สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด
เรนาสโซ มอเตอร์ฯ เน้นสร้างความแข็งแกร่งเรื่องบริการหลังการขาย โดยบริษัทฯ ได้ลงทุน 70 ล้านบาท เปิดบริการศูนย์ซ่อมสี และตัวถังรถ LAMBORGHINI และรถซูเพอร์คาร์ ภายใต้บแรนด์ RENAZZO BODY & PAINT
LAMBORGHINI (ลัมโบร์กินี) พร้อมรุกตลาดซูเพอร์คาร์ พัฒนาบริการครบวงจร “ฟอร์มูลา” สัมภาษณ์พิเศษ อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ LAMBORGHINI
ฟอร์มูลา : LAMBORGHINI วางนโยบาย และทิศทางการดำเนินธุรกิจไว้อย่างไร ?
อภิชาติ : LAMBORGHINI เป็นบแรนด์ที่มีรถรุ่นเดียวนานมาก สมัยนี้รถแต่ละรุ่นอยู่ในตลาด 4-6 ปี แต่สำหรับ LAMBORGHINI จะเห็นว่ารถแต่ละรุ่นมีวงจรชีวิตที่นานมาก ไม่ว่าจะเป็น LAMBORGHINI AVENTADOR (ลัมโบร์กินี อเวนตาโดร์) เปิดตัวตั้งแต่ปี 2011 LAMBORGHINI REVUELTO (ลัมโบร์กินี เรบูเอลโต) เปิดตัว 2023 LAMBORGHINI HURACAN (ลัมโบร์กินี อูรากัน) เปิดตัว 2014 LAMBORGHINI URUS (ลัมโบร์กินี อูรุส) เปิดตัว 2018 และ LAMBORGHINI TEMERARIO (ลัมโบร์กินี เตเมรารีโอ) ที่เพิ่งเปิดตัว และจะส่งมอบในปี 2026 ซึ่งเรื่องนี้เป็นนโยบายของบริษัทแม่ ทำให้บางปี บริษัทฯ ก็จะไม่มีสินค้าจำหน่าย ดังนั้น จึงต้องวางแผนบริหารจัดการให้ดี โดยในปีที่ไม่มีรถส่งมอบก็ต้องมีการวางแผนเรื่องการเงิน และการจัดกิจกรรมให้ลูกค้า ตัวอย่างเช่น ปีนี้ บริษัทฯ ต้องมีการวางแผนเพื่อเตรียมส่งมอบรถในปีหน้า
ฟอร์มูลา : ปีนี้ มียอดจองเท่าไร ที่พร้อมส่งปีหน้า รุ่นไหนที่ลูกค้าให้การตอบรับมากที่สุด ?
อภิชาติ : ตั้งเป้าไว้ที่ 60 คัน รุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็น URUS SE (อูรุส เอสอี) และ TEMERARIO เนื่องจากมีการปรับโครงสร้างภาษี ทำให้ราคาเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ฟอร์มูลา : โครงสร้างภาษีใหม่ส่งผลมากน้อยเพียงใดกับ LAMBORGHINI?
อภิชาติ : โครงสร้างภาษีใหม่ที่จะบังคับใช้ในปี 2569 เป็นนโยบายของภาครัฐที่ต้องการสนับสนุนรถพลัก-อินไฮบริด หรือแม้แต่รถยนต์ไฟฟ้า เดิมที่ รถซูเพอร์คาร์เครื่องยนต์ใหญ่ แรงม้าสูง จะต้องจ่ายภาษี 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นภาษีนำเข้าจาก EU ไม่ว่าจะเป็นบแรนด์ไหนจะต้องเสียภาษี 80 % ของราคานำเข้า อีกส่วนเป็นภาษีสรรพสามิต 40 % ของราคาขาย ตัวอย่าง รถนำเข้า 100 บาท เสียภาษีนำเข้า 80 บาท แต่ภาษีสรรพสามิตจะคำนวณจากราคาขาย ถ้าเราขาย 400 บาท จะต้องเสียภาษีสรรพามิต 160 บาท และเสียภาษีอากรอีก 10 % ดังนั้น จึงไม่ใช่แค่ 40 % แต่จะเป็น 44 % ถ้าเราขายรถ 400 บาท จะมีภาษีสรรพสามิต 160 อากรอีก 16 รวมเป็น 172 บวกกับภาษีนำเข้าอีก 80
ส่วนฐานภาษีใหม่สำหรับรถซูเพอร์คาร์ แบ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่า 3,000 ซีซี วิ่งได้มากกว่า 80 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง จะเสียภาษีสรรพสามิต 5 % และถ้าวิ่งได้น้อยกว่า 80 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง จะเสียภาษีสรรพสามิต 10 % จากเดิม 16 % ส่วนเครื่องยนต์ที่เกิน 4,000 ซีซี URUS SE และ TEMERARIO เดิมเสียภาษีสรรพสามิต 40 % อัตราใหม่จะเสีย 30 % ซึ่งถ้าดูจากภาษีสรรพสามิตที่ปรับลดจะทำให้ราคารถลดลงอีก 15 % ทำให้ URUS SE ที่ปัจจุบันมีราคาเริ่มต้น 24.95 ล้านบาท จะปรับลงเหลือราคาเริ่มต้น 21.5 ล้านบาท ส่วน TEMERARIO ราคาเริ่มต้น 23.76 ล้านบาท เป็นราคาที่ปรับใหม่ลงตามโครงสร้างภาษีใหม่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ราคาที่จำหน่ายของแต่ละบแรนด์อาจจะมีการปรับราคาขึ้นลง ตามราคาจำหน่ายจากบริษัทแม่ เพราะบริษัทแม่ที่เห็นว่าประเทศไทยมีการปรับลดภาษีตามโครงสร้างใหม่ อาจมีการปรับราคาเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไร หากรับรถในปี 2569 ลูกค้าก็จะได้สินค้าที่มีราคาถูกลงแน่นอน
ฟอร์มูลา : ทิศทางของซูเพอร์คาร์ปีหน้าจะเป็นอย่างไร ?
