ประสาใจ
รักระหว่างเรียน
ระหว่างมัธยมต้น เป็นช่วงเวลาที่เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ผู้ก่อสงคราม คือ ญี่ปุ่น เปิดฉากทำสงครามกับสหรัฐอเมริกาก่อนเป็นประเทศแรก ด้วยการบอมบ์ฐานทัพเรือสหรัฐ ฯ ที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ โดยไม่มีการบอกล่วงหน้า จนกลายเป็นสงครามโลก ครั้งที่ 2
ไทยเข้าสู่ภาวะสงคราม เพราะญี่ปุ่นยกกองทัพเข้าราชอาณาจักรโดยไม่ยอมขอวีซ่า มาทางเรือรบหลายลำ ขึ้นบกหลายแห่งทางเมืองติดทะเลตอนใต้ รวมทั้งบางปู สมุทรปราการ
จอมพล ป. พิบูลสงคราม ผู้นำไทยเริ่มเห็นสถานการณ์ที่ตึงเครียดตั้งแต่ปี 2482 ชูนโยบายไทยวางตัวเป็นกลาง กรณีญี่ปุ่นมีข้อขัดแย้งกับอังกฤษ ส่งบุคคลสำคัญไปเป็นนายทหารติดต่อที่เมืองสิงคโปร์
ถึงปี 2484 รัฐบาลไทยปลุกจิตสำนึกให้คนไทย "สละชีพเพื่อชาติ" รักชาติหวงแผ่นดินอย่างเข้ากระแสเลือด วันละ 3 เวลา ก่อนอาหารและก่อนนอน ซึ่งคนไทยโดยทั่วไปไม่เคยเข้าใจว่า สงครามจะมาถึงเมืองไทยในทางไหน ไทยจะรบกับใคร
มาถึงบางอ้อ ตอนเช้ามืดของวันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม 2484 ญี่ปุ่นบุกประเทศไทย ทางภาคพื้นดินเข้าทางเขมร อีกส่วนหนึ่งเป็นการยกพลขึ้นบกที่ บางปู สมุทรปราการ, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, สงขลา และปัตตานี คนไทยในพื้นที่อันประกอบด้วย ทหาร, ตำรวจ, ยุวชนทหาร และพลเรือน ร่วมใจกันต่อต้านผู้รุกรานอย่างดุเดือด กล้าหาญ "สละชีพเพื่อชาติ" ไปหลายร้อยคน จนกระทั่งได้รับคำสั่งให้หยุดยิงจากรัฐบาลไทย
"ประชามิตร" หนังสือพิมพ์ฉบับประจำวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2484 มีบทบรรณาธิการอันน่าทึ่ง ว่าด้วยฝันร้ายของไทยจะคลายลงและอันตรธานไป หรือกดขี่ครอบงำหนักขึ้นก็ไม่มีทางทราบได้ อนาคตของไทยจะสัมพันธ์กับการเจรจาระหว่างสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ที่วอชิงตันไปในทิศทางใด ไม่มีผลกระทบ เพราะความเป็นกลางด้วยนโยบาย การธำรงไว้