สำนักข่าว Bloomburg รายงานว่า มีความจำเป็นต้องเลื่อนการแนะนำ Ford Escape Plug-in Hybrid ไปเป็นปี 2564 หลังจากบรรดา SUV ที่จำหน่ายในยุโรป จำเป็นต้องเรียกกลับเข้ารับการตรวจสอบ อันเนื่องมาจากอาจเกิดไฟลุกไหม้ ขณะกำลังชาร์จกระแสไฟฟ้าให้กับชุดแบทเตอรีก่อนหน้านี้ Ford Escape Plug-in Hybrid มีแผนจะขึ้นสายการผลิต แต่ก็เลื่อนกำหนดออกไป หลังจากเกิดโรคระบาดร้ายแรง COVID-19 เนื่องจากการปิดโรงงาน 2 เดือน และกำหนดการแนะนำออกสู่ตลาดใหม่เป็นปี 2564 หลังจากเกิดปัญหากับรถรุ่น Kuga ที่ใช้ชิ้นส่วนร่วมกัน รวมถึงชุดแบทเตอรีและเครื่องยนต์ Mike Levine โฆษก Ford กล่าวว่า “เราจำเป็นต้องเลื่อนกำหนดการผลิตไปเป็นปีหน้า เพื่อการตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับ Kuga ในยุโรป” และ “เรายังไม่ได้จำหน่ายรถในสหรัฐอเมริกาเลยแม้แต่คันเดียว” เมื่อปีที่แล้ว โรงงาน Ford ที่ Louisville, Kentucky เป็นผู้ผลิตรุ่นปรับปรุงโฉม และอยู่ในขั้นตอนการปรับเปลี่ยนสายการผลิตจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นระบบไฮบริด โดยหลังจากความต้องการของตลาดในสหรัฐอเมริกา แต่สำหรับรถ SUV ขนาดเล็ก ลดลงถึง 23 % ในไตรมาสที่ 3 และลดลงทั้งสิ้น 32 % ในปีนี้ ทำให้เกิดปัญหาในสายการผลิต Ford ยุโรป กำลังอยู่ระหว่างการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Kuga อันเนื่องจากระบบระบายความร้อนของชุดแบทเตอรี หลังจากการเกิดอุบัติเหตุ มีรถไฟลุกไหม้ 7 คัน ในยุโรป ทำให้ต้องเรียกรถกลับเข้ารับการตรวจสอบ 20,500 คัน และอาจต้องใช้เวลามากกว่า 1 เดือน ในการแก้ปัญหานี้ ระบบไฟฟ้าในรถไฮบริด-ไฟฟ้า เป็นหัวใจสำคัญของ Ford ซึ่งลงทุนไปถึง 11.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการพัฒนาสายการผลิตเพื่อปรับให้เป็นการผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานแบทเตอรี โดยโรงงานแห่งนี้ มีแผนจะขึ้นสายการผลิต Mustang Mach-E ในเมกซิโก ปลายปีนี้ สำหรับรถที่เกิดปัญหา Ford แจ้งผู้บริโภคว่า สามารถใช้งานต่อไปได้ แต่อย่านำรถไปเสียบชาร์จไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์ไฮบริด สามารถทำงานอย่างไม่มีปัญหา พร้อมทั้งยืดระยะการรับประกันเพิ่มเติม รวมทั้งมอบคาร์ดเติมน้ำมันฟรี 500 ยูโร สำหรับผู้บริโภคที่ใช้ Kuga