ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
Mitsubishi เปิดตัว Pajero Sport Prime
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะตอบสนอง ทุกความต้องการของลูกค้า เปิดตัว Mitsubishi Pajero Sport Prime (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท พไรม์) ใหม่ พัฒนาขึ้นจากความต้องการของลูกค้า มาพร้อมความคุ้มค่า ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยเหนือระดับสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารทุกที่นั่ง ในราคาเดิม มอบนิยามของการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกไลฟ์สไตล์
เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เราให้ความสำคัญสูงสุดกับความต้องการของลูกค้า และมุ่งมั่นที่จะตอบสนองต่อความต้องการนั้น Mitsubishi Pajero Sport Prime ใหม่ คือ รุ่นเริ่มต้นของรถอเนกประสงค์ยอดนิยม ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ครบครันมากขึ้น ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ โดยไม่ปรับเพิ่มราคา แต่ยกระดับความสะดวกสบาย และความปลอดภัยในแบบที่ลูกค้าชาวไทยต้องการ
“ด้วยยอดขายที่ผ่านมากว่า 200,000 คัน ถือเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ เราพัฒนาคุณภาพรถยนต์ที่มีฟังค์ชันการใช้งานครบครัน ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มความมั่น ใจ ด้วยบริการหลังการขายจากศูนย์บริการของผู้จำหน่ายที่มีศักยภาพพร้อมให้บริการหลังการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และครอบคลุมด้วยเครือข่ายผู้จำหน่ายเกือบ 200 แห่งทั่วประเทศ”
Mitsubishi Pajero Sport Prime ใหม่ มาพร้อมกับความคุ้มค่ากว่าเดิมด้วยฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ 360 องศา (Diamond Sense) : ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสาย ตา พร้อมสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Blind Spot Warning with Lane Change Assist : BSW with LCA) ระบบเตือนด้านหลัง ขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert : RCTA) เสริมความปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัยจากเดิม 2 ตำแหน่ง (บริเวณผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า) เพิ่มอีก 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วยถุงลมด้านข้าง และม่านถุงลม พร้อมถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านผู้ขับขี่ รวมทั้งสิ้น 7 ตำแหน่ง และมีจอแสดงผลการขับขี่ใหม่แบบ Full Digital ขนาด 8 นิ้ว พร้อมด้วย เบาะปรับดันหลังด้วยไฟฟ้าด้านผู้ขับ (Power Lumbar Support)
เทคโนโลยี Diamond Sense อื่นๆ ประกอบด้วย ระบบลอคความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control : ACC) กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor : MAM) และระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation System : FCM) เพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
ภายในห้องโดยสารสะดวกสบายด้วยการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน Apple Car Play และ Android Auto จอเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ขนาด 12.1 นิ้ว มาพร้อมกับรีโมท หูฟังอินฟราเรด และเชื่อมต่อ HDMI และ USB เพื่อความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และระบบชาร์จอุปกรณ์ไร้สาย พิถีพิถันในทุกรายละเอียดไปกับการตกแต่งด้วยสีเงิน และ Piano Black เหนือระดับความทันสมัย และความหรูหรา
พลังการควบคุมที่เหนือชั้นด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร Hyper Power แรง ประหยัดน้ำมัน ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 3,500 รตน. และแรงบิดสูงสุด 430 นิวทันเมตร ที่ 2,250-2,500 รตน. ประหยัดน้ำมัน 15.2 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker)
Mitsubishi Pajero Sport Prime ใหม่ คงราคาเดิมที่ 1,389,000 บาท ตอกย้ำนิยามความเป็นรถพีพีวีอเนกประสงค์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ที่ต้องการกำหนดทุกความสำเร็จด้วยตัวเอง โดยมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเงิน Blade Silver สีดำ Jet Black Mica สีเทา Graphite Grey และสีขาว White Diamond (ราคาเพิ่ม 15,000 บาท)
Mitsubishi Pajero Sport Prime ใหม่ มาพร้อมกับแคมเปญพิเศษ
• ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. 1 ปี
• ฟรี ประกันคุณภาพ พร้อมค่าแรงเชคระยะ 5 ปี/ 100,000 กม.
• ฟรี ชุดอุปกรณ์เชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi (Wi-Fi Dongle)
• เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษ 1.09 % กับสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ
• เลือกรับ แพคเกจบำรุงรักษา 5 ปี/ 100,000 กม. พร้อมขยายบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. 5 ปี
• ครอบครัว Mitsubishi รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 30,000 บาท ผ่านแอพพลิเคชัน M-Drive
หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
..............................................................................................................
