ระเบียงรถใหม่
มิตซูบิชิ เดลีคา ดี:5
เดลีคา ดี:ไฟว์ (DELICA D:5) เป็นรถแบบมีนีแวนรุ่นแรกของ มิตซูบิชิ ที่บรรจุเครื่องยนต์แบบคลีนดีเซล ซึ่งเข้ากฎควบคุมการปล่อยมลพิษระยะยาวแผนใหม่ฉบับหลัง (THE POST NEW LONG-TERM REGULATIONS) ประจำปีเฮเซ 21 ของญี่ปุ่น (ปี 2009) ทำให้มันกลายเป็นรถที่เข้าข่ายได้รับการลดภาษี (ยกเว้นภาษี) สำหรับรถแบบประหยัด หรืออีโคคาร์
เดลีคา ดี:ไฟว์ นี้ จะเป็นรุ่นที่ 5 นับแต่เริ่มวางจำหน่ายในเดือนมกราคม เมื่อ 6 ปีก่อน ในฐานะของมีนีแวนขนาดใหญ่ที่มีการผสมผสานความเรียบง่ายของมีนีแวนเข้ากับความทรงพลังของ เอสยูวี และได้รับการชื่นชมในรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูบึกบึน ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ที่แสดงความเป็น "เดลีคา" อย่างสมภาคภูมิ ตัวถังที่มีเสถียรภาพสูงจากริบโบนเฟรม (RIB BONE FRAME) ในโครงสร้างรูปวงแหวน เครื่องยนต์ MIVEC ที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยมด้านการประหยัดเชื้อเพลิงและการปล่อยไอเสีย ระบบ 4WD ควบคุมด้วยอีเลคทรอนิคที่กระจายแรงขับเคลื่อนไปยังล้อหน้า/หลังได้อย่างเหมาะสมกับสภาพทาง และสภาพการขับขี่ ความสูงใต้ท้องรถกับมุมเข้าหาที่มีสมรรถนะในการวิ่งลุยอย่างเหนือชั้นแม้บนทางขรุขระ การจัดวางที่นั่งที่ปรับได้หลายแบบกับพื้นที่เก็บของที่เหลือเฟือ และระบบเสียงระดับพรีเมียม ทำยอดขายในญี่ปุ่นได้มากกว่า 1 แสนคัน
ครั้งนี้ มีการเพิ่มรุ่น 2WD ที่บรรจุเครื่องยนต์ MIVEC 2.0 ลิตร พร้อมกลไกไอดลิงสตอพของรุ่นก่อน ซึ่งทำให้มีสมรรถนะด้านการประหยัดเชื้อเพลิงอย่างเหนือชั้น (ลดภาษีสำหรับอีโคคาร์ 75 %) กับรุ่น 4WD ที่บรรจุเครื่องยนต์ MIVEC 2.4 ลิตร ซึ่งทำให้ได้ฝีเท้าที่ทรงพลัง (ลดภาษีเช่นกัน 50 %) ได้แก่ เดลีคา แวกอน (รุ่น 2 และรุ่น 3) กับ เดลีคา สเปศเกียร์ (รุ่น 4) ที่บรรจุเครื่องยนต์คลีนดีเซล 2.2 ลิตร ซึ่งให้ทั้งสมรรถนะด้านการขับเคลื่อนที่ทรงพลัง และสมรรถนะด้านการรักษาสภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยม คู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ INVECS-II6 พร้อมสปอร์ทโหมดอันว่องไว เพื่อสนองตอบเสียงเรียกร้องอย่างหนักหน่วงจากแฟนๆ ของ เดลีคา แบบดีเซลรุ่นก่อนๆ ทั้งนี้มันสามารถให้อัตราการใช้เชื้อเพลิงในโหมด JC08 ได้ระดับเดียวกับรถที่บรรจุเครื่องยนต์ MIVEC 2.0 ลิตร (2WD) คือ 13.6 กม./ลิตร และแรงบิดสูงสุดประมาณ 1.6 เท่าของรถที่บรรจุเครื่องยนต์ MIVEC 2.4 ลิตร (4WD) คือ 36.7 กก.-ม. ที่ 1,500~2,750 รตน. ทำให้มีสมรรถนะดีขึ้นและประหยัดกว่าเดิม เหมาะกับการขับทางไกลและยังสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 7-8 คน อีกด้วย สมกับเป็นเอสยูวีสำหรับการพักผ่อนกลางแจ้ง
รุ่นทอพ G-PREMIUM (4WD) กับ G-POWER PACKAGE (4WD) บรรจุเครื่องยนต์ MIVEC 2.4 ลิตร D-PREMIUM (4WD) กับ D-POWER PACKAGE (4WD) บรรจุเครื่องยนต์คลีนดีเซล 2.2 ลิตร คู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ INVECS-II6 พร้อมสปอร์ทโหมด ได้ทั้งความประหยัดเชื้อเพลิง และพลัง ขณะที่สามารถให้พื้นที่โดยสารที่สะดวกสบายในระดับเดียวกับรถบรรจุเครื่องยนต์เบนซิน และถ่วงสมดุลระหว่างการรักษาเสถียรภาพในการควบคุมบังคับกับความสบายในการขับขี่ได้ในมิติสูง
