ค่ายรถไฟฟ้า Tesla เปิดตัวรถบรรทุกหัวลาก Semi Truck ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ในชื่อ Tesla Semi ซึ่งสามารถเทียบชั้นได้กับ Class 8 Transport Vehicles ของสหรัฐอเมริกา ด้วยน้ำหนักโดยรวมเกินกว่า 14,969 กก. ในรูปทรงที่แปลกตาออกไปด้วยความตั้งใจ เพราะต้องการให้แปลก แยกจากรถบรรทุกทั่วไปบนท้องถนนTesla Semi มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารถบรรทุกเครื่องยนต์ดีเซลในปัจจุบันมาก และหากลากจูงนำ้หนักบรรทุกเต็มพิกัด กว่า 35,000 กก. จะมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 20 วินาที สามารถเดินทางด้วยความเร็วปกติตามความเร็วที่กำหนดในทางหลวง ได้ระยะทางราว 800 กม. ข้อดีของรถบรรทุก หรือรถไฟฟ้า คือ ไม่มีระบบเกียร์เข้ามายุ่งเกี่ยว และสามารถแปลงพลังแรงจลน์ จากการเบรค ไปเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ด้วย Tesla ระบุว่า ใช้อุปกรณ์ระบบไฟฟ้าจากรุ่น Model 3 มาเป็นส่วนประกอบในการผลิต โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ติดตั้งในแต่ละล้อ และภายในห้องโดยสารออกแบบพิเศษสำหรับผู้ขับขี่ เพื่อให้สะดวกต่อการเข้าและออกจากตัวรถ และเมื่อเข้าไปในหัวเก๋งแล้ว ก็จะสามารถยืนได้เต็มตัว ตำแหน่งที่นั่งผู้ขับขี่สำหรับ Tesla Semi จะอยู่ตรงกลางหัวเก๋ง เพราะรถหัวลากประเภทนี้ ส่วนใหญ่มักไม่มีผู้โดยสารอยู่แล้ว แต่มีเบาะนั่งที่พับเก็บได้สำหรับผู้โดยสารอยู่เยื้องไปด้านหลังของผู้ขับขี่ Tesla ติดตั้งจอทัชสกรีน 2 จอ ด้านซ้ายและขวาของผู้ขับขี่ มาพร้อมระบบนำทางผ่านดาวเทียม ระบบตรวจสอบจุดบอด และ แอพพลิเคชันที่จะเก็บข้อมูลในการเดินทางทุกชนิด และสำหรับกลุ่มรถบรรทุกขององค์กร Tesla ได้เตรียมฮาร์ดแวร์ ที่จะติดตั้งเพิ่มเติมเพื่อการตรวจสอบข้อมูลของผู้บริหารกลุ่มด้วย ปัจจุบัน มีผู้พัฒนารถบรรทุกไฟฟ้าอยู่หลายค่ายเช่นกัน เช่น Nikola ที่กำลังพัฒนารถบรรทุกไฟฟ้า ใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ไฮบริด เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งมี Bosch ดำเนินการ ขณะที่ค่าย Daimler ก็มีรถบรรทุกต้นแบบ Mitsubishi E-FUSO รถบรรทุกที่เปิดตัวในพโรแกรม Vision One truck สามารถเดินทางได้ระยะทาง 350 กม. แต่ยังอยู่ในขั้นทดลองเช่นกัน Tesla เตรียมแผนงานสำหรับการชาร์จแบทเตอรีไว้แล้ว โดยจะติดตั้งระบบ Megachargers ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ สามารถเดินทางได้ราว 600 กม./การชาร์จเพียง 30 นาที ซึ่งอาจเป็นเวลาที่กำลังบรรทุกสิ่งของ หรือขนถ่ายสิ่งของออกจากตัวรถ โดยตัวชาร์เจอร์จะเชื่อมต่อกับหัวเก๋ง เพื่อชาร์จแบทเตอรี และมีแผนงานที่จะติดตั้งทั่วโลก เพื่อให้แน่ใจว่ารถบรรทุกไฟฟ้า สามารถเดินทางไปทั่วประเทศได้โดยง่ายดาย ข้อดีของการใช้รถบรรทุกไฟฟ้านี้ มีมากมาย ตั้งแต่สามารถเดินทางได้ระยะทางไกล/การชาร์จ 1 ครั้ง และค่าใช้จ่ายในระยะยาว ค่าซ่อมบำรุง ค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง นับว่าน้อยกว่ารถบรรทุกเครื่องยนต์ดีเซลมากทีเดียว เพราะไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวมาก เหมือนรถบรรทุกเครื่องยนต์ดีเซล ตั้งแต่เครื่องยนต์, ระบบส่งกำลัง, ระบบคายไอเสีย และอื่นๆ Tesla Semi ออกแบบแบทเตอรีชนิดพิเศษ ติดตั้งในส่วนที่ต่ำแถวแชสซีส์ ทำให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น กระจกบังลมหน้า ก็ผลิตด้วยกระจกที่ออกแบบให้ต้านทานการกระแทก พร้อมระบบป้องกันการไถลตัวของรถ อันเนื่องมาจากนำ้หนักตัวที่มาก ซึ่งเป็นปัญหาปกติของรถบรรทุกขนาดใหญ่ พร้อมกล้องส่องมองรอบคัน เพื่อตรวจสอบจุดบอด และตรวจสอบวัตถุที่กีดขวาง ซึ่งจะส่งสัญญาเตือนผู้ขับขี่อัตโนมัติ รถบรรทุกไฟฟ้ารุ่นแรกนี้ จะเป็นรถที่ใช้งานเวลากลางวัน โดยไม่มีที่สำหรับให้พนักงานหลับนอนในหัวเก๋ง เพื่อการเดินทางระยะสั้นๆ แต่ Tesla ระบุว่า สามารถปรับหัวเก๋งให้มีที่นอนสำหรับพนักงานขับรถได้ รวมทั้งติดตั้งชุดแบทเตอรีเพิ่มเติม เพื่อการใช้งานด้วย Tesla ไม่ได้ระบุราคาจำหน่าย หากสามารถออกจำหน่ายได้ แต่ให้ตัวเลขว่า เจ้าของรถจะสามารถประหยัดเงินในการทำงานได้ 200,000 เหรียญสหรัฐฯ ราว 7 ล้านบาท จากการใช้งานรถบรรทุกไฟฟ้านี้ระยะทางราว 1.6 ล้านกม. พร้อมบอกว่าจะสามารถขึ้นสายการผลิตได้ในปี 2562 และยินดีรับจองด้วยราคาคันละ 5,000 เหรียญสหรัฐฯ ราว 175,000 บาท แต่รถบรรทุกไฟฟ้าคันนี้ ก็ยังไม่มีกำหนดผลิตออกจำหน่ายที่แน่นอน เพราะปัจจุบัน Tesla เอง ยังประสบปัญหาด้านการเงิน ที่จะต้องใช้เงินลงทุนในการผลิตรถบรรทุกอีกมาก เพราะแม้แต่รถยนต์นั่งรุ่นใหม่ ก็พลาดกำหนดการแนะนำตัวต่อสาธารณชนมาแล้ว เพราะปัญหาด้านการเงิน ก็ต้องคอยดูกันต่อไปว่า Tesla จะสามารถแก้ปัญหาของตัวเองได้รวดเร็ว และสามารถผลิตรถบรรทุกไฟฟ้านี้สู่ตลาดได้เมื่อใด