ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Volvo (โวลโว) เป็นอีกบริษัทที่ปรับแผนการผลิต จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้าล้วนในปี 2573 แต่สถานการณ์ยอดขายรถไฟฟ้าลดลงทั่วโลก ทำให้บริษัทต้องปรับแผนเป็นการทำยอดขายรถไฮบริด และรถไฟฟ้าให้ได้ 90-100 % ในปลายทศวรรษนี้ (2573) โดย Volvo ยอมรับว่ารถที่ไม่มีพอร์ทชาร์จ ยังเป็นที่ต้องการไปนานกว่าความคาดหมายครั้งแรก
Volvo เชื่อว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้การบรรลุเป้าหมายเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้า 100 % ล่าช้ากว่ากำหนด ทั้งความล่าช้าในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น เรื่องที่บางประเทศปรับลด หรือยกเลิกการให้เงินชดเชยการซื้อรถไฟฟ้า การขยายตัวของสถานีชาร์จเริ่มลดลง รวมทั้งการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้ารถไฟฟ้าของบางประเทศ
Volvo คาดการณ์ว่าภายในปี 2568 รถแบบมีพอร์ทชาร์จ (PHEVs+EVs) จะส่งมอบได้ 50-60 % จากยอดส่งมอบในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ส่งมอบรถได้ 48 % โดยในเดือนเมษายน-มิถุนายนปีนี้ รถไฟฟ้า (BEV) ส่งมอบได้ 26 % ทางบริษัทฯ ต้องปรับแผนกลยุทธ์การลงทุนเป็นการผลิตรถไมล์ดไฮบริด และรถพลัก-อิน ไฮบริด ตามความต้องการของลูกค้า
อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวบริษัท Volvo มีเป้าหมายเป็นผู้ผลิตที่สร้างคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2583 บริษัท Volvo จึงเป็นอีกบริษัท ที่ปรับเป้าหมายการเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้า 100 % หลังจากการปรับแผนของหลายบริษัทอย่าง Porsche (โพร์เช), Mercedes (เมร์เซเดส), Bentley (เบนท์ลีย์) และ Ford (ฟอร์ด) ในยุโรป ที่ต้องเลื่อนเป้าหมายการผลิตของบริษัทออกไป โดยปรับตามความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก