ทดลองขับ
MG Extender กระบะหน้าใหม่ที่หาญกล้าร่วมวงลุยตลาดรถอันโหดหินของบ้านเรา ! เรามาประเมินรถรุ่นนี้เบื้องต้นหลังจากได้ทดลองขับสั้นๆ
MG Extender กระบะน้องใหม่ รุ่นล่าสุด เผยโฉมกันไปแล้ว พร้อมราคาของแต่ละ 9 รุ่นย่อย โดยตัวถังแบบ Giant Cab มีราคาที่ 549,000-729,000 บาท และตัวถังแบบ Double Cab ราคา 759,000-1,029,000 บาท กับทางเลือกของขุมพลังเพียงบลอคเดียว นั่นคือ ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 161 แรงม้า ที่ 4,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 38.3 กก.-ม. ที่ 1,500-2,400 รตน. เกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ 6 จังหวะ ระบบขับเคลื่อนทั้งแบบ 2 ล้อหลัง และ 4 ล้อ แบบพาร์ทไทม์
ทาง MG ดูจะจริงจังกับการทำตลาดรถกระบะมากๆ เพราะในวันเปิดตัวที่สนาม 8Speed เขาใหญ่ ยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนมีโอกาสทดลองขับ Extender เรามาประเมินกันว่า กระบะน้องใหม่รุ่นนี้จะมีดีแค่ไหน กับตลาดรถกระบะที่ขึ้นชื่อว่า “โหดหิน” มากๆ ของบ้านเรา
- ข้อมูลเพิ่มเติมของ MG Extender
ในแง่ของความทนทาน ทาง MG เพิ่มความมั่นใจด้วยระยะการเข้าศูนย์ที่ 20,000 กม. (ยกเว้นครั้งแรกจะเป็นระยะที่ 5,000 กม.) ภายใต้ค่าใช้จ่ายของการซ่อมบำรุงที่ต่ำกว่าคู่แข่งระดับเดียวกันเล็กน้อย นอกจากนี้ยังให้ความมั่นใจในแง่ของการบรรทุกด้วยพื้นที่กระบะท้าย (ยาวxกว้างxสูง) ของรุ่น Giant Cab คือ 1,510x1,485x 530 มม. ส่วนรุ่น Double Cab คือ 1,900x1,485x530 มม. วางบนโครงสร้างตัวถังที่มีความแข็งแรง ระบบรองรับที่ทางผู้ผลิตระบุว่าเป็นแบบ European Tuning Suspension พัฒนาโดยบริษัทผู้เชี่ยวชาญอย่าง Sachs อิงพื้นฐานจาก Extender ที่ทำตลาดในประเทศออสเตรเลีย และปรับแต่งให้เข้ากับความเหมาะสมของบ้านเรา
ห้องโดยสารของ MG Extender มีความกว้างขวางที่น่าพอใจ นอกจากนี้ยังคำนึงถึงความสะดวกสบายด้วยการติดตั้งฉนวนดูดซับเสียงถึง 9 จุด ทางผู้ผลิตอ้างว่าขณะจอดนิ่ง จะมีเสียงรบกวนในห้องโดยสารเพียง 43 db และขณะแล่นที่ความเร็ว 60 กม./ชม. จะมีตัวเลขที่ 64 db เท่านั้น รวมถึงการเชื่อมต่อโครงสร้างตัวถังที่ทันสมัยด้วยระบบเลเซอร์ (Laser Welding) ช่วยเพิ่มความแข็งแรง (ผ่านการทดสอบ A-NCAP ได้คะแนนถึง 5 ดาว) และช่วยลดเสียงรบกวนอีกแรงหนึ่ง ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง มีการเสริมวัสดุบุนุ่ม ทั้งหนังแท้ และหนังสังเคราะห์ เพิ่มความรู้สึกหรูหรา และที่ขาดไม่ได้สำหรับ MG คือ ระบบเชื่อมต่อที่ทันสมัย i-Smart มีติดตั้งในกระบะ Extender เช่นกัน รองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย สามารถแสดงผลสถานะ และตำแหน่งของตัวรถผ่านแอพพลิเคชัน รวมถึงการสตาร์ทรถล่วงหน้าพร้อมเปิดแอร์ล่วงหน้าได้ (ไม่เกิน 10 นาที) โดยมีติดตั้งในรุ่นเกียร์อัตโนมัติของรุ่น Grand X ของตัวถัง Double Cab และ Giant Cab
- เริ่มทดลองขับกับเส้นทางสมบุกสมบัน
ส่วนแรก คือ การขับผ่านทางลาดเอียงแบบสลับ การแปรผันการส่งกำลังที่ลงตัวเท่านั้น จึงจะผ่านอุปสรรคนี้ไปได้ เราพบว่าแม้ตัวรถอยู่ในลักษณะเอียง การควบคุมทิศทางยังทำได้ง่ายดาย และง่ายยิ่งขึ้นสำหรับ MG Extender กับการใช้กล้องมองภาพด้านหน้า เพื่อการควบคุมทิศทางที่แม่นยำยิ่งขึ้น ล้อแต่ละตำแหน่งสามารถทำหน้าที่ขับเคลื่อนได้ดี ไม่มีอาการสะดุด
ถัดมา คือ หลุมบ่อแบบสลับซ้าย/ขวา การแล่นผ่านทำได้ง่ายดาย เพียงเดินคันเร่งนิ่งๆ แต่เรามีความรู้สึกว่าระบบรองรับที่เน้นความหนึบนุ่ม เมื่อเจอการโคลงสลับซ้าย/ขวาเช่นนี้ แรงสะเทือนค่อนข้างสัมผัสได้ชัดเจน ไม่ว่าจะนั่งบนตำแห่งผู้ขับ หรือผู้โดยสารด้านหลัง โดยในส่วนต่อไป คือ การทดสอบระบบ Hill Start Assist เมื่อหยุดรถสนิทบนทางลาดชัน และปล่อยเท้าจากแป้นเบรค ระบบจะหยุดตัวรถให้ประมาณ 3 วินาที มีเวลาสลับเท้ามากดคันเร่งได้ทันท่วงที ถัดมา คือ การทดสอบระบบ Hill Descent Control ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน เราพบว่าการหน่วงความเร็วทำได้ฉับไว และไหลลงเนินได้อย่างนุ่มนวล จนกระทั่งถึงพื้นราบ ปราศจากการกระแทกของตัวรถ สุดท้าย คือ การแล่นผ่านแอ่งน้ำ ตัวรถมีอาการลื่นไถลของล้อให้สัมผัสน้อยมาก แม้จะลองเติมคันเร่งเพิ่มขึ้น ตัวรถยังสามารถแล่นผ่านแอ่งน้ำได้อย่างไม่ยากเย็น (ลุยน้ำลึกได้สูงสุดที่ 550 มม.)
- ทดลองสมรรถนะบนทางเรียบ
หลังจากเบรคเต็มแรงจนรถหยุดสนิทก็เป็นการพิสูจน์สมรรถนะของระบบรองรับ กับการขับแบบสลาลอมสลับซ้าย/ขวา ตัวรถมีอาการโคลงบ้าง แต่ยังควบคุมได้ง่ายดาย พวงมาลัยมีน้ำหนักพอเหมาะ มีการตอบสนองที่ดีเกินคาด (เป็นจุดอ่อนของ MG บางรุ่นที่เราเคยทดสอบก่อนหน้านี้ แต่ไม่พบใน Extender) ต่อด้วยการเข้าโค้งต่อเนื่อง เราอาศัยการควบคุมคันเร่ง และการหักเลี้ยวตามแนวโค้ง (มีการวางไพลอนเพื่อบีบไลน์การเข้าโค้งเล็กน้อย) โดยไม่ใช้การเบรคเลย พบว่าตัวรถสามารถเข้าโค้งได้มั่นคง ควบคุมทิศทางได้ดี อาการโคลงมีให้สัมผัสบ้าง แต่ไม่มากจนเกินไป ยางเริ่มมีเสียงขึ้นมาเล็กน้อยขณะเข้าโค้งต่อเนื่อง แต่ยังไม่เสียการควบคุมไลน์ในโค้ง ก่อนจบลงที่ส่วนทดสอบการดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนนของระบบรองรับ โดยการแล่นผ่านเชือกหนาที่ขึงพาดบนถนนสลับกันค่อนข้างถี่ ตัวรถสามารถผ่านแล่นได้ค่อนข้างนุ่มนวล แรงสั่นสะเทือนในห้องโดยสารไม่มากนัก จัดเป็นกระบะที่มีประสิทธิภาพบนทางเรียบที่น่าพอใจเช่นกัน
- สรุป: กระบะที่มีศักยภาพ อีกทางเลือกที่น่าสนใจ
MG Extender อาจต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเอง แต่เชื่อว่ารถกระบะรุ่นนี้มีดีพอที่จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่สนใจความแปลกใหม่ และน่าจะยืนระยะในตลาดกลุ่มนี้ไปได้อีกหลายปี เพราะบอกได้ว่างานนี้ MG “เขาเอาจริง” !!
MG Extender Double Cab (คลิคที่แต่ละรุ่นเพื่อดูตารางสเปค)
รุ่น DC 2.0 Grand D 6MT : 759,000 บาท
รุ่น DC 2.0 Grand D 6AT : 819,000 บาท
รุ่น DC 2.0 Grand X 6AT : 879,000 บาท
รุ่น DC 2.0 Grand 4WD X 6AT : 1,029,000 บาท
MG Extender Giant Cab (คลิคที่แต่ละรุ่นเพื่อดูตารางสเปค)
รุ่น GC 2.0 C 6MT : 549,000 บาท
รุ่น GC 2.0 D 6MT : 619,000 บาท
รุ่น GC 2.0 Grand D 6MT : 659,000 บาท
รุ่น GC 2.0 Grand D 6AT : 719,000 บาท
รุ่น GC 2.0 Grand X 6MT : 729,000 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม: MG Sales (Thailand) ABOUT THE AUTHOR

ภูเขม หน่อสวรรค์
คอลัมน์ Online : ทดลองขับ(4wheels)




