รายงานข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ค่าย Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งรายงานว่า สามารถทำกำไรได้จากการจำหน่ายรถไฟฟ้า หลังจากที่ลงทุนสร้างโรงงานไปมหาศาล ในหลากหลายประเทศทั่วโลก แม้ว่าผลกำไรต่อคันจะสูงมากก็ตาม แต่รายได้ที่ได้เข้ามาก่อนหน้านี้นั้น หายไปกับการวิจัยและพัฒนา ที่จำเป็นต้องกระทำกันอยู่ตลอดเวลาสำนักวิจัย Morgan Stanley ประเมินว่า ส่วนต่างของผลกำไรเหล่านั้น 20 % ที่บรรดารถระดับหรูสามารถทำได้ในปัจจุบัน แม้ว่าโรงงาน Fremont ในแคลิฟอร์เนีย จะได้ชื่อว่าเป็นโรงงานที่มีค่าใช้จ่ายในการผลิตต่อคัน สูงที่สุดในโลก แต่คำถามในปัจจุบัน ก็คือ ความแตกต่างระหว่างราคาของรถยนต์ไฟฟ้ากับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งผู้ผลิต หรือผู้บริโภค ต่างตั้งคำถามไว้ในใจว่า เมื่อใด ราคาของรถทั้ง 2 ประเภทนี้ จะใกล้เคียงกันมากที่สุด ผู้รู้บางคนระบุว่า ในเวลาอีกไม่กี่ปีเท่านั้น แต่บางคนก็บอกว่า น่าจะในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษนี้ แต่ผู้คนส่วนใหญ่ ยังคงส่ายหน้า เมื่อได้รับคำถามว่า ทำไมราคาของรถทั้ง 2 ประเภทนี้ จะมีราคาจำหน่ายที่แตกต่างกันมาก แต่สำหรับผู้ผลิตรถไฟฟ้าในบางประเทศ หรือบางมลรัฐ ก็ให้เงินสนับสนุน การซื้อ ด้านภาษีอากร เพื่อช่วยให้ราคาจำหน่ายรถไฟฟ้า เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ ในขณะที่บางประเทศที่ไม่มีมาตรการสนับสนุนเหล่านี้ ราคาจำหน่ายของรถไฟฟ้า ผู้บริโภคทั่วไป แทบไม่สามารถเข้าถึงได้ และที่ขายได้ ก็เพราะความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง Morgan Stanley ประเมินว่า ผลกำไรของโรงงานในเบร์ลิน, ออสติน หรือโรงงาน Giga factory อยู่ระะหว่าง 1,000-1,500 แต้ม ที่สูงกว่าโรงงานฟรีมอนท์ เมื่อยอดการผลิตเพิ่มสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการผลิตก็จะลดลงตามสัดส่วน และผลกำไรก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ถ้าอย่างนั้น Tesla ได้ผลกำไรมากจริงหรือเปล่า Morgan Stanley ระบุว่า แผนงานสูงสุดของ Tesla คือ การขยายงานไปจนราคาของรถไฟฟ้า Tesla ต่ำสุด เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้มากที่สุด เพราะในอนาคต Tesla ต้องการผลกำไรที่มากกว่า ไม่ใช่เพียงจากการจำหน่ายรถไฟฟ้า แต่จากธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ที่สามารถทำเงินได้ ไม่ว่าจาก ซอฟท์แวร์, ระบบการขับเคลื่อนด้วยตนเอง, ประกันภัย, โรโบ-แทกซี และอื่นๆ เพื่อให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นเร็วที่สุด Tesla จำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิตให้มากที่สุด วิศวกร ก็ต้องทำงานในโรงงานมากขึ้น “เราเชื่อว่า รถไฟฟ้า Tesla ราคาจะอยู่ระหว่าง 20,000 เหรียญสหรัฐฯ/คัน ภายในศตวรรษนี้ หรือประมาณ 600,000 บาท” นั่นคือ ครึ่งหนึ่งของราคารถรุ่น Model 3 ที่ขายอยู่ประมาณ คันละ 40,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,200,000 บาท ขณะที่ผู้ผลิตรถไฟฟ้าเจ้าอื่นๆ ก็จำเป็นต้องทำตาม นักวิเคราะห์ระบุว่า “เราเชื่อว่าราคาของรถไฟฟ้า จะเหลือประมาณคันละ 10,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 300,000 บาท” และ “ผลกำไรของผู้ผลิต จะมาจากหลายส่วนด้วยกัน ทั้งจากการขายรถ หรือซอฟท์แวร์ หรือตัวรถเองก็ตาม” Morgan Stanley ระบุว่า Tesla จะใช้จ่ายประมาณปีละ 27 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 810 ล้านบาท ภายในปี 2570 ในการวิจัยและพัฒนา ซึ่งมากกว่าที่ Apple ใช้อยู่ในปัจจุบัน และมากกว่างบประมาณของ NASA ผู้ผลิตอากาศยานที่เดินทางนอกโลกเสียอีก