ธุรกิจ
สอท. เผยยอดผลิตรถเดือนสิงหาคม ลดลงร้อยละ 6.11
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เผยยอดผลิตรถยนต์เดือนสิงหาคม ลดลงร้อยละ 6.11
เดือนสิงหาคม 2568 ผลิตรถยนต์ 112,366 คัน ลดลงร้อยละ 6.11 ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 7,512 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2,034.09
ขาย 47,622 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.38 ขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 9,309 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.49 ส่งออก 71,179 คัน ลดลงร้อยละ 17.30 ส่งออกรถยนต์นั่งไฟฟ้า 1,372 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 100 ส่งออกรถกระบะไฟฟ้า 51 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 100
สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนสิงหาคม 2568 ดังต่อไปนี้
การผลิต
จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนสิงหาคม 2568 มีทั้งสิ้น 112,366 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2568 ร้อยละ 1.58 แต่ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 6.11 จากการผลิตเพื่อส่งออกที่ลดลงร้อยละ 10.67 จากเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เพราะผลิตรถยนต์นั่งลดลงร้อยละ 21.27 จากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งบางรุ่นเพราะความเข้มงวดในการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยขับในด้านความปลอดภัยของประเทศคู่ค้า รวมทั้งผลิตรถกระบะส่งออกลดลงร้อยละ 6.36 จากการเข้มงวดในการปล่อยคาร์บอนของประเทศคู่ค้า ส่วนการผลิตเพื่อขายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.11 จากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชดเชยรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้ามาขายในปี 2565-2566
จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 947,697 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 5.77
รถยนต์นั่ง เดือนสิงหาคม 2568 ผลิตได้ 43,172 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 7.68 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 21,777 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 31.75
• รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 7,456 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 2,018.18
• รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 1,971 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 336.06
• รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 11,968 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 14.83
ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 มีจำนวน 346,240 คัน เท่ากับร้อยละ 36.53 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 7.92 แบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 162,369 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 32.76
• รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 34,998 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 497.54
• รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 12,328 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 207.20
• รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 136,545 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 9.51
รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตันขึ้นไป ในเดือนสิงหาคม 2568 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 ไม่มีการผลิต
รถยนต์บรรทุก เดือนสิงหาคม 2568 ผลิตได้ทั้งหมด 69,194 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 5.10 และตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 601,457 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 4.49
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนสิงหาคม 2568 ผลิตได้ทั้งหมด 68,410 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 4.95 และตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 595,559 คัน เท่ากับร้อยละ 62.84 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 3.40 แบ่งเป็น
• รถกระบะบรรทุก 96,483 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 1.43
• รถกระบะดับเบิลแคบ 379,420 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 7.33
• รถกระบะดับเบิลแคบ BEV 190 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 100
• รถกระบะ PPV 119,466 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 9.39
รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน-มากกว่า 10 ตัน เดือนสิงหาคม 2568 ผลิตได้ 784 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 16.77 รวมเดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 ผลิตได้ 5,898 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม -สิงหาคม 2567 ร้อยละ 55.17
ผลิตเพื่อส่งออก
เดือนสิงหาคม 2568 ผลิตได้ 73,956 คัน เท่ากับร้อยละ 65.82 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 10.67 ส่วนเดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 623,069 คัน เท่ากับร้อยละ 65.75 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 9.24
รถยนต์นั่ง เดือนสิงหาคม 2568 ผลิตเพื่อการส่งออก 18,835 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 21.27 และตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 134,228 คัน เท่ากับร้อยละ 38.77 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 33.35
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนสิงหาคม 2568 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 55,121 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 6.36 และตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 488,841 คัน เท่ากับร้อยละ 82.08 ของยอดการผลิตรถกระบะ เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 0.77 แบ่งเป็น
• รถกระบะบรรทุก 54,425 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 37.91
• รถกระบะดับเบิลแคบ 342,609 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 4.48
• รถกระบะ PPV 91,807 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 5.56
ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
เดือนสิงหาคม 2568 ผลิตได้ 38,410 คัน เท่ากับร้อยละ 34.18 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 4.11 และเดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 ผลิตได้ 324,628 คัน เท่ากับร้อยละ 34.25 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 1.69
รถยนต์นั่ง เดือนสิงหาคม 2568 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 24,337 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 6.54 และตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ผลิตได้ 212,012 คัน เท่ากับร้อยละ 61.23 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.40
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนสิงหาคม 2568 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 13,289 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 1.38 และตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 106,718 คัน เท่ากับร้อยละ 17.92 ของยอดการผลิตรถกระบะ และลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 18.80 ซึ่งแบ่งเป็น
• รถกระบะบรรทุก 42,058 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 28.01
• รถกระบะดับเบิลแคบ 37,001 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 27.11
• รถกระบะ PPV 27,659 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 24.35
รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตันขึ้นไป ในเดือนสิงหาคม 2568 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 ไม่มีการผลิต
รถบรรทุก เดือนสิงหาคม 2568 ผลิตได้ 784 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 16.77 และตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 5,898 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 55.17
