ย่างก้าวเข้าสู่ปีมังกร ที่ใครๆ ต่างก็มองกันว่า ปีนี้จะเป็นปีแรกในประวัติศาสตร์ยานยนต์ประเทศไทย ที่ยอดการขายทั้งตลาด จะได้มากกว่า 1 ล้านคัน แม้ว่าจะเป็นการคาดการณ์ตั้งแต่ต้นปี ก็ตามที แต่ก็มาจากข้อมูลหลากหลาย และความเป็นไปได้ ที่เราก็เชื่อเช่นนั้นแสดงว่า ปีนี้ มังกรจะแผลงฤทธิ์แน่นอน แม้ว่าในปี 2554 ที่ผ่านมา ยอดการขายจะลดลงเหลือเพียง 794,081 คัน ลดลงจากปีก่อน 0.8 % แต่ทุกค่ายก็วางเป้าปีนี้กัน เกินล้านคันทั้งนั้น ทั้งที่อุปสรรคในปีที่ผ่านมา จะมากมายหนักหนาเสียเหลือเกิน ต่างก็มองโลกในแง่ดีเสียทุกค่ายไป ที่เป็นอย่างนั้น เพราะปีนี้จะมีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ค่อนข้างมาก ต่างก็ต้องเร่งรีบทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง เดี๋ยวจะตกรถไฟ ชาวประชาจะจำยี่ห้อไม่ได้ แถมด้วยนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ ที่มียาหอมโปรยปรายมาอยู่เป็นระยะๆ ใครต่อใครก็เลยมั่นใจกันอย่างนั้น แถมด้วย โรงงานประกอบรถยนต์แห่งใหม่ของ ฟอร์ด ก็ใกล้จะเสร็จ ของ ซูซูกิ ก็กำลังลงมือก่อสร้าง ล่าสุด โตโยตา ก็แถลงแล้ว ว่าจะต้องสร้างอีกโรง สำหรับทำอีโคคาร์ อีกเรื่องหนึ่ง ก็เห็นจะเป็นบรรดาประธานของค่ายรถยนต์หลายเจ้า เดินทางเข้ามาประเทศไทย ทั้งมอบเงินช่วยเหลือ ทั้งมาบรรยาย ทั้งมาประชุมซีอีโอ ของบีโอไอ มากมาย ได้เห็นด้วยตาของตนเอง ว่าประเทศไทยเรา ยังมีความพร้อมในการตั้งโรงงานอยู่มาก ทำให้ทุกค่าย ต่างก็วางเป้าเพิ่มกันทั้งนั้น มาดูความเป็นไปในแวดวงสักเล็กน้อย มีเรื่องน่าสนใจ จากการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ ครม. รับข้อเสนอของ ภาคเอกชนของที่นั่น ตั้งแต่ การเร่งรัดการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพ ฯ-เชียงใหม่ เรื่องที่สอง ศึกษาและสำรวจเส้นทางการสร้างถนน MOTORWAY เส้นทางเชียงใหม่-เชียงราย เรื่องที่สาม เร่งรัดการดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ภาคเหนือ ให้แล้วเสร็จทั้งระบบในปี 2560 และเรื่องสุดท้าย พิจารณาเพิ่มเส้นทาง เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ภายใต้แผนการพัฒนา โครงการพัฒนารถไฟทางคู่ของประเทศไทย เรื่องถัดไปสำหรับประชาชนตาดำๆ ที่หนนี้ มาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ด้านการเดินทาง ยืดระยะเวลาไปจนถึง วันที่ 30 เมษายน โดย ขสมก. จะจัดรถโดยสารประจำทางธรรมดาจำนวน 800 คัน/วัน ใน 73 เส้นทาง ให้บริการแก่ประชาชน ฟรี วงเงิน 837.00 ล้านบาท ส่วนการรถไฟ จัดรถชั้น 3 จำนวน 164 ขบวน/วัน และรถไฟชั้น 3 ระยะทางไกลในขบวนรถเชิงพาณิชย์ 8 ขบวน/วัน ให้บริการแก่ประชาชน ฟรี อีกเหมือนกัน วงเงิน 340.00 ล้านบาท ที่น่าสนใจที่สุด เห็นจะเป็นอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ ที่ธนาคารโลก เป็นผู้จัดทำ (DOING BUSINESS 2012) ซึ่งประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 17 จาก 183 ประเทศ ปี 2005 อันดับ 20 (145 ประเทศ) ปี 2006 อันดับ 20 (155 ประเทศ) ปี 2007 อันดับ 18 (175 ประเทศ) ปี 2008 อันดับ 15 (178 ประเทศ) ปี 2009 อันดับ 13 (181 ประเทศ) ปี 2010 อันดับ 12 (183 ประเทศ) ปี 2011 อันดับ 19 (183 ประเทศ) ปี 2012 อันดับ 17 (183 ประเทศ) รายงานที่ว่า