D-PREMIUM มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายเต็มพิกัด อาทิ MMCS (เครื่องนำร่องและเครื่องเสียง เป็นต้น) ระบบเสียงระดับพรีเมียม ประตูท้ายแบบควบคุมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ฯลฯ ส่วน D-POWER PACKAGE นอกจากจะมีประตูเลื่อนแบบควบคุมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (พร้อมกลไกรักษาความปลอดภัย) ทั้งทางฝั่งที่นั่งคนขับและฝั่งที่นั่งข้างคนขับแล้ว ยังมีเครื่องทำความร้อนประจำที่นั่งฝั่งคนขับและที่นั่งข้างคนขับ ติดตั้งให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วย
เครื่องยนต์คลีนดีเซล DI-D แบบคอมมอนเรล 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC 2.2 ลิตร รุ่น 4N14 ที่ทำคะแนนได้ดีใน เอาท์แลนเดอร์ สำหรับตลาดยุโรป ทั้งด้านการประหยัดเชื้อเพลิง ด้านการปล่อยไอเสีย ด้านการขับเคลื่อนให้เหมาะสมที่สุดกับการเป็นมีนีแวน
ระบบเชื้อเพลิงแบบคอมมอนเรลที่มีความละเอียดสูง ระบบทำความสะอาดไอเสีย ทำให้สามารถลด NOX (ไนโตรเจนออกไซด์) และ PM (ฝุ่นละออง) ที่เป็นต้นเหตุของมลพิษทางอากาศได้อย่างมาก ถูกต้องตามกฎควบคุมการปล่อยมลพิษ (THE POST NEW LONG-TERM REGULATIONS) ประจำปีเฮเซ 21 (ปี 2009) ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังสามารถให้อัตราการใช้เชื้อเพลิงในโหมด JC08 (ค่าจากการสำรวจของกระทรวงคมนาคมของญี่ปุ่น) ได้ถึง 13.6 กม./ลิตร ซึ่งบรรลุมาตรฐานด้านการประหยัดเชื้อเพลิงประจำปีเฮเซ 27 (ปี 2015) ของญี่ปุ่น และกลายเป็นรถที่เข้าข่ายได้รับการลดภาษี (ยกเว้นภาษี) สำหรับรถแบบประหยัด (อีโคคาร์) อีกทั้งยังได้รับเงินช่วยเหลือตามนโยบายส่งเสริมการใช้รถพลังงานสะอาด (CLEAN ENERGY VEHICLE) ประจำปีเฮเซ 24 ของญี่ปุ่น (ปี 2012) (จากข้อตกลงตามคำขอที่ยื่นไปยังศูนย์ส่งเสริมยานยนต์ยุคใหม่ นิติบุคคลทั่วไปสามารถรับเงินช่วยเหลือสูงสุด 140,000 เยน) อีกด้วย
กำลังสูงสุด 148 แรงม้า ที่ 3,500 รตน. และแรงบิดสูงสุด 36.7 กก.-ม. ที่ 1,500~2,750 รตน. นอกจากนี้ การใช้วีจีเทอร์โบชาร์เจอร์ที่ควบคุมพลังเทอร์โบแบบผันแปร ทำให้สามารถให้แรงบิดที่ทรงพลังในช่วงรอบเครื่องยนต์ต่ำ รวมทั้งเร่งได้นุ่มนวลไปจนถึงช่วงรอบเครื่องยนต์สูง และให้สมรรถนะในการขับเคลื่อนที่สบาย และเหมาะสมที่สุดกับมีนีแวนที่ใช้งานบ่อยในฐานะของรถบรรทุกผู้โดยสารจำนวนมาก และเดินทางไกลอีกด้วย
ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบคอมมอนเรล ทำให้ควบคุมการเผาไหม้ได้อย่างถี่ถ้วน และส่งผลให้ถ่วงสมดุลระหว่างสมรรถนะในการเผาไหม้กับสมรรถนะในการปล่อยไอเสีย และสมรรถนะในการขับเคลื่อนได้ในมิติสูง จนสามารถให้อัตราการบีบอัดลูกสูบต่ำเพียง 14.9 ซึ่งเป็นระดับสุดยอดสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้สามารถใช้วัสดุน้ำหนักเบา เช่น บลอคลูกสูบอลูมิเนียมได้ และส่งผลดีในการปรับลดการใช้เชื้อเพลิงได้จากการลดน้ำหนักตัวเครื่องยนต์อีกด้วย
ระบบถ่ายทอดกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ INVECS-II6 พร้อมสปอร์ทโหมดที่ทำคะแนนได้ดีใน "เอาท์แลนเดอร์" แบบที่ผลิตสำหรับตลาดยุโรปเช่นเดียวกับเครื่องยนต์ ซึ่งมุ่งปรับจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ (SHIFT PATTERN) ย่านการเชื่อมต่อคลัทช์โดยตรง (DIRECT CLUTCH CONNECTING REGION) และการขยับจากจุดเชื่อมตรง (DIRECT CLUTCH SLIP) ให้เหมาะสมที่สุด
INVECS-II ช่วยควบคุมจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมที่สุด และเข้าได้กับสภาพทาง ตลอดจนลักษณะการขับของผู้ขับขี่ในแบบต่างๆ ทั้งนี้ ในจังหวะเกียร์เดินหน้า (D-RANGE) มันจะช่วยลดการเพิ่มจังหวะเกียร์โดยไม่จำเป็น และรักษาแรงขับเคลื่อนที่จำเป็นเอาไว้ขณะที่วิ่งขึ้นทางลาด ส่วนตอนที่วิ่งลงทางลาด มันจะช่วยเลือกจังหวะเกียร์ และทำให้เบรคด้วยพลังเครื่องยนต์ (ENGINE BRAKE) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แพดเดิลชิฟท์ช่วยให้ควบคุมการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องปล่อยมือจากพวงมาลัย และสามารถเลือกจังหวะเกียร์ 1-6 ได้ตามสภาพการขับขี่ ด้วยเหตุนี้จึงสามารถเปลี่ยนจังหวะเกียร์ได้อย่างรวดเร็วดังใจ ทั้งในการขับโลดแล่นแบบสปอร์ท ตลอดจนในกรณีที่จำเป็นต้องใช้เอนจินเบรค อย่างเช่น การวิ่งลงทางลาด และก่อนหยุดตามสัญญาณไฟจราจร หรือในกรณีที่จำเป็นต้องใช้แรงบิดมาก อย่างเช่น ตอนวิ่งขึ้นทางลาด
ระบบไอเดิลนิวทรัลคอนทโรล ช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิง โดยในจังหวะเกียร์เดินหน้า (D-RANGE) ขณะที่หยุดรถ จะมีการตัดการทำงานของเครื่องยนต์ และระบบขับเคลื่อน เพื่อลดภาระของเครื่องยนต์
นอกจากนี้ ยังมีเกียร์ แอล-เรนจ์ (L-RANGE) เพื่อเรียกสมรรถนะการขับเคลื่อนที่จำเป็นในยามวิ่งขึ้นทางลาดชัน หรือยามที่ทำการฉุดลาก ทั้งนี้ กรณีที่เลือกสปอร์ทโหมดในจังหวะเกียร์ แอล-เรนจ์ จะสามารถเปลี่ยนเกียร์ 1 กับเกียร์ 2 ได้
ตัวถังแกร่งที่ใช้ริบโบนเฟรมในโครงสร้างรูปวงแหวน ทำให้สามารถเพิ่มความปลอดภัยในการปะทะ ตลอดจนสมรรถนะในการควบคุมบังคับ และสมรรถนะในการรักษาความเงียบสงบได้ในระดับสูง อีกทั้งยังเพิ่มสมรรถนะในการรักษาความเงียบสงบในรถที่บรรจุเครื่องยนต์คลีนดีเซล โดยใช้มาตรการดูดซับเสียง ตลอดจนกั้นเสียงรบกวนและแรงสะเทือนเล็กๆ น้อยๆ ตามห้องเครื่องยนต์ แผงหน้าปัด แผงพื้น แผงหลังคา และแผงอุปกรณ์อีกด้วย จึงให้พื้นที่โดยสารที่สบายเทียบเท่ารถที่บรรจุเครื่องยนต์เบนซิน
ด้วยเหตุที่น้ำหนักรถเพิ่มขึ้นจากการบรรจุเครื่องยนต์คลีนดีเซล จึงมีการปรับตั้งระบบกันสะเทือนทั้งด้านหน้า/หลังให้เหมาะสม และมีการถ่วงสมดุลระหว่างเสถียรภาพในการควบคุมบังคับลงตัวกับความสบายในการขับขี่ นอกจากนี้ การเพิ่มน้ำหนักลงที่ล้อหน้ามากขึ้น มิตซูบิชิ จึงปรับขนาดกระบอกของเกียร์พวงมาลัย (STEERING GEAR CYLINDER) และวาล์วใหม่ เพื่อให้การควบคุมบังคับง่ายขึ้น
ราคาขายเริ่มต้นที่ 2,330,000-3,934,000 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 8 แสนบาท ถึง 1.3 ล้านบาท
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2556
คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/89185