รถจักรยานยนต์
เดือนสิงหาคม 2568 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 182,418 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 6.02 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 150,973 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 4.67 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 31,445 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 13.03
ยอดการผลิต
รถจักรยานยนต์เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,632,542 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 5.43 โดยแยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 1,358,200 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 5.31 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 274,342 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 6.06
ยอดขาย
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนสิงหาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 47,622 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2568 ร้อยละ 3.01 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 5.38 จากการขายรถยนต์นั่งไฟฟ้าที่มีถึง 9,246 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.62 จากปีที่แล้ว รถกระบะขายได้ 10,960 คัน ลดลงร้อยละ 10.92 รถกระบะยังคงขายลดลงต่อเนื่องกว่า 2 ปี จากการเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำ หลักฐานการเงินของผู้ซื้ออ่อนแอ
รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 30,797 คัน เท่ากับร้อยละ 64.67 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 10.96
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 9,611 คัน เท่ากับร้อยละ 20.18 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 18.19
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 9,246 คัน เท่ากับร้อยละ 19.42 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 26.62
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 465 คัน เท่ากับร้อยละ 0.98 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 400
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) 244 คัน เท่ากับร้อยละ 0.51 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 100
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 11,231 คัน เท่ากับร้อยละ 23.58 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 30.43
รถกระบะมีจำนวน 10,960 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 10.92 รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 63 คัน ในปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวน 3,576 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 34.08 รถบรรทุก 5-10 ตัน มีจำนวน 1,191 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 4.87 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 1,035 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 14.74
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 130,283 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 9.81 และลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 1.10
ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 รถยนต์มียอดขาย 399,619 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 8 คัน จากการขายรถยนต์นั่งไฟฟ้า แยกเป็น
รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 256,669 คัน เท่ากับร้อยละ 64.26 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 6.96
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 88,222 คัน เท่ากับร้อยละ 22.08 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 16.96
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 72,274 คัน เท่ากับร้อยละ 18.09 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 51.69
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 6,136 คัน เท่ากับร้อยละ 1.54 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 321.43
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) 431คัน เท่ากับร้อยละ 0.14 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 100
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 89,606 คัน เท่ากับร้อยละ 22.42 ของยอดขายรถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 5.89
รถกระบะมีจำนวน 95,560 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 16.94 รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 486 คัน ปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถกระบะ REEV มีจำนวน 6 คัน ปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวน 28,110 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 14.82 รถบรรทุก 5-10 ตัน มีจำนวน 9,727 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 10.84 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 9,061 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 1.50 ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 1,180,906 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 1.47
รัฐบาลใหม่ กระตุ้นเศรษฐกิจ
อนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี แสดงความตั้งใจที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตมากขึ้นแ จึงขอเสนอการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะได้เก็บภาษีมากกว่าเงินที่จะจ่ายซึ่งอาจจะไม่ต้องจ่ายถ้าเศรษฐกิจดีวันดีคืน ข้อเสนอนี้เป็นของ กกร. ปีที่แล้วที่เสนอรัฐบาลตั้งกองทุนห้าพันล้านบาท เพื่อค้ำประกันผลขาดทุนจากการยึดรถกระบะแล้วขายขาดทุน โดยจ่ายผลขาดทุนตามจริงแต่ไม่เกินคันละห้าหมื่นบาท ให้แก่สถาบันการเงิน โดยมีข้อแลกเปลี่ยน หรือเงื่อนใขว่า สถาบันการเงินต้องปล่อยกู้ให้มียอดขายรถกระบะมากขึ้นจากปีที่ผ่านมาอย่างน้อย 30 %
ตัวอย่าง ปีที่แล้วขายรถกระบะ 130,000 คัน ถ้าขายมากกว่าปีที่แล้วอย่างน้อย 30 % ปีนี้ต้องปล่อยสินเชื่อให้ขายรถกระบะให้ได้ 170,000 คัน ที่เพิ่มขึ้น 40,000 คันนี้ รัฐบาลจะค้ำประกันผลขาดทุนจากการยึดรถคันละไม่เกินห้าหมื่นบาท จึงตั้งกองทุนค้ำประกันผลขาดทุนจากการยึดรถกระบะเพียง 2,000 ล้านบาท (40,000 คัน×50,000 บาท/คัน) แต่รัฐบาลเก็บภาษีสรรพสามิตรถกระบะ 3 %×24,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 720 ล้านบาท (ถ้าเฉลี่ยรถกระบะคันละ 600,000 บาทx40,000 คัน ที่เพิ่มขึ้น)เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % ของยอด 24,000 ล้านบาท ได้เงิน 1,680 ล้านบาท รวมเก็บภาษี 2 ประเภทนี้ "เพิ่มขึ้น" 2,400 ล้านบาท มากกว่าเงินกองทุน 2,000 ล้านบาท และยังเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ซัพพลายเชนขายได้มากขึ้น กำไรสุทธิมากขึ้น เช่น บริษัทผลิตยางล้อรถยนต์ขายยางล้อได้มากขึ้น 160,000 เส้น กระจกขายได้มากขึ้น 40,000 แผ่น เครื่องปรับอากาศรถยนต์ขายมากขึ้น 40,000 เครื่อง บริษัทขายท่อไอเสียมากขึ้น 40,000 ชิ้น ฯลฯ และยังเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้นจากรายได้พนักงานสถาบันการเงิน บริษัทประกันภัย และพนักงานขายรถกระบะ รวมทั้งคนงานทำงานในบริษัทซัพพลายเชนที่มีรายได้เพื่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทลงทุนเพิ่ม จ้างงานเพิ่ม คนงานเหล่านี้มีรายได้มากขึ้น ชำระหนี้ได้มากขึ้น (หนี้ครัวเรือนลดลงอย่างแท้จริง) ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคมากขึ้น ทานอาหารมากขึ้น เดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเติบโตมากขึ้น สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างประเทศ และในประเทศลงทุนมากขึ้น และเร็วขึ้น ผลิตสินค้าส่งออกมากขึ้น เศรษฐกิจของประเทศไทยจะได้เติบโตเป็นวงจรขาขึ้นในอัตราที่สูงขึ้นเสียที ส่วนเงินกองทุน 2,000 หรือ 5,000 ล้านบาท ขึ้นกับเป้าหมายที่จะให้ขายรถกระบะเพิ่มขึ้นกี่หมื่นคันในแต่ละปี ซึ่งรัฐบาลจะจ่ายในอีก 2 ปีข้างหน้าเมื่อยึดรถกระบะมาแล้ว และประมูลขายขาดทุนแล้วเท่านั้น
การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป
เดือนสิงหาคม 2568 ส่งออกได้ 71,179 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้วร้อยละ 1.74 และลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 17.30 จากส่งออกรถกระบะใช้น้ำมันลดลงร้อยละ 14.65 และรถยนต์นั่งที่ใช้น้ำมันลดลงร้อยละ 35.09 เพราะการเข้มงวดในการปล่อยแกสคาร์บอนของบางประเทศ
ประเภทรถยนต์ส่งออกเดือนสิงหาคม 2568 แบ่งเป็น ดังนี้
• รถกระบะ 41,141 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 57.80 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 14.65
• รถกระบะ BEV 51 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.07 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก
• รถยนต์นั่ง ICE 14,719 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 20.68 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 35.09
• รถยนต์นั่ง BEV 1,372 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 3.01 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออกรถยนต์นั่ง BEV
• รถยนต์นั่ง PHEV 317 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 9.20 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออกรถยนต์นั่ง BEV
• รถยนต์นั่ง HEV 3,099 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 4.35 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 11.86
• รถ PPV 10,480 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 14.72 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 10.21
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 45,553.26 ล้านบาท ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 24.50 แต่เครื่องยนต์ และชิ้นส่วนส่งออกเพิ่มขึ้นดังนี้
• เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 3,445.85 ล้านบาท ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 0.63
• ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 16,567.34 ล้านบาท ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 1.18
• อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,350.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 0.73
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนสิงหาคม 2568 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 67,917.28 ล้านบาท ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 18.07
รถจักรยานยนต์
เดือนสิงหาคม 2568 มีจำนวนส่งออก 62,590 คัน (รวม CBU+CKD) ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2568 ร้อยละ 12.15 และเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 7.05 โดยมีมูลค่า 4,437.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 2.49
• ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 220.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 0.50
• อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 264.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 1.47
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนสิงหาคม 2568 ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ 4,922.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 2.35
เดือนสิงหาคม 2568 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 72,839.82 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 16.95
รถยนต์สำเร็จรูป
เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 602,975 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 12.44 แบ่งเป็น
• รถกระบะ 378,555 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 62.78 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 3.93
• รถกระบะ BEV 169 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.03 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก
• รถยนต์นั่ง ICE 101,494 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 16.83 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 39.99
• รถยนต์นั่ง BEV 2,156 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.53 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก
• รถยนต์นั่ง PHEV 317 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 1.26 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก
• รถยนต์นั่ง HEV 33,698 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 5.59 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 2.92
• รถ PPV 86,586 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 14.36 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 4.59
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 406,777.31 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 15.29 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
• เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 25,216.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 7.54
• ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 131,156.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 1.68
• อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 18,157.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 4.10
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 581,307.35 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 10.58
รถจักรยานยนต์
เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 รถจักรยานยนต์ มีจำนวนส่งออก 570,018 คัน (รวม CBU+CKD) เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 7.24 มีมูลค่า 41,411.53 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 0.65
• ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,525.98 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 8.65
• อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,744.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 37.17
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 44,682.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 0.12
เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 625,989.76 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 9.89
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนสิงหาคม 2568
เดือนสิงหาคม 2568 ยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 11,486 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 30.46 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 9,782 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 53.42
o รถยนต์นั่งจำนวน 9,432 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน จำนวน 340 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 1 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 9 คัน
• รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 90 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 61.37
• รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 1,582 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 24.34
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 1,582 คัน
• รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 1 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 97.92
• รถโดยสารมีทั้งสิ้น 19 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 46.15
• รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 12 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 72.09
เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 92,665 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 34.49 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 77,036 คัน เพิ่มขึ้นจาเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 55.18
o รถยนต์นั่งจำนวน 75,188 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน จำนวน 1,673 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 14 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 161 คัน
• รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 427 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 13.03
• รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 15 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 88.89
o รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน 11 คัน
o รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน 4 คัน
• รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 14,833 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 18.67
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 14,832 คัน
o รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน 1 คัน
• รถโดยสารมีทั้งสิ้น 89 คัน ลดลงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 62.45
• รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 265 คัน เพิ่มขึ้นเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 67.72
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนสิงหาคม 2568
เดือนสิงหาคม 2568 ยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 10,575 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 3.86 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 10,575 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 3.27
o รถยนต์นั่งจำนวน 10,565 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 6 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 4 คัน
• รถจักรยานยนต์ไม่มีการจดทะเบียน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 100
เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 94,703 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 0.10 แบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 94,009 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 0.42
o รถยนต์นั่งจำนวน 93,735 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน จำนวน 26 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 142 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 104 คัน
o รถยนต์บริการให้เช่าจำนวน 2 คัน
• รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 694 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ร้อยละ 78.87
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 694 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนสิงหาคม 2568
เดือนสิงหาคม 2568 ยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,049 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 22.83 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 1,049 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 22.83
o รถยนต์นั่งจำนวน 1,049 คัน
เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 13,681 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 108.04 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 13,681 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 108.04
o รถยนต์นั่งจำนวน 13,653 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 20 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 8 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2568
ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 318,574 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 59.20 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 235,979 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 69.70
o รถยนต์นั่งมีจำนวน 230,364 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 68.67
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน มีจำนวน 4,192 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 111.40
o รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 223 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 201.35
o รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 226 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 76.56
o รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 3 คัน เท่ากับช่วงเดียวกันปี 2567
o รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอีเลคทรอนิคส์มีจำนวน 971 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 226.94
• รถกระบะ และรถแวนมีจำนวน 1,298 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 68.79
• รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 1,032 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 1.28
o รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมีจำนวน 123 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 7.89
o รถยนต์รับจ้างสามล้อมีจำนวน 909 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 0.44
• รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 76,350 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 36.34
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 76,243 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 36.46
o รถจักรยานยนต์สาธารณะมีจำนวน 107 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 15.75
• อื่นๆ
o รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2,860 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 7.76
o รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 1,055 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 72.95
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2568
ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 562,894 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 28.66 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 553,004 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 29.14
o รถยนต์นั่งมีจำนวน 551,505 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 29.08
o รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 512 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 3.23
o รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 216 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 195.89
o รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 318 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 57.43
o รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 7 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 40
o รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอีเลคทรอนิคส์มีจำนวน 446 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 153.41
• รถกระบะ และรถแวนมีจำนวน 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2567
• รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 9,887 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 6.56
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 9,887 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 6.56
• อื่นๆ
o รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2567
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2568
ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 76,720 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 26.96 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 76,720 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 26.96
o รถยนต์นั่งมีจำนวน 76,641 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 26.98
o รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 42 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 2.33
o รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 27 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 35
o รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 4 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 33.33
o รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอีเลคทรอนิคส์มีจำนวน 5 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2567
