขาย 2,000 คัน จากรถยนต์ 2 โมเดลหลัก คือ รถคอมแพคท์เอสยูวีไฟฟ้า 100 % ZEEKR X ที่เปิดตัว และเริ่มส่งมอบไปแล้วก่อนหน้านี้ และรถเอมพีวีไฟฟ้า 100 % ZEEKR 009 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือน กันยายน 2567 โดยในปีหน้า ZEEKR คาดว่าจะแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่เพิ่มขึ้น ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 10,000 คัน ซึ่งคาดว่าจะประสบความสำเร็จ เพราะ ZEEKR เป็นบแรนด์เข้าถึงง่าย และมีศักยภาพที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดี
ฟอร์มูลา : คุณมองว่าการแข่งขันจะเป็นอย่างไร ?
อเลกซ์ : การแข่งขันของรถยนต์ไฟฟ้าทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมมีแค่ 4 บแรนด์ แต่ปัจจุบันมีบแรนด์ใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 บแรนด์ ทำให้เกิดการแข่งขันเรื่องราคา แต่สงครามราคาจะไม่ยั่งยืน ส่วนผู้บริโภคจะได้ผลประโยชน์ มีทางเลือกหลากหลาย ราคารถไฟฟ้าถูกกว่ารถสันดาป แต่ในระยะยาวไม่ได้เป็นแบบนี้ เพราะสงครามราคาจะต้องหมดไป ส่วน ZEEKR ไม่แข่งขันเรื่องราคา เราวางกลยุทธ์ และทิศทางเป็นสินค้าพรีเมียม คู่แข่งโดยตรงจะเป็นรถพรีเมียมในกลุ่มรถยุโรป เพราะ ZEEKR มีการดีไซจ์น เทคโนโลยี ความปลอดภัยเทียบเท่ายุโรป แบทเตอรีเป็นของจีน เมื่อนำข้อดีมารวมกันแล้ว ZEEKR พร้อมสำหรับการแข่งขัน ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ดีเยี่ยม และการบริการหลังการขายที่พร้อมสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าในระดับพรีเมียม รวมถึงเราพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของตลาด และลูกค้า เพื่อปรับตัวให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ฟอร์มูลา : แผนการลงทุนในประเทศไทย ?
อเลกซ์ : ZEEKR อยู่ภายใต้การดูแลของ GEELY HOLDING GROUP บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของประเทศจีน มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก ความหรูหราที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงความแข็งแรงจากนวัตกรรมการผลิตขั้นสูง เทคโนโลยี GIGA-PRESS สามารถช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตเป็นหลัก โดยการลงทุนสำหรับเรื่องการผลิตนั้นอยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งความเป็นไปได้ในอนาคตอาจจะรวมกันหลายบแรนด์ ที่ GEELY เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เพราะการผลิตนั้นจะต้องดูความพร้อมของตลาด การลงทุนจะต้องมียอดขายไม่ต่ำกว่า 30,000 คัน/ปี
อย่างไรก็ตาม รถไฟฟ้าในประเทศไทยปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 70,000 คัน ส่วนปีหน้าการเติบโตทางเศรษฐกิจคาดเดาได้ยาก มีทั้งปัจจัยบวก และลบ โดยปัจจัยบวกอยู่ที่เรื่องอินฟราสตรัคเจอร์ที่เติบโตเร็ว ขณะนี้มีสถานีชาร์จอยู่กว่า 4,000 จุด ส่วนปัจจัยลบหนีไม่พ้นเรื่องหนี้ครัวเรือน แต่โอกาสเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าน่าจะอยู่ที่รถคอมเมอร์เชียล รวมถึงมีรถประเภท ไฮบริด และพลัก-อิน ไฮบริด เข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น และคาดว่าจะมีรถ EREV (อีอาร์อีวี) เข้ามาในตลาดซึ่งการทำงานคล้าย PHEV (พีเอชอีวี) ที่เติมน้ำมัน วิ่งได้ 300-400 กม. และใช้แบทเตอรี วิ่งได้ 600-700 กม. รวมกันแล้วทำให้วิ่งได้ถึงมากกว่า 1,000 กม. ซึ่งในจีนเติบโตเร็วมาก และคาดว่าเมื่อมีมาทำตลาดในประเทศไทยก็จะได้รับการตอบรับมากเช่นกัน ซึ่งมีหลายบแรนด์ที่วางแผนจะนำเข้ามาจำหน่ายในไทย