MG ตั้งเป้าขึ้นแท่น Top 3 ภายในทศวรรษที่ 2
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์ MG (เอมจี) ในประเทศไทย กำหนดทิศทางแบรนด์ และกลยุทธ์การตลาดในประ เทศไทย ภายในงาน “MG Dealer Conference 2025” ตั้งเป้ายกระดับแบรนด์ทุกมิติทั้งการนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์คุณภาพสูงครบทุกเซกเมนท์ ทั้งเครื่องยนต์ไฮบริด และไฟฟ้าด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัย ในปีนี้ เตรียมพร้อมก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ที่จะเปิดตัวภายในงาน Bangkok International Motor Show 2025 พร้อมปรับภาพลักษณ์ผู้แทนจำ หน่ายดันมาตรฐานการขาย และบริการหลังการขายทุกโชว์รูมให้เทียบเท่ากับ MG EVolution Showroom ตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ลูกค้ารถยนต์ไฟฟ้าด้วยการเป็นแบรนด์แรก และแบรนด์เดียวที่ประ กาศเพิ่มการรับประกันคุณภาพแบทเตอรีแรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน (Lifetime Warranty) พร้อมตั้งเป้าครองส่วนแบ่งทางการตลาด 5 % และทะยานสู่ Top 3 ภายในทศวรรษที่ 2 ของแบรนด์
ซู๋ว หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด เผยว่า ปี 2024 ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยนับเป็นปีที่มีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภคคนไทยมากขึ้น โดยมาพร้อมความโดดเด่นที่หลากหลายมิติทั้งดีไซจ์น นวัตกรรม และกลยุทธ์ด้านราคา อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยมีประ มาณการการผลิตรถยนต์ที่ 1.6 ล้านคัน แบ่งเป็นการส่งออก 1.05 ล้านคัน และจำหน่ายในประเทศ 550,000 คัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนให้ความสนใจ และมีนัยยะสำคัญต่อการเติบโตของตลาดยานยนต์ นั่นคือ “ปริมาณความต้องการรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยังคงมีเพิ่มขึ้น” โดยที่ผ่านมามียอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 70,000 คัน มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากนโยบายสนับ สนุนด้านเงินอุดหนุนการซื้อรถไฟฟ้า ทั้งโครงการของรัฐ EV 3.0 และ EV 3.5 อย่างไรก็ตาม คาดว่าการเติบโตของตลาดยานยนต์ไทยในปีนี้ยังคงเติบโตต่อเนื่อง เหตุเพราะการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเอเชีย (EV Hub) รวมถึงโมเดลธุรกิจ และกระบวนการผลิตที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทย และโอกาสการขยายตัวจากความนิยมรถยนต์ไฮบริด (Hybrid) ที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน
“ปีที่ผ่านมา นับเป็นปีที่มีความท้าทายมาก MG ได้แนะนำรถยนต์ใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ New MG Maxus 7 (เอมจี แมกซัส 7) ใหม่ รถยนต์ไฟฟ้า 100 % แบบอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง หรือ E-MPV และ All New MG3 Hybrid+ (เอมจี 3 ไฮบริด พลัส) ใหม่ รถแฮทช์แบค ในกลุ่ม B-Segment ที่ได้รับการโหวทจากผู้สื่อข่าวสายยานยนต์ของไทยเป็น Thailand Car of The Year ปี 2024 รวมทั้งความทุ่ม เทในการทำแคมเปญการตลาด และส่งเสริมการขาย และได้รับความร่วมมือที่ดีในการผลักดันการขายจากผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ ทำให้ MG สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 17,000 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 3 % โดยเป็นลำดับที่ 7 ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ปัจจุบัน MG มียอดขายสะสมรวมมากกว่า 200,000 คัน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของลูกค้า และฐานลูกค้าที่แข็ง