พิจารณาจากตัวชี้วัด ด้านการจดทะเบียนทรัพย์สิน ด้านการชำระภาษี ด้านการขออนุญาตก่อสร้าง ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน ด้านการค้าระหว่างประเทศ ด้านการปิดกิจการ ตัวชี้วัดที่มีอันดับดีขึ้น ประกอบด้วย 3 ตัวชี้วัด ได้แก่ ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ ด้านการได้รับสินเชื่อ และด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง อันนี้น่าจะเป็นข่าวดีแรก ที่ต้อนรับปี 2555 ทีเดียว เพราะภาครัฐ ยิ้มกันหน้าบานเชียว กลับมาเรื่ีอง มาตรวัดของเรา ยอดการขายเดือนธันวาคม เพียงเดือนเดียว ลดลงไปถึง 41.4 % ขายได้เพียง 54,575 คัน ขณะที่ยอดรวมทั้งปี ลดลงเพียง 0.8 % ขายทั้งตลาด 794,081 คัน โดยมี แชมพ์ประจำปี ได้แก่ โตโยตา ขาย 14,709 คัน ลดลง 60.4 % ส่วนแบ่ง 27.0 % อันดับสอง อีซูซุ ขายเพียง 8,241 คัน ลดลง 52.7 % ส่วนแบ่ง 15.1 % อันดับสาม นิสสัน ขาย 7,423 คัน เพิ่มขึ้น 21.1 % ส่วนแบ่ง 13.6 % อันดับสี่ มิตซูบิชิ ขาย 5,441 คัน ลดลง 1.5 % ส่วนแบ่ง 10.0 % และอันดับห้า มาซดา ขาย 4,855 คัน เพิ่มขึ้น 20.5 % ส่วนแบ่ง 8.9 % โดยยอดขายรวมทั้งปี โตโยตา ทำได้ 289,439 คัน อีซูซุ ขาย 132,194 คัน ฮอนดา ขาย 83,952 คัน นิสสัน ขาย 69,204 คัน และ มิตซูบิชิ ขาย 66,002 คัน พอหันมองประเภทรถยนต์นั่ง ยอดขายเดือนเดียวได้ 24,908 คัน ลดลง 33.4 % ขณะที่ทั้งปี ขายได้เพิ่มขึ้น 4.6 % ได้ 347,993 คัน โดยแชมพ์ ได้แก่ โตโยตา ขาย 6,342 คัน ลดลง 57.3 % ส่วนแบ่ง 25.5 % ที่สอง นิสสัน ขาย 6,244 คัน เพิ่มเยอะ 105.0 % ส่วนแบ่ง 25.1 % ที่สาม มาซดา ขาย 4,755 คัน เพิ่ม 58.9 % ส่วนแบ่ง 19.1 % ที่สี่ เชฟโรเลต์ ขาย 2,558 คัน เพิ่ม 135.3 % ส่วนแบ่ง 10.3 % และที่ห้า ฮอนดา ขาย 1,832 คัน ลดลง 82.7 % ส่วนแบ่ง 7.4 % ยอดรวมทั้งปี โตโยตา ทำได้ 129,655 คัน ฮอนดา 76,915 คัน นิสสัน 47,830 คัน มาซดา 33,212 คัน และ ฟอร์ด 19,743 คัน ผู้เสียภาษียอดเยี่ยม โดยไม่กลัวมหาอุทกภัยใดๆ ทั้งสิ้น ลัมโบร์กินี แจกวาร์ ขายเจ้าละ 6 คัน มิตซูโอกะ ขาย 5 คัน แฟร์รารี ขาย 2 คัน โพร์เช เอาดี และมาเซราตี ขายเจ้าละ 1 คัน รถกระบะ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ยอดขายยังไปได้เรื่อยๆ โดยตำแหน่งแชมพ์ตกเป็นของ อีซูซุ แชมพ์เก่า ด้วยตัวเลข 6,973 คัน ตามด้วย โตโยตา 4,308 คัน ส่วนอันดับ 3 เป็นของ มิตซูบิชิ 3,710 คัน ซึ่งยอดรวมลดลงจากปีที่แล้วถึง 53.4 % รถเพื่อการพาณิชย์ ยอดรวมเดือนเดียว ลดลง 11.5 % ขาย 4,619 คัน ขายกันทั้งปีลดลง 0.2 % ด้วยยอด 45,868 คัน โดยมีแชมพ์ประจำเดือน โตโยตา ขาย 1,691 คัน ลดลง 16.9 % ส่วนแบ่ง 36.6 % ที่สอง ฮีโน ขาย 1,186 คัน เพิ่ม 12.5 % ส่วนแบ่ง 25.7 % และที่สาม อีซูซุ ขาย 734 คัน ลดลง 43.4 % ส่วนแบ่ง 15.9 % ยอดรวมทั้งปี โตโยตา ขาย 16,718 คัน อีซูซุ ขาย 11,802 คัน และ ฮีโน ขาย 10,138 คัน รถอเนกประสงค์ เดือนเดียวลดลง 43.2 % ขายเพียง 912 คัน แต่รวมทั้งปี ก็ยังลดลง 10.9 % ขาย 12,403 คัน โดยแชมพ์ประจำเดือน โตโยตา ขาย 541 คัน ลดลง 45.5 % รวมทั้งปี ขายได้ถึง 8,096 คัน โหรหลังสถานทูตจีน เห็นตัวเลขของปี 2554 แล้ว ยังยืนยันเช่นเดียวกันกับนักการตลาดหลายค่าย ว่าปีนี้ ยอดการขายรถยนต์บ้านเรา ล้านแล้วจ้า แน่นอน