อภิชาติ : ซูเพอร์คาร์ จะพูดถึงรถที่มีราคา 12 บาทขึ้นไป ซึ่งมีฐานลูกค้าอยู่ปีละประมาณ 500 คัน ส่วนแบ่งของรถแต่ละประเภท จะแบ่งเป็นรถที่มีราคา 12-20 ล้าน 60 % ของตลาด 20-27 ล้าน 30 % ที่เหลือเป็นรถราคาสูงกว่า 27 ล้าน ผมคิดว่าฐานเติบโตอยู่ที่บวก-ลบประมาณ 10 % และหากมองในสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจปกติ หรือมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้รายได้ดี อาจจะทำให้ยอดขายเติบโตได้ถึง 20-30 % แต่ในปีหน้า ภาพรวมเศรษฐกิจของไทย และของโลก ยังไม่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
อีกจุดหนึ่งที่จะทำให้รถซูเพอร์คาร์ขายได้น้อยลง คือ ภาษีของรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป 100 % ในทุกกลุ่ม ที่จะเพิ่มขึ้นจาก 40 % เป็น 50 % ซึ่งจะทำให้ราคาขายเพิ่มขึ้น ขายได้น้อยลง ในขณะที่รถไฟฟ้าจะขายได้มากขึ้น
ยอดขายของรถไฟฟ้า เดือน มค.-สค. ปี 2568 เทียบกับปี 2567 เติบโตขึ้น โดยปี 67 มียอดขาย 50,000 คัน ปี 68 มียอดขาย 77,000 คัน ส่วนเครื่องยนต์สันดาป เบนซิน และดีเซล ปี 67 มียอดขาย 300,000 คัน ปี 68 มียอดขาย 240,000 คัน รถซูเพอร์คาร์ คาดว่าปีนี้ยอดขายคงลดลง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสงครามชายแดน ความไม่แน่นอนของรัฐบาล ทำให้บรรยากาศไม่เอื้ออำนวย โดยปีหน้าก็ยังคาดว่าสถานการณ์ยังทรงตัว
นอกจากนี้ การที่บริษัทมีรถจำหน่ายน้อยรุ่น รวมทั้งการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการรับมอบรถยนต์ออกไปเป็นปี 2569 แทน
ฟอร์มูลา : เรนาสโซ มอเตอร์ฯ มีการขยายบริการ หรือเพิ่มการลงทุนในด้านใดบ้าง ?