แกร่ง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสู่การเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้ ในปี 2024 MG ได้กำหนดทิศทาง และกลยุทธ์การตลาดที่มีผลิตภัณฑ์ยานยนต์คุณภาพสูง ด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยีล้ำสมัยครบทุกเซกเมนท์ ทั้งเครื่องยนต์สันดาป ไฮบริด และยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมทั้งสร้างรากฐานของระบบนิเวศของแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ทั้งโชว์รูม และบริการหลังการขายที่จะยกระดับเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การขับขี่ และการบริการเหนือระดับเพื่อสร้างความประทับใจใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า สำหรับในปี 2025 นี้ เราได้เตรียมนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ไม่ต่ำกว่า 2 รุ่น โดยเตรียมเปิดตัวภายในงาน Bangkok International Motor Show 2025
พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญเพื่อให้คนไทยอุ่นใจ และสบายใจในการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า MG กับการเป็นแบรนด์แรก และแบรนด์เดียวที่ประกาศเพิ่มของการรับประกันคุณภาพแบทเตอรีแรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน (Lifetime Warranty) เอกสิทธิ์สำคัญของแบรนด์ เพื่อช่วยคลายความกังวลใจของลูกค้าเกี่ยวกับความทนทานของระ บบไฟฟ้า และเพิ่มมูลค่าให้แก่รถมือสองอีกด้วย ด้านการพัฒนาเทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชันที่ 2 ของ MG ยังโดดเด่นในด้านความประหยัดน้ำมัน และสมรรถนะที่ทรงพลัง ซึ่งช่วยให้ลูกค้ามั่นใจ และส่งเสริมการขายนำไปสู่การตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ของกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนี้ ในด้านเครือข่าย MG ได้มุ่งเน้นกลยุทธ์ปรับเปลี่ยนโครงสร้าง และการนำเสนอให้มีความทันสมัยทันต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ผ่านการปรับภาพลักษณ์โชว์รูม MG ทั่วประเทศ ให้มีรูปแบบเดียวกันกับ MG EVolution Showroom ซึ่งเป็นรูปแบบของโชว์รูม และศูนย์บริการ MG ให้ดูทันสมัย เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน สำหรับด้านบริการหลังการขาย MG พร้อมรับฟังเสียงตอบรับจากลูกค้าตลอดเวลา โดยได้มีการวางแผนเพื่อเร่งยกระดับคุณภาพบริการ ปรับปรุงนโยบายหลังการขาย และทำให้การบริการหลังการขายมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ดี และพึงพอใจมากยิ่งขึ้น เสริมภาพลักษณ์ที่ดีที่แข็งแกร่งนำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นต่อกลุ่มเป้าหมายในอนาคต
ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อสร้างสรรค์ระบบนิเวศของแบรนด์ MG ในปี 2025 นี้ เราได้วางเป้าหมายครองส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 5 % และวางหมุดหมายสำคัญในทศวรรษที่ 2 โดยการขึ้นเป็นแบรนด์รถ ยนต์ Top 3 ของประเทศไทย ด้วยการนำเสนอยานยนต์คุณภาพที่ผสานนวัตกรรม และเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองความต้องการ และตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทยครบทุกเซกเมนต์ ทั้งในกลุ่มเครื่องยนต์ไฮบริด และเครื่องยนต์ไฟฟ้า
สำหรับภายในงาน “MG Dealer Conference 2025” จัดขึ้นเพื่อแถลงนโยบาย และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของ MG ในประเทศไทย โดยในงานนี้ MG ได้มีการมอบรางวัลอันทรงเกียรติ “MG Dealer Award 2024” ที่เป็นเครื่องการันตีในคุณภาพให้แก่ผู้แทนจำหน่ายที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในด้านต่างๆ ประกอบด้วย
รางวัล Excellence Award มอบให้แก่กลุ่มผู้แทนจำหน่ายที่ผ่านการประเมินรอบด้านทั้งการขาย การบริการหลังการขาย และกิจกรรมทางการตลาด และสิ่งอำนวยความสะดวกในโชว์รูม 2 รางวัล
ในกลุ่มจังหวัดกรุงเทพฯ และปริมณฑล
อันดับที่ 1 : บริษัท เคพีออโต้คลองหลวง จำกัด
ในกลุ่มจังหวัดขนาดกลาง และขนาดเล็ก
อันดับที่ 1 : บริษัท เอ็มจี สุโขทัย จำกัด
รางวัล Best Sales Performance มอบให้แก่กลุ่มผู้แทนจำหน่ายที่มียอดขายปลีกสูงสุดในประเทศ
อันดับที่ 1 : กลุ่มผู้แทนจำหน่ายในเครือ บริษัท เอ็มจี เอเบิล มอเตอร์ส จำกัด
อันดับที่ 2 : กลุ่มผู้แทนจำหน่ายในเครือ บริษัท อารีมิตร เอ็มจี จำกัด
รางวัล Best Sales Performance มอบให้แก่ผู้แทนจำหน่ายที่มียอดขายปลีกสูงสุด ในกลุ่มจังหวัดกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 2 รางวัล
อันดับที่ 1 : บริษัท 824 จำกัด
อันดับที่ 2 : บริษัท เคพีออโต้คลองหลวง จำกัด
รางวัล Best Sales Performance มอบให้แก่ผู้แทนจำหน่ายที่มียอดขายปลีกสูงสุด ในกลุ่มหัวเมือง และจังหวัดขนาดใหญ่
อันดับที่ 1 : บริษัท เอ็มจี จันทบุรี จำกัด
รางวัล Best Sales Performance มอบให้แก่ผู้แทนจำหน่ายที่มียอดขายปลีกสูงสุด ในกลุ่มจังหวัดขนาดกลาง และขนาดเล็ก
อันดับที่ 1 : บริษัท เอ็มจี แอล.เค.เอส. ลำนารายณ์ จำกัด
รางวัล Best Sales Volume (ICE) มอบให้แก่กลุ่มผู้แทนจำหน่ายที่มียอดขายรถยนต์สันดาปสูงสุด 3 อันดับแรกของประเทศ
อันดับที่ 1 : กลุ่มผู้แทนจำหน่ายในเครือ บริษัท เอ็มจี กรุงเทพ จำกัด
อันดับที่ 2 : กลุ่มผู้แทนจำหน่ายในเครือ บริษัท เบส ออโต้ เซลส์ จำกัด
อันดับที่ 3 : กลุ่มผู้แทนจำหน่ายในเครือ บริษัท เอ็มจี รุ่งเจริญ จำกัด
รางวัล Best Sales Volume (EV) มอบให้แก่กลุ่มผู้แทนจำหน่ายที่มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุด 3 อันดับแรกของประเทศ
อันดับที่ 1 : กลุ่มผู้แทนจำหน่ายในเครือ บริษัท เอ็มจี กรุงเทพ จำกัด
อันดับที่ 2 : กลุ่มผู้แทนจำหน่ายในเครือ บริษัท เบส ออโต้ เซลส์ จำกัด
อันดับที่ 3 : บริษัท 824 จำกัด
รางวัล Best Market Share มอบให้แก่ผู้ที่สามารถสร้างส่วนแบ่งการตลาดรายจังหวัดสูงสุดในประเทศ
อันดับที่ 1 : บริษัท เอ็มจีลักซูรี่ หาดใหญ่ จำกัด (สาขาภูเก็ต)
อันดับที่ 1 : บริษัท ภูเก็ตปิยะเอ็มจี จำกัด
อันดับที่ 1 : บริษัท เอ็มจี ภูเก็ต จำกัด
อันดับที่ 2 : บริษัท เอ็มจี สุโขทัย จำกัด
อันดับที่ 3 : บริษัท เอ็มจี เอ.เอส.กรุ๊ป จำกัด
รางวัล Best CSI มอบให้แก่ผู้แทนจำหน่ายที่มีคะแนนจากการสำรวจความพึงพอใจลูกค้าด้านบริการหลังการขายสูงสุด 3 รางวัล
กลุ่มกรุงเทพฯ และปริมณฑล : บริษัท เบส ออโต้ เซลส์ จำกัด (สำนักงานใหญ่ ถนนเพชรเกษม)
กลุ่มหัวเมือง และจังหวัดขนาดใหญ่ : บริษัท เบส ออโต้ เซลส์ จำกัด (สาขาหางดง)
กลุ่มจังหวัดขนาดกลาง และขนาดเล็ก : บริษัท ซีเอ็นเอ็กซ์ ออโต้ จำกัด (ลำพูน)
รางวัล Best Part Performance มอบให้แก่ผู้แทนจำหน่ายที่มียอดสั่งซื้ออะไหล่สูงสุด 3 รางวัล
อันดับที่ 1 : บริษัท เคพีออโต้คลองหลวง จำกัด
อันดับที่ 2 : บริษัท เซควอญ่า หลักสี่ จำกัด (สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดี-รังสิต)
อันดับที่ 3 : บริษัท เบส ออโต้ เซลส์ จำกัด (สำนักงานใหญ่ ถนนเพชรเกษม)
รางวัล Best Accessory Performance มอบให้แก่ผู้แทนจำหน่ายที่มียอดสั่งซื้ออุปกรณ์ตกแต่งรถสูงสุด 3 รางวัล
อันดับที่ 1 : บริษัท เคพีออโต้คลองหลวง จำกัด
อันดับที่ 2 : บริษัท เบส ออโต้ เซลส์ จำกัด (สำนักงานใหญ่ ถนนเพชรเกษม)
อันดับที่ 3 : บริษัท เบส ออโต้ เซลส์ จำกัด (สาขาหางดง)
..............................................................................................................
Motor Expo 2024 ประกาศรายชื่อผู้โชคดี
เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา บริษัท สื่อสากล จำกัด ผู้จัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” จัดงานจับสลากมอบโชคแก่ผู้โชคดีจากรายการมอบโชคคืนกำไรแก่ผู้ชมงาน โดยผู้จัดงานได้ทำการตรวจสอบความถูกต้องของกฎกติกาของแต่ละรางวัลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้จัดงานขอประกาศรายชื่อผู้โชคดีอย่างเป็นทางการ
กิจกรรม "ซื้อรถ...ชิงรถ" รถยนต์ The Kia EV5 รุ่น Light มูลค่า 1,299,000 บาท ผู้ได้รับรางวัล ได้แก่ อิทธิชัย พรหมประเทือง
กิจกรรม "ซื้อมอเตอร์ไซค์...ชิงบิกไบค์" รถจักรยานยนต์ Triumph รุ่น Scrambler 1200 X มูลค่า 599,000 บาท ผู้ได้รับรางวัล ได้แก่ ไกรสร หนูด้วง
กิจกรรม "ซื้อบัตร...ชิงรถ" รถยนต์ Mazda รุ่น New CX-3 Base Plus มูลค่า 830,000 บาท ผู้ได้รับรางวัล ได้แก่ ชมาพล ยิ้มน้อย
กิจกรรม "ชมงานผ่าน Motor Expo App ชิงรถ" รถยนต์ Suzuki รุ่น Swift GL มูลค่า 567,000 บาท ผู้ได้รับรางวัล ได้แก่ แพงจันทร์ เภาตะนะ
พร้อมกันนี้ ยังได้มอบรางวัล ลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Acton III จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 12,990 บาท กิจกรรม Choose & Match : Motor Expo App แก่ สนธยา เรืองสุวรรณ์
บริษัท สื่อสากล จำกัด ผู้จัดงาน “มหกรรมยานยนต์” จะจัดพิธีมอบรางวัล รถยนต์ 3 คัน และบิกไบค์ 1 คัน ให้แก่ผู้โชคดี ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ณ บริษัท สื่อสากล จำกัด โดยสามารถติดตามข่าวสารการมอบรางวัลได้ที่ www.autoinfo.co.th, www.motorexpo.co.th ในเดือนมีนาคม 2568 และทางนิตยสาร “ฟอร์มูลา”, 4 Wheels ฉบับประจำเดือนเมษายน 2568
เตรียมพบกับงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42" (The 42nd Thailand International Motor Expo 2025) อลังการงานแสดง (The Magnificent Motor Expo) อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมือง ทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2568 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล” และ motorexpo.co.th
..............................................................................................................
Motor Expo 2025 ประกาศแนวคิด
“IMC สื่อสากล” เผยแนวคิด “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” เพื่อตอกย้ำ และต่อยอดความอลังการของงาน
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” เผยว่า แนวคิดของการจัดงานปีนี้ต้องการเน้นความอลังการของงาน โดยที่ผ่านมา “มหกรรมยานยนต์” เป็นงานแสดงที่มีความอลังการหลายด้าน
เริ่มจาก อลังการด้านระยะเวลาดำเนินการจัดงาน ที่ยาวนานต่อเนื่องมากว่า 4 ทศวรรษ ยิ่งกว่านั้น ยังได้รับการรับรองให้เป็นหนึ่งในงานแสดงสินค้าระดับโลก โดย สมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก (UFI)
อลังการด้านขนาดของงาน เราใช้พื้นที่ภายใน และภายนอกอาคาร IMPACT ชาลเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี รวมทั้งหมดถึง 80,000 ตรม. จัดแสดงยานยนต์ทุกประเภท พร้อมอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง โดยมียานยนต์เข้าร่วมงานรวมแล้วกว่า 60 แบรนด์ แบ่งเป็นรถยนต์ กว่า 40 แบรนด์ และจักรยานยนต์ อีกกว่า 20 แบรนด์ มากที่สุดในบรรดางานแสดงยานยนต์ทั่วอาเซียน
อลังการด้านกิจกรรม ทั้งกิจกรรมนันทนาการของหน่วยงาน โครงการ และมูลนิธิต่างๆ รวมถึงกิจกรรมชิงรางวัลใหญ่ รถยนต์ 3 คัน และบิกไบค์ 1 คัน ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
อลังการด้านยอดจองรถในงาน ทุกปีจะมีผู้ชมตัดสินใจจองรถยนต์ และจักรยานยนต์ภายในงานปีละหลายหมื่นคัน สร้างความคึกคักให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย รวมถึงสร้างเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจจำนวนมหาศาล
อลังการด้านจำนวนผู้ชม แต่ละปีจะมีประชาชนให้ความสนใจเข้าชมงานจำนวนไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมีผู้ชมงานผ่าน Motor Expo Online Platform และ Platform อื่นๆ ตลอดจนการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์อีกนับล้านคนทั่วประเทศ
“ทั้งหมดนี้ คือ องค์ประกอบของงาน “มหกรรมยานยนต์” ที่ภาคภูมิใจ และมุ่งมั่นจะสร้างสรรค์งานปีนี้ ให้มีความอลังการยิ่งกว่าเดิมในทุกด้าน ดังนั้น เราจึงกำหนดแนวคิดเพื่อตอกย้ำเป้าหมาย พร้อมประกาศความยิ่งใหญ่ของงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” ว่า “อลังการงานแสดง-The Magnificent Motor Expo”
งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” จะจัดขึ้น ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2568 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ motorexpo.co.th และทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล”
..............................................................................................................
Porsche ขยายเครือข่ายชาร์จทั่วไทย
Porsche ประเทศไทย ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ Porsche Macan (โพร์เช มาคัน) ยนตรกรรมสปอร์ทพลังงานไฟฟ้า SUV ขยายเครือข่ายสถานีชาร์จ Porsche Destination กว่า 32 จุดทั่วประ เทศ ที่จะช่วยให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ชุลีภรณ์ เอื้อดิลกกุลธร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเครือข่าย และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายขาย Porsche ประเทศไทย กล่าวว่า Porsche Macan คือ ยนตรกรรมไฟฟ้าที่ผสานสมรรถนะเหนือชั้น เทค โนโลยีล้ำสมัย และมีดีไซจ์นสปอร์ทอันเป็นเอกลักษณ์ของ Porsche (โพร์เช) ได้อย่างลงตัว เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นยกระดับความสะดวกสบาย ด้วยการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จ Porsche Destination ทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 32 จุด และจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต เพื่อให้ลูกค้าสามารถเดินทางได้อย่างไร้กังวล และสะดวกสบายทุกที่ ทุกเวลา
Porsche Macan รุ่นใหม่ มีด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่น อัน ได้แก่ Macan, Macan 4, Macan 4S และ Macan Turbo เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ไปจนถึงรุ่น Turbo ที่มอบสมรรถนะสูงสุด อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีไฟฟ้าขั้นสูง มีพิสัยการเดินทางสูงสุดถึง 641 กม. ในมาตรฐาน WLTP เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 260 กม./ชม. นอกจากนี้ ยังสามารถรองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ได้สูงสุด 270 กิโลวัตต์ โดยใช้เวลาเพียง 21 นาทีในการชาร์จแบทเตอรีจาก 10-80 % มาคันน์รุ่นใหม่นี้ไม่เพียงมอบประ สบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น และแตกต่าง แต่ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
มอบความหรูหราระดับพรีเมียม ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างลงตัว Porsche ยังเปิดตัวฟีเจอร์แสดงภาพบนกระจกหน้ารถ (Head-up Display) ด้วยเทคโนโลยี Augmented Reality (AR) เป็นครั้งแรก โดยสามารถแสดงข้อมูลเสมือนจริง เช่น ลูกศรนำทาง ซ้อนทับกับภาพจริงได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำสมัย และน่าประทับใจ นอกจากนี้ ระบบ Porsche Communi cation Management (PCM) ยังช่วยเชื่อมต่อทุกการเดินทางของคุณได้อย่างไร้รอยต่อ
..............................................................................................................
Ford เผย 10 ความลับการผลิต Everest
Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่ถูกออกแบบ และพัฒนามาเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายสำหรับครอบครัว เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมทั้งการขับบนถนน และแบบออฟโรด โดย Ford Everest ทุกคันถูกผลิตขึ้นที่โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (AAT) และจัดจำหน่ายไปมากกว่า 110 ประเทศทั่วโลก
การเดินทางของ Ford Everest 1 คัน จากสายการผลิตไปจนถึงส่งมอบรถถึงมือลูกค้านั้นมีขั้นตอนที่น่าทึ่งมากมาย ที่ผสมผสานระหว่างการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย และความละเอียดแม่นยำ ตั้งแต่การควบคุมคุณภาพที่ขับเคลื่อนด้วย AI เทคนิคการประกอบรถยนต์ที่พิถีพิถัน ไปจนถึงการทดสอบสมรรถนะที่เข้มข้น และนี่คือ 10 เรื่องราวเบื้องหลังการผลิต Ford Everest ที่จะทำให้คุณรู้จักรถยนต์คันนี้ได้มากขึ้น
1. ทุกๆ 2 นาที จะมีรถ Ford Everest 1 คัน ผลิตออกมาจากสายการผลิตที่โรงงาน AAT
2. หุ่นยนต์ที่ใช้ มีทั้งแบบหุ่นยนต์ปฏิบัติงาน 320 ตัว และหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน 25 ตัว ทำงานในสายการผลิต และประกอบตัวถัง เพื่อรักษาปริมาณการผลิตให้คงที่อยู่เสมอ
3. การเคลือบป้องกันสนิม ตัวถังของ Ford Everest ทุกคันมีจุดเชื่อมมากกว่า 3,600 จุด จึงต้องผ่านกระบวนการเคลือบกันสนิมด้วยการจุ่มตัวถังลงในอ่างสารเคมี 10 ครั้งก่อนเข้าสู่กระบวนการพ่นสี
4. กล้อง AI ในการผลิต มีมากกว่า 30 ตัว ทั้งในการผลิตตัวถัง และกระบวนการประกอบชิ้นส่วนห้องโดยสาร การติดตั้งแชสซีส์ และการตรวจเชครายละเอียดขั้นสุดท้ายก่อนออกจากสายการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และรับรองคุณภาพในกระบวนการผลิต
5. การทดสอบสมรรถนะ Ford Everest ทุกคันจะต้องผ่านการทดสอบการขับขี่ผ่านอุปสรรคต่างๆ อาทิ การทดสอบเสียงรบกวน และการสั่นสะเทือน การทดสอบบนถนนขรุขระ โดยรถแต่ละคันจะต้องผ่านครบทุกการทดสอบอย่างเต็มรูปแบบก่อนจึงจะได้รับการอนุมัติให้ส่งมอบรถออกไปทั่วโลกได้
6. ตรวจสอบการรั่วซึมของอากาศ รถ Ford Everest ที่ออกจากสายการผลิตทุกวันจะถูกสุ่มตรวจสอบการรั่วซึมของอากาศ โดยจะสูบอากาศเข้าไปในห้องโดยสาร และใช้เซนเซอร์ที่ติดตั้งไว้รอบตัวรถตรวจวัด เพื่อให้มั่นใจว่ารถจะไม่มีการรั่วซึมเกินกว่าที่มาตรฐานกำหนด
7. การตั้งศูนย์ล้อ และพวงมาลัย Ford ทดสอบการตั้งศูนย์ล้อ และพวงมาลัย รวมถึงตรวจเชคให้ไฟหน้าส่องสว่างในทิศทาง และระยะที่ต้องการ โดยจะสุ่มจากรถทุกรุ่นย่อยของ Ford Everest ที่ออกจากสายการผลิตทุกวัน โดยใช้เลเซอร์ และกล้องหลายตัวในการตรวจสอบการตั้งศูนย์ล้อ และไฟหน้า ขณะเดียวกันการทดสอบการตั้งศูนย์พวงมาลัยจะแสดงให้เห็นว่าพวงมาลัยตรงกับล้อ และรถเคลื่อนตัวตรงหรือไม่
8. การทดสอบด้วยน้ำ เป็นหนึ่งในขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพที่สำคัญ ซึ่งรถ Ford Everest ทุกคันจะถูกฉีดน้ำแรงดันสูงทุกทิศทางนาน 5 นาที เพื่อจำลองสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้ จากนั้นทีมงานจะตรวจสอบทุกรายละเอียด ตั้งแต่ตรวจสอบไฟท้าย ไฟหน้า และไฟตัดหมอกด้วยสายตา เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีน้ำรั่วซึมผ่านเข้าไปในรถ จากนั้นทีมงานจะเปิดประตูทุกบานเพื่อตรวจสอบขอบยางว่ามีการรั่วซึมของน้ำหรือไม่ เพื่อให้มั่นใจว่าพื้นห้องโดยสารยังคงแห้งสนิท โดยจะใช้หัววัดพิเศษที่สามารถส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบความชื้น นอกจากนี้ น้ำที่ใช้ในการทด สอบไม่ได้ถูกทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่จะถูกนำกลับมาใช้ใหม่ในการทดสอบครั้งถัดไป
9. การตรวจสอบคุณภาพขั้นสูง Ford Everest ทุกคันจะได้รับการตรวจสอบโดยทีมงานที่ใช้กล้องความละเอียดสูง และอัลกอริธึม AI เพื่อตรวจสอบข้อบกพร่องทุกจุดอย่างละเอียด เช่น การตรวจสอบสติคเกอร์ ตราสัญลักษณ์ ชิ้นส่วนที่หายไป ชิ้นส่วนที่เกินมา ชิ้นส่วนที่ไม่ถูกต้อง ชิ้นส่วนที่ประกอบไม่เรียบร้อย หรือแม้แต่สีที่ไม่ตรงตามการควบคุมคุณภาพ
10. การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่โรงงาน AAT ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ จากหลังคาโซลาร์เซลล์ และนวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำที่อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568 นี้ ซึ่งถ้าแล้วเสร็จจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 14 เมกะวัตต์ และจะช่วยลดการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 10,236 ตัน/ปี ทำให้การผลิตรถ Ford Everest เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
..............................................................................................................
