ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Porsche (โพร์เช) อยู่ในระหว่างการพัฒนา ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี เครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นใหม่ เพื่อมาแทน Macan (มาคัน) นอกจากนั้นมีแผนระยะยาวสำหรับการใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในต่อไปอีกหลายปี Oliver buume ซีอีโอ Porsche ยืนยันว่า Cayenne (คาเยนน์) และ Panamera (พานาเมรา) ยังใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในต่อไปถึงทศวรรษ 2030
Porsche Panamera เพิ่งเปิดตัวเจเนอเรชันใหม่ ส่วน Porche Cayenne ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี หรูหราในเจเนอเรชันที่ 3 ยังเป็นรุ่นปี 2017 แต่ได้ปรับโฉมเมื่อปี 2023 และไม่ต้องกังวลว่าจะใช้เครื่องยนต์เล็กลง เพราะมีการประกาศชัดเจนว่าทั้ง Cayenne และ Panamera จะยังคงเครื่องยนต์ วี 8 สูบ ต่อไปในทศวรรษ 2030 โดยจะใช้เครื่องยนต์ วี 6 สูบ สำหรับรุ่นย่อยเกรดรอง และแน่นอนว่าเครื่องยนต์พลัก-อิน ไฮบริด จะยังคงอยู่ และได้รับการพัฒนาต่อไป เพื่อให้มีระยะเดินทางเพิ่มขึ้น
Porsche กลับมาพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในต่อ เนื่องจากเห็นว่าการบรรลุเป้าหมายผลิตรถไฟฟ้าทุกรุ่นยังอีกยาวไกล จากคาดการณ์ว่ารถไฟฟ้าจะทำยอดขายรายปีได้ถึง 80 % ของทั้งหมด ภายในทศวรรษนี้ แทบเป็นไปไม่ได้ โดยในปี 2567 รถไฟฟ้ามียอดขายเพียง 12.7 % เท่านั้น
หากรถเอสยูวีใหม่สามารถวางจำหน่ายได้ภายในปี 2573 จะทำให้ Porsche มีรถเครื่องยนต์สันดาปภายในจำหน่ายในทศวรรษหน้าถึง 4 รุ่น โดยมี Porsche 911 (โพร์เช 911) ด้วย
แม้บริษัทได้ทุ่มทุนในการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในต่อไป แต่ไม่กระทบถึงกำหนดการเปิดตัวรถไฟฟ้าใหม่ โดย Cayenne เจเนอเรชันที่ 4 พลังไฟฟ้าล้วน ยังคงกำหนดการเดิมที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ ตามมาด้วยการเปิดตัวรถไฟฟ้า 718 Boxster/Cayman EV และรถไฟฟ้าเอสยูวีขนาดใหญ่ แบบเบาะนั่ง 3 แถว ซึ่งจะเปิดตัวในทศวรรษนี้เช่นกัน
Porsche ประกาศมาหลายปีมาแล้วว่า 911 จะเป็นรถเครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นสุดท้าย ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง ด้วยการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ ซี่งจะช่วยให้รถระดับไอคอนคงอยู่ต่อไป โดย ทางค่ายได้พัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิง e-Fuels ที่โรงงาน Punta Arenas ในประเทศชิลี โดยในปี 2565 ได้ทำการทดสอบการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ ซึ่งผลิตขึ้นมาจากน้ำ และคาร์บอนไดออกไซด์ โดยใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังลม