ระเบียงรถใหม่
เผยโฉม All New Ford F-150 Raptor 2022

Ford F-150 Raptor 2021 มาพร้อมเครื่องยนต์ Ecoboost V6 ขนาด 3.5 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลัง 450 แรงม้า แรงบิด 691 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ และมีตัวแรงอย่าง Raptor R ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 จาก Mustang Shelby GT500 (มัสแตง เชลบี จีที 500) ให้กำลังมากกว่า 700 แรงม้า ซึ่งจะเปิดตัวตามมา
มีระบบลอคเฟืองท้ายเป็นมาตรฐาน และเฟืองท้ายลิมิเทด สลิพแบบ Torsen นอกจากนี้ ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้ง Slippery (ถนนลื่น), Tow/Haul (พ่วง/ลากจูง), Sport, Normal, Off Road, Baja และ Rock Crawl (ก้อนหิน) ซึ่งโหมดเหล่านี้ จะปรับการตอบสนองของพวงมาลัย ระบบกันสะเทือน การตอบสนองของคันเร่ง และเกียร์, ระบบควบคุมการทรงตัว, การทำงานของชอคอับ ที่มีความแตกต่างกัน มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ใหม่ Trail 1-Pedal Drive ที่สามารถใช้คันเร่งเพียงอย่างเดียว สำหรับการควบคุมความเร็วของรถในเส้นทางทุรกันดาร
เมื่อเราเหยียบคันเร่งรถก็เคลื่อนที่ตามปกติ แต่ถ้าถอนคันเร่งรถก็จะเบรคชะลอความเร็ว โดยไม่ต้องสลับเท้าไปเหยียบเบรค นอกจากนี้ ยังมีระบบ Trail Control ที่ทำงานเหมือน Cruise Control เพียงผู้ใช้ตั้งความเร็วที่ต้องการ ระบบจะเร่งและเบรคให้เอง โดยผู้ขับขี่ควบคุมเพียงพวงมาลัยเท่านั้น โดยออกแบบสำหรับเส้นทางทุรกันดารโดยเฉพาะ และยังมีกล้อง 360 องศา ช่วยในการดูอุปสรรครอบคัน
สำหรับยางเป็นของ BF Goodridge KO2 All Terrain รุ่นมาตรฐานขนาด 35 นิ้ว และสามารถเลือกยางเป็นขนาด 37 นิ้วได้ โดยตัวรถสามารถผ่านอุปสรรคที่มีความสูง 305 มม. (ในล้อ และยางขนาด 35 นิ้ว) และมีมุมปะทะ 31 องศา มุมจาก 23.9 และมุมคร่อม 22.7 องศา ในรุ่นที่มาพร้อมยางขนาด 37 นิ้ว จะมีระยะห่างจากพื้น 333 มม. พร้อมด้วยมุมปะทะเพิ่มเป็น 33.1 องศา มุมจาก 24.9 องศา และมุมคร่อม 24.4 องศา
Ford F-150 Raptor ปี 2021 ยังคงพัฒนาบนตัวถัง F-150 เช่นเดิม มีการปรับปรุงรายละเอียดบางส่วนเพิ่มเติม เปลี่ยนช่วงล่างหลังเป็นแบบ Five Link ใหม่ ช่วยให้มีความเกาะถนนมากยิ่งขึ้น เสริมด้วย Trailing Arm และชุดสปริงยาว 24 นิ้ว ติดตั้งเข้ากับชอคอับใหม่ FOX™ Live Valve ซึ่งเป็นระบบชอคอับที่มีระบบวาล์วระบายแรงดันน้ำมัน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม โดยผลิตจากอลูมิเนียมทั้งหมด ควบคุมด้วยระบบอีเลคทรอนิค สามารถปรับแรงดันภายในชอคอับให้เหมาะกับสภาพถนนที่ขับขี่
โดยตอบสนองทันที เนื่องจากมีเซนเซอร์ตรวจจับการโยกขึ้น/ลงของชอคอับ เพื่อปรับ Damping Rate แต่ละด้านอย่างอิสระ สามารถคำนวณได้มากถึง 500 ครั้ง/วินาที และยังมีความนุ่มนวลในการขับขี่ที่ดีกว่ารุ่นเดิม นอกจากนี้ ในทางฝุ่น และการไต่หินตัวรถจะมีระยะยืดของล้อมากกว่าเดิม โดยมีระยะยืดได้ถึง 14 นิ้ว ทางด้านหน้า และ 15 นิ้ว ทางด้านหลัง มากกว่า Raptor รุ่นแรกถึง 25 %
ภายในห้องโดยสารเป็นเบาะหนัง Recaro สีน้ำเงิน Light Speed หน้าจอกลางระบบทัชสกรีน ขนาด 12.0 นิ้ว พร้อมระบบ Infotainment Sync 4 ของ Ford ซึ่งให้ข้อมูลการจราจร และระบบนำทางรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto มีพอร์ทชาร์จ USB 4 พอร์ท ระบบความปลอดภัย Co-Pilot 360 2.0 ของ Ford ซึ่งได้เพิ่มระบบช่วยจอดที่ชาญฉลาดขึ้น พร้อมระบบ Active Drive Assist 

