ไทยเล็งเก็บภาษีคาร์บอนในน้ำมัน คาดเริ่มปีงบประมาณ 2568
กรมสรรพสามิต เตรียมจัดเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาแนวทาง ซึ่งจะเป็นกลไกภาคบังคับให้ภาคธุรกิจ และทุกส่วนที่เกี่ยวข้องมีการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยจะเริ่มจากภาษีคาร์บอนในน้ำมันก่อน หากมีการพิจารณาแล้วว่าสามารถดำเนินการได้ จะมีการเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป โดยยืนยันว่าการดำเนินการในระยะแรก จะไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน
สำหรับภาษีคาร์บอนในน้ำมันนั้น จะมีการดึงมาตรฐานสากลมาใช้ในการคำนวณ คือ เป็นการจัดเก็บจากต้นน้ำ ยกตัวอย่าง ที่ผ่านมาการจัดเก็บภาษีรถยนต์ ในอดีตจัดเก็บตามกระบอกสูบ และขณะนี้เปลี่ยนจากการจัดเก็บภาษีดังกล่าว เป็นจัดเก็บจากการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งรถยนต์คันหนึ่ง หากปล่อยคาร์บอนเกิน 200 กรัม/กม. จะต้องเสียอัตราภาษี 35 % แต่หากต่ำกว่า 150 กรัม/กม. จะต้องเสียภาษี 25 %
การจัดเก็บภาษีคาร์บอน ในระยะแรกจะเริ่มจากน้ำมัน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจากการจัดเก็บต่อลิตร แปลงเป็นการเก็บภาษีต่อการปล่อยคาร์บอน กล่าวคือ พิกัดภาษีคาร์บอนจะแทรกอยู่ในภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เช่น ปัจจุบันมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล อยู่ที่ 6.44 บาท/ลิตร และภาษีคาร์บอนจะผูกกับการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งน้ำมันดีเซล 1 ลิตรจะปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ 0.0026 ตันคาร์บอน และกรมฯ ได้เสนอกระทรวงการคลัง ให้จัดเก็บภาษีในอัตรา 200 บาท/ตันคาร์บอน และหากสามารถดำเนินการได้จริง จะทำให้ไทยกลายเป็นประเทศที่ 2 ในอาเซียนที่มีการดำเนินการเรื่อง Carbon Tax ต่อจากสิงคโปร์ โดยในบ้านเราคาดว่าจะสามารถเริ่มจัดเก็บภาษีคาร์บอนได้ในปีงบประมาณ 2568 (เริ่มเดือนตุลาคม 2567)
ตัวอย่าง
- การเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่ 6.44 บาท/ลิตร จะมีการรายงานแสดงแยกให้ประชาชนทราบว่าเป็น ภาษีคาร์บอน 0.44 บาท และเป็นภาษีสรรพสามิต 6.00 บาท แปลว่าประชาชนเสียค่าน้ำมันเท่าเดิม แต่ในนั้นจะมีภาษีสรรพสามิตอยู่ประมาณ 6 บาท และอีก 0.44 บาทเป็นภาษีคาร์บอน (ราคาอ้างอิงจากมูลค่า 200 บาท/ตันคาร์บอน)
อ่านต่อ : ขึ้นราคา ดีเซล อีก 50 สต. พุ่ง 32.44 บาท