ทดสอบ(formula)
VOLT CITY EV FOR-FOUR
รถยนต์ไฟฟ้า คือ สิ่งที่รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน แม้จะยังมีข้อจำกัดเรื่องการใช้งานทั่วไปอีกหลายอย่าง แต่กระแสที่กำลังมาแรง ทำให้หลายคนอยากครอบครองรถยนต์ประเภทนี้สักคัน อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นมีราคาค่อนข้างสูง ทางเลือกของราคาที่ย่อมเยา และครอบคลุมการใช้งานทั่วไปด้วย เป็นคำตอบที่หาได้ยาก แต่รถคันนี้อาจเป็นหนึ่งในทางออกของผู้ที่มีงบประมาณจำกัดกับ VOLT CITY EV
EXTERIOR ภายนอก
VOLT CITY EV (โวลท์ ซิที อีวี) รุ่นที่เรานำมาทดสอบมีชื่อรุ่นย่อยของตัวถังว่า FOR-FOUR (ฟอร์-โฟร์) นั่นคือ ตัวถังแฮทช์แบค 5 ประตู รองรับผู้โดยสารได้ 4 คน โดยมีอีกทางเลือก คือ รุ่น FOR-TWO (ฟอร์-ทู) ตัวถังแฮทช์แบคคันเล็กจิ๋วแบบ 3 ประตู รถที่เรานำมาทดสอบเป็นรุ่นย่อย TOP (ทอพ) ใส่ออพชันมาเต็มที่ (ตามราคาค่าตัว) ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้าแบบแอลอีดี ไฟท้ายสะท้อนแสงสีแดงแวววาว ล้อแมกขนาด 13 นิ้ว ยางขนาด 155/65 R13 ถือเป็นขนาดเล็กจิ๋วที่หาได้ยากในปัจจุบัน ตัวถังแบบสีทูโทน โดยจะพ่นสีของส่วนเสาครึ่งบนให้แตกต่างจากครึ่งล่างของตัวถัง กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ฝากระโปรงแบบไร้บานพับ แต่สามารถยกถอดออกมาได้เลย ในกรณีที่ต้องการงานซ่อมบำรุงเบื้องต้น เช่น การดูแลแบทเตอรีใช้งาน หรือการเติมน้ำสำหรับที่ปัดน้ำฝน แต่ไม่ควรถอดฝากระโปรงออกมาแล้ววางบนพื้น เพราะอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้
สำหรับมิติตัวถังเบื้องต้น VOLT CITY EV รุ่น FOR-FOUR มีความยาวที่ 3,380 มม. ความสูง 1,610 มม. และระยะฐานล้อที่ 2,440 มม. ถือว่าใกล้เคียงกับรถยนต์อีโคคาร์สไตล์แอทช์แบคบางรุ่น แต่ VOLT จะมีจุดเด่นที่ความสูงของตัวรถ และระยะโอเวอร์แฮงที่สั้น แต่จะมีผลดีต่อพื้นที่ห้องโดยสารแค่ไหน เรามาลองกันในหัวข้อถัดไป
INTERIOR ภายใน
เมื่อเข้ามานั่งในห้องโดยสารของ VOLT CITY EV เราพบว่า พื้นที่โดยรวมมีความกว้างขวางเกินคาด ผลจากการออกแบบให้ฐานล้อค่อนข้างยาว แต่ระยะโอเวอร์แฮงสั้น ทำให้ใช้พื้นที่ได้เต็มที่ คอนโซลหน้าออกแบบให้ด้านล่างมีลักษณะโล่ง ไม่กินเนื้อที่ส่วนขาของผู้โดยสารด้านหน้า และยังปราศจากคันเกียร์ แต่มีปุ่มใช้งานระบบเกียร์บนคอนโซลหน้าแทน (เป็นรูปแบบที่น่าประหลาดใจเล็กน้อย) พื้นที่เหนือศีรษะมีให้เหลือเฟือ จากความสูงที่ค่อนข้างมากของรถรุ่นนี้ วัสดุที่ใช้ตกแต่งห้องโดยสารเป็นพลาสติคขึ้นรูป สีทูโทนเช่นกัน เบาะนั่งคู่หน้ามีขนาดพอเหมาะ หุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ เบาะด้านหลังพับได้ แต่ไม่สามารถพับแยกได้ เมื่อพับลงมาแล้วพนักพิงหลังจะไม่ได้แบนราบ อาจไม่สะดวกต่อการขนสัมภาระขนาดใหญ่ แต่ก็เพิ่มพื้นที่ใช้งานได้บางส่วน
นอกจากนี้การเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ราคาเพียง 4 แสนบาท มีจุดที่ต้องเข้าใจ คือ บรรดาออพชันต่างๆ อาจไม่มากมายนัก ในรุ่น TOP ที่เรานำมาทดสอบ ติดตั้งจอแสดงผลทรงยาว ตั้งแต่ช่วงคอนโซลกลางถึงด้านหลังพวงมาลัย แยกส่วนการแสดงผลของระบบความบันเทิง และการแสดงผลของมาตรวัด อาจดูทันสมัยในทีแรกที่มองเห็น แต่เอาเข้าจริงการแสดงก็ไม่หลากหลายเท่าใดนัก รวมถึงแผงหน้าปัดที่แสดงผลแบบดิจิทอล แต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้เลย ขณะที่ปุ่มใช้งานของระบบปรับอากาศ หากต้องการจะปรับความแรงของลม ต้องใช้การกดปุ่มย้ำๆ เอา แรงลมจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และวนมาเป็นแรงลมเบาสุดอีกครั้ง (ไม่สามารถปรับระดับความเย็นของลมได้ แต่ระบบจะปรับความเย็นตามแรงลม) พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันใช้สำหรับระบบความบันเทิงในเบื้องต้นเท่านั้น ขอหมายเหตุเล็กน้อยว่า รุ่นที่เรานำมาทดสอบกลับใช้ปุ่มมัลทิฟังค์ชันไม่ได้ ใครที่สั่งจองรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้เอาไว้ วันที่ส่งมอบรถ ควรเชคการทำงานในส่วนนี้ให้ดีด้วย
ENGINE เครื่องยนต์
ขุมพลังของ VOLT CITY EV คือ มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 46 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 10.3 กก.-ม. ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง แบทเตอรีความจุ 16.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง (สำหรับรุ่น FOR-FOUR) ส่วนรุ่นที่มีขนาดเล็กกว่าอย่าง FOR-TWO มอเตอร์ไฟฟ้าจะมีกำลังสูงสุดที่ 40 แรงม้า แบทเตอรีความจุ 11.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง
สิ่งที่ทำให้เราประหลาดใจมาก คือ ความเร็วสูงสุดที่โหมดปกติของตัวรถ (นั่นคือ โหมด ECO) ตัวรถจะแล่นได้ที่ความเร็วสูงสุดเพียง 60 กม./ชม. เท่านั้น ถือว่าน้อยเกินไปสำหรับการใช้งานทั่วไป ยกเว้นจะเป็นการขับขี่ในเขตที่มีการจราจรหนาแน่นมากๆ และขับขี่เป็นระยะทางไม่ไกลมาก การใช้โหมด ECO เพื่อประหยัดพลังงานไฟฟ้า ยังพอมีความสมเหตุสมผลบ้าง แต่ในการใช้งานทั่วไป เรามีความเห็นว่า การหันมาใช้โหมด SPORT จะขับขี่ได้เป็นธรรมชาติมากกว่า เนื่องจากความเร็วสูงสุดในโหมดนี้จะขึ้นมาที่ 100 กม./ชม. (ตามความเร็วบนมาตรวัด) ยังมีความสะดวกในแง่ของการใช้งานทั่วไปได้บ้าง แต่สิ่งที่แลกมากับการใช้งานโหมด SPORT คือ ระดับของแบทเตอรีจะลดลงค่อนข้างเร็ว (สังเกตได้จากตัวเลขระยะทางที่สามารถแล่นได้ตามแบทเตอรีที่เหลืออยู่) เราคิดว่าการขับขี่ที่ความเร็วเกินกว่า 60 กม./ชม. มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานหนักกว่าประสิทธิภาพโดยรวมของรถคันนี้ แม้ทำความเร็วได้ถึง 90-100 กม./ชม. แต่การทำงานหนักของมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้เกิดการสิ้นเปลืองพลังงานไม่น้อยเช่นกัน
ระยะทำการของ VOLT CITY EV รุ่น FOR-FOUR ตามที่ผู้ผลิตระบุมา คือ 200 กม. สำหรับโหมด ECO แต่หากเป็นโหมด SPORT จะเหลือเพียง 135 กม. เท่านั้น อย่างไรก็ตาม อัตราเร่งขณะออกตัวอาจจะตอบสนองคันเร่งค่อนข้างช้า แม้เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีแรงบิดดีตั้งแต่ออกตัว แต่หลังจากที่ความเร็วเกินกว่า 20 กม./ชม. อัตราเร่งโดยรวมมีความกระฉับกระเฉงยิ่งขึ้น การตอบสนองค่อนข้างไหลลื่นจนถึงช่วง 90 กม./ชม. สามารถขับขี่บนการจราจรทั่วไปได้สบายๆ (สำหรับโหมด SPORT) การใช้งานในตัวเมืองของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ยังถือว่าทำได้ดีพอสมควร อัตราเร่ง 0-1,000 ม. ที่ 46.8 วินาที ถือเป็นหนึ่งในรถที่มีอัตราเร่ง “ช้าที่สุด” ในหัวข้อนี้เท่าที่เราเคยทดสอบมา บ่งบอกว่าใครจะขับรถยนต์คันนี้ต้องใจเย็นกันสักหน่อย
จุดสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า คือ ประสิทธิภาพของการชาร์จประจุไฟฟ้า VOLT CITY EV กลับรองรับการชาร์จแบบกระแสสลับเท่านั้น และสำหรับการชาร์จจากครัวเรือนเท่านั้น โดยจะรองรับกระแสไฟฟ้าที่ประมาณ 2 กิโลวัตต์ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ใช้เวลาในการชาร์จนานมากๆ แม้ความจุของแบทเตอรีจะมีเพียง 16.5 กิโลวัตต์ชั่วโมงเท่านั้น การชาร์จจาก 0-100 % อาจต้องใช้เวลาเกือบ 8 ชม. เลยทีเดียว ดังนี้แล้ว ลักษณะการใช้งานที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ คือ การกลับมาชาร์จที่พักอาศัย กับปลั๊กไฟทั่วไปก็เพียงพอ มีข้อดี คือ สามารถหาปลั๊กชาร์จได้ง่ายดาย (แต่เราแนะนำให้เป็นปลั๊กไฟฟ้าที่ต่อสายตรงดีกว่า ไม่ใช่ปลั๊กแบบพ่วง) ส่วนการชาร์จจากแท่นชาร์จ (หรือ WALLBOX) กับหัวจ่ายแบบ ไทพ์-2 เราพบว่า กระแสไฟฟ้าที่ป้อนเข้าสู่แบทเตอรียังคงอยู่ที่ประมาณ 2 กิโลวัตต์ชั่วโมงเช่นเดิม เนื่องจากเป็นการรองรับกระแสไฟฟ้าสูงสุดแล้วสำหรับรถรุ่นนี้
SUSPENSION ระบบรองรับ
เนื่องจากการเป็นแฮทช์แบคคันเล็ก ตัวถังค่อนข้างสูง ล้อแมกขนาดเพียง 13 นิ้ว ระบบรองรับโดยรวมจึงถูกปรับแต่งมาให้มีความหนึบแข็งไว้ก่อน ก่อนแล่นบนถนนยางมะตอยทั่วไป (เช่น บนทางด่วน) ตัวรถมีความนิ่งที่น่าพอใจในระดับหนึ่งกับช่วงความเร็ว 70-80 กม./ชม. แต่หากแล่นผ่านพื้นผิวถนนที่มีความขรุขระ หรือมีความแข็งกระด้างแบบถนนคอนกรีท ผู้โดยสารจะสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่ค่อนข้างชัดเจน (แม้จะใช้ความเร็วต่ำก็ตาม) ส่วนพวงมาลัยมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบา การตอบสนองโดยรวมมีความมั่นคงในระดับที่น่าพอใจ ในกรณีที่ใช้งานทั่วไป ไม่ใช่การหักเลี้ยวกะทันหัน สิ่งที่น่าพอใจอยู่บ้าง คือ ระยะเบรค ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. คือ 29.2 ม. แม้จะไม่ถึงกับยอดเยี่ยมมากมาย แต่ก็ทำได้ดีแล้วสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าราคาย่อมเยาคันนี้ ส่วนออพชันของระบบความปลอดภัย คือ ถุงลมนิรภัยฝั่งผู้ขับ (น่าจะมีฝั่งผู้โดยสารด้านข้างด้วย) ระบบเตือนการชนขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบเบรค เอบีเอส และระบบกระจายแรงเบรค อีบีดี สุดท้าย คือ ระบบเตือนแรงดันลมยางที่อุตส่าห์ติดตั้งมาให้ (มีแค่การเตือนเท่านั้น ไม่สามารถระบุตัวเลขความอ่อน/แข็งของลมยางได้)
อยากประเดิมรถยนต์ไฟฟ้า แต่งบจำกัด
VOLT CITY EV เป็นรถยนต์ไฟฟ้าราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยากสำหรับหลายคน และเหมาะสำหรับที่มีความต้องการ (อย่างแรงกล้า) ที่จะเริ่มต้นใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าสักคันตามกระแสนิยม อย่างไรก็ตาม ราคาที่ย่อมเยา ต้องแลกกับออพชันที่เบาบาง รวมถึงคุณสมบัติที่รถยนต์ไฟฟ้าควรมี เช่น การรองรับกระแสไฟฟ้าที่หลากหลาย ยังไม่มีในรถรุ่นนี้ เรามีความเห็นว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้เหมาะสำหรับการเป็นรถยนต์อีกคันของที่บ้าน ใช้งานสลับกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ประหนึ่งว่าเป็นการเริ่มลองใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน ทำความคุ้นเคยกับไลฟ์สไตล์ของการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความแตกต่างจากรถยนต์ปกติดั้งเดิม ภายใต้งบประมาณที่ระดับ 4 แสนบาทบวก/ลบ รองรับการใช้งานทั่วไปได้ดีพอด้วย รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้อาจเป็น “จุดเริ่มต้น” ของการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าของใครหลายคนก็เป็นได้