ค่าย Honda ค่อนข้างระมัดระวังในการเปลี่ยนกระบวนการผลิตจากรถสันดาปภายใน เป็นรถพลังงานไฟฟ้า เพราะเชื่อว่าในความเป็นจริง ความต้องการใช้รถพลังงานไฟฟ้าไม่สูงมากเท่าที่บริษัทผู้ผลิตทั่วไปคาดการณ์ไว้ และรถพลังงานไฟฟ้ายังต้องการให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนด้วยการชดเชยในรูปแบบต่างๆ ให้กับบริษัทรถที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ จะเป็นกลไกสำคัญ ในการจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาซื้อรถไฟฟ้าได้หลากหลายทางเลือกมากขึ้นข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ค่าย Honda ประกาศแผนยุติการผลิตรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน และหันมาผลิตรถพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัวในปี 2583 หากพิจารณาแผนของ Honda จะเห็นว่าใช้เวลาค่อนข้างนาน หากเทียบกับแผนของผู้ผลิตรายอื่น โดยเริ่มจากการเปิดตัว Honda Clarity PHEV และ Honda e รถไฟฟ้า BEV แม้ว่าแผนการจะใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่นับได้ว่าเป็นบริษัทแรกๆ ที่ประกาศเป้าหมายได้อย่างชัดเจน ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องเพื่อปรับสมดุลให้กับสิ่งแวดล้อม แม้ว่า Honda ยังไม่ได้แถลงทิศทางการผลิตรถพลังงานไฟฟ้าในอนาคตอย่างชัดเจน แต่พอจะเห็นได้ว่า Honda ได้เล็งไปยังตลาดในสาธารณรัฐประชาชนจีน มีเป้าหมายจะทำยอดขายรถไฟฟ้าให้ได้ 800,000 คัน ในปี 2583 แม้ว่าจะเป็นจำนวนมหาศาล ปีที่แล้ว Honda สามารถทำยอดขายรถ EV ในจีนได้เกือบ 10,000 คัน หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการระดับภูมิภาคของ Honda กล่าวว่าเป้าหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะกลับมาครองตลาดรถในภูมิภาคนี้ ที่มีการแข่งขันสูงแห่งหนึ่งในโลก และมีแผนจะผลิตแบทเตอรีโซลิดสเตท สำหรับรถไฟฟ้า ได้ทำการวิจัย และพัฒนาโดยหน่วยงานภายในของบริษัทเอง แบทเตอรีโซลิดสเตทที่ผลิตออกมา จะส่งไปยังโรงงานในเครือข่ายของ Honda ที่ใช้งานแบทเตอรีความจุสูง และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน Honda คาดว่าจะผลิตแบทเตอรีโซลิดสเตท เพื่อจำหน่ายในทศวรรษนี้ และหากมีการยอมรับมากขึ้น ทางบริษัทต้องขยายแหล่งจ่ายวัตถุดิบในการผลิต จากจีน และเกาหลีใต้ คงต้องขยายไปถึงสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันได้ตกลงกับทาง General Motors เรียบร้อยแล้ว ในอนาคตแผนการผลิตรถไฟฟ้า จะเน้นการผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก กำหนดเปิดตัวในปี 2567 และต้องผลิตจำนวนมาก เพื่อลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลง รวมถึงการเลือกใช้แบทเตอรี ที่มีแหล่งวัตถุดิบในจีน และเกาหลีใต้ แต่สำหรับรถ เอสยูวี ขนาดใหญ่อย่าง Honda Prologue นั้น คงต้องใช้แบทเตอรีที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา