ระเบียงรถใหม่
เปิดตัว MG5 Electric (EP) รุ่นปรับโฉมในยุโรป

MG5 Electric 2022 มีการปรับดีไซจ์นด้านหน้าใหม่ กระจังหน้าที่ช่องดักอากาศถูกปิดลง และติดตั้งช่องเสียบสำหรับชาร์จไฟ โลโก MG ถูกย้ายขึ้นไปอยู่ที่ฝากระโปรงหน้า ไฟหน้า LED ทรงเรียวยาวพร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน LED Daytime Running Light พร้อมระบบควบคุมการเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กันชนหน้าถูกออกแบบขึ้นใหม่
ด้านท้ายปรับเปลี่ยนใหม่ ไฟท้ายดีไซจ์นล้ำสมัย เส้นไฟ LED รูปตัว Y เชื่อมต่อทั้ง 2 ฝั่งด้วยเส้นโครเมียม สปอยเลอร์หลังคาด้านท้ายมาพร้อมไฟเบรคดวงที่ 3
มิติตัวถัง ยาวxกว้างxสูง : 4,544x1,811x1,513 มม.
ระยะฐานล้อ : 2,665 มม.
น้ำหนักรถ : 1,532-1,550 กก.
ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย : 578-1,456 ลิตร เมื่อพับเบาะแถว 2 ลง
MG5 Electric Minorchange ถูกปรับดีไซจ์นภายในให้ดูทันสมัยมากขึ้น แผงแดชบอร์ดที่บริเวณช่องแอร์ตกแต่งด้วยแถบสีฟ้า เพื่อให้อารมณ์เป็นรถพลังงงานไฟฟ้า พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน หน้าจออินโฟเทนเมนท์แนวนอนยาวขนาด 10.25 นิ้ว ที่เอียงทำมุมให้หันเข้ามาหาผู้ขับขี่ รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto
มาพร้อมระบบ MG i-SMART เวอร์ชันใหม่ ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารให้เข้ากับรถยนต์ได้ดียิ่งขึ้น สามารถสั่งการด้วยเสียง ระบบแอร์ปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมแผ่นกรอง PM2.5 คอนโซลกลางเป็นแบบลอยตัว ลดการใช้ปุ่มควบคุมต่างๆ มีเพียงที่ปรับเปลี่ยนเกียร์ที่เป็นแบบหมุน ทำให้รถดูเรียบหรูมากยิ่งขึ้น
ล้อหน้าขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 115 กิโลวัตต์ (156 แรงม้า) และแรงบิด 260 นิวตัน-เมตร เริ่มแรก MG5 Electric จะมีแบทเตอรี 61.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง และระยะทาง 400 กม. (WLTP) ในระยะต่อมาจะมีการนำเสนอรุ่นที่มีแบทเตอรีขนาด 50.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งวิ่งได้ระยะทาง 320 กม.
อัตราเร่งจาก 0-100 กม. ทำได้ 8.3 วินาที ทำความเร็วสูงสูดที่ 185 กม./ชม. มีพละกำลังในการลากจูงอยู่ที่ 500 กก. ระบบช่วงล่างหน้า เป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ระบบช่วงล่างหลังเป็นทอร์ชันบีม มาพร้อมกับระบบชาร์จเร็วที่ติดตั้งระบบ AC Fast Charging แบบ 3 เฟส ขนาด 11 กิโลวัตต์ ที่ทำความเร็วในการชาร์จไฟ จาก 0-80 % ใช้เวลาเพียง 30 นาที ส่วนถ้าชาร์จไฟ AC ขนาด 7 กิโลวัตต์ จะชาร์จเต็มในเวลา 9 ชม. นอกจากนั้นยังสามารถปล่อยกระแสไฟเพื่อสำหรับการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกได้อีกด้วย
MG5 Electric 2022 ได้ติดตั้งระบบความปลอดภัย MG Pilot เต็มรูปแบบเหมือนรุ่นที่ผ่านมา เช่น ระบบควบคุมความเร็วให้เหมาะสมกับสภาพการจราจร, ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบที่ช่วยควบคุมความเร็วในการขับขี่ และปรับความเร็วอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และกล้อง 360 องศารอบคัน
ด้านราคา MG ยังไม่ได้เปิดเผยตัวเลขออกมา คาดว่าจะมีราคาที่ต่ำกว่า 30,000 ยูโร หรือประมาณ 1.1 ล้านบาท และจะเริ่มวางจำหน่ายในยุโรปช่วงไตรมาสแรกของปี 2022
ส่วนในบ้านเรานั้น MG EP จะได้รับการปรับเปลี่ยนโฉมเมื่อไหร่ คงต้องรอลุ้นกันอีกคร้้ง 