อภิชาติ : ที่ผ่านมา เรนาสโซ มอเตอร์ฯ เน้นสร้างความแข็งแกร่งเรื่องบริการหลังการขาย โดยบริษัทฯ ได้ลงทุน 70 ล้านบาท เปิดบริการศูนย์ซ่อมสี และตัวถังรถ LAMBORGHINI และรถซูเพอร์คาร์ ภายใต้บแรนด์ RENAZZO BODY & PAINT ที่บริเวณใกล้เคียงกับโชว์รูม และศูนย์บริการ LAMBORGHINI บนถนนวิภาวดีรังสิต โดยศูนย์บริการแห่งนี้ สามารถรองรับบริการได้ถึง 40 คัน/เดือน และยังพร้อมเปิดบริการดูแลเรื่องซ่อมสี และตัวถังให้รถยนต์ทั่วไป ไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่ LAMBORGHINI แต่ทุกคันจะได้บริการตามมาตรฐานของ LAMBORGHINI
พร้อมกันนี้ ได้เดินหน้าทำธุรกิจรถยนต์มือสอง LAMBORGHINI CERTIFIED PRE-OWNED เพื่อสร้างบแรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มผู้ที่สนใจรถยนต์ LAMBORGHINI ในราคาที่สามารถครอบครองง่ายขึ้น รวมถึงปีนี้ไม่มีรถใหม่ บริษัทฯ ได้ขยายเงินลงทุนหมุนเวียนเพื่อจัดหารถยนต์ LAMBORGHINI มือสองเข้ามานำเสนอให้ลูกค้าที่สนใจ ทั้งนี้ บริษัทจะดูแลทั้งการรับซื้อ และฝากขาย เพื่อให้เกิดระบบนิเวศที่สมบูรณ์ของการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งรักษาราคาขายต่อของรถให้ดีด้วย
สำหรับรถ LAMBORGHINI CERTIFIED PRE-OWNED รถทุกคนจะต้องผ่านมาตรการตรวจสอบคุณภาพ 153 รายการ รวมถึงการตรวจเชคประวัติการเข้ารับบริการหลังการขาย ประวัติรายชื่อผู้ครอบครอง และการเปลี่ยนมือ เพื่อให้เกิดความชัดเจน ตรงตามมาตรฐานของบริษัทแม่ โดย LAMBORGHINI ทุกคันจะได้รับการรับประกันคุณภาพอย่างน้อย 1 ปี
ผมจะเข้าไปดูในส่วนของการรับรถ LAMBORGHINI ที่จะเข้าสู่โครงการมือสองทุกคัน โดยทำให้รถทุกคันอยู่ในสภาพที่ผมอยากขับ และอยากขาย ดังนั้น ลูกค้าวางใจได้ว่า เรามีเกณฑ์การคัดรถอย่างเข้มข้น บวกกับความชื่นชอบ และความหลงใหลส่วนตัว รถทุกคันจะถูกดูแลเป็นอย่างดี ที่สำคัญรถจะต้องอยู่ในระยะวารันตี รถบางคันมีเจ้าของแค่คนเดียว แต่มีผู้ถือครอบครองหลายมือ ตรงนี้ เรนาสโซ มอเตอร์ฯ ก็ต้องบอกลูกค้าอย่างชัดเจน
ปัจจุบัน LAMBORGHINI CERTIFIED PRE-OWNED เป็นรถที่มีความคุ้มค่า เพราะรถบางคันวิ่งไม่ถึง 10,000 กม. ราคาลดลงไป 40 % และรถบางคันเบาะยังไม่เคยถูกสัมผัสเลย เพราะใช้เบาะรองนั่ง ถือเป็นโอกาสที่ดี และคุ้มค่า คุ้มราคา
ฟอร์มูลา : คุณมีแผนจะลงทุนเพิ่มขึ้นหรือไม่ ?
อภิชาติ : ในตอนนี้เรากำลังดูสิ่งที่ทำให้ครบวงจร มีรถใหม่ รถ PRE-OWNED ศูนย์ซ่อมสี และตัวถัง คาร์รีเทลิง ศูนย์รับฝากรถ ที่เหลือ คือ การขยายของพโรดัคท์ โดยเน้นสินค้าที่เป็นนิชมาร์เกท ตามความถนัดของเรา
ฟอร์มูลา : คุณรู้สึกอย่างไรกับบแรนด์ LAMBORGHINI?
อภิชาติ : รู้สึกภูมิใจที่ได้มีโอกาสทำตลาด LAMBORGHINI เพราะเป็นบแรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ มีเรื่องราว มีความเป็นนักสู้ ผ่านมาหลายมือจนล่าสุดอยู่ภายใต้กลุ่ม VOLKSWAGEN (โฟล์คสวาเกน) ซึ่งต้องยอมรับว่าบแรนด์มีส่วนสำคัญ ถ้าเราต้องไปจับตลาดบแรนด์ที่ทำตลาดยากก็จะทำได้ไม่เท่านี้
ฟอร์มูลา : คุณมีความคิดเห็นอย่างไรกับอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยในปัจจุบัน ?
อภิชาติ : รัฐบาลควรพิจารณาเรื่องบริษัทรถยนต์รายใหม่ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เพราะรถยนต์เป็นการใช้ในระยะยาวไม่เหมือนมือถือ ซึ่งบริษัทรถยนต์รายใหม่ที่เข้ามาก็ควรจะส่งความสุขให้ลูกค้า ไม่ใช่ซื้อแล้วเป็นทุกข์ มีหลายบริษัทที่ปล่อยลูกค้า ไม่ดูแลเรื่องบริการหลังการขาย สุดท้าย สคบ. ก็ต้องมาแก้ไข ความจริงน่าจะยึดหลักการบริการลูกค้าที่หลายบริษัทรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นยุโรป ญี่ปุ่น ทำแล้วประสบความสำเร็จมาเป็นแม่แบบ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความสุข ไม่ใช่ว่าเข้ามาขาย แล้วก็หายไป ไม่มีใครรับผิดชอบ