EV Station PluZ เปิดแอพพลิเคชันใหม่
EV Station PluZ เดินหน้าพลัซความสุขให้มากกว่าเคย เปิดตัวแอพพลิเคชันใหม่ ที่จะเปลี่ยนทุกประสบการณ์การใช้งานง่ายยิ่งขึ้นทุกการเดินทาง ไม่ว่าคุณจะเดินทางใกล้ หรือไกลก็มั่นใจได้ ด้วยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ครอบคลุมมากกว่า 980 สาขาทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568)
วางแผนทุกการเดินทางอย่างมั่นใจมากขึ้นผ่านแอพพลิเคชัน "EV Station PluZ" เวอร์ชันใหม่ล่าสุด พลัซระบบใหม่ พร้อมฟีเจอร์ครบครัน อาทิ ค้นหาสถานีชาร์จที่ใกล้ที่สุด ระบบนำทางไปยังจุดหมาย การจองหัวชาร์จล่วงหน้า แสดงสถานะสถานีชาร์จแบบเรียลไทม์ และการชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ สะดวก รวดเร็ว พร้อมดูประวัติการใช้งานย้อนหลัง พลัซโฉมใหม่ ด้วยดีไซจ์นหน้าจอหลักที่ใช้งานสะดวกสำหรับผู้ใช้ทุกกลุ่ม รองรับทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ พลัซฟังค์ชันใหม่ เพิ่มความพิเศษมากกว่าที่เคย ด้วยระบบสะสมคะแนน blueplus+ พิเศษ ! ตั้งแต่วันที่ 1-14 กุมภาพันธ์ 2568 เมื่อชาร์จไฟทุกๆ 10 กิโลวัตต์ชั่วโมง (หน่วย : กิโลวัตต์ชั่วโมง)/ใบเสร็จ รับคะแนน blueplus+ เพิ่ม 5 เท่า (จากปกติ 1 แต้ม เป็น 5 แต้ม) จำกัดจำนวน 3 สิทธิ์/บัญชีผู้ใช้งาน รวมที่ 150,000 สิทธิ์ ตลอดระยะเวลากิจกรรม
ร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่เหนือกว่าของแอพพลิเคชัน EV Station PluZ แอพพลิเคชันใหม่ ใช้ง่าย ได้แต้ม ที่จะทำให้ทุกการใช้งานสนุกมากขึ้น และพิเศษมากกว่าเดิม พร้อมมอบความสะดวกสบายในการลงทะเบียน 2 รูปแบบ ทั้งผ่านเบอร์โทรศัพท์ หรือผ่านเบอร์สมาชิก blueplus+ ง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน เท่านี้ก็พร้อมใช้งานแอพพลิเคชันที่เต็มไปด้วยฟีเจอร์ครบครัน และสิทธิพิเศษมากมาย
ดาวน์โหลด และลงทะเบียนได้เลยตอนนี้ เพียงค้นหา "EV Station PluZ" บน Play Store หรือ Apple Store หรือ https://bit.ly/3V3xu2U พร้อมชาร์จความมั่นใจได้ทุกที่ กับ EV Station PluZ
![](https://autoinfo.co.th/uploads/2024042121525456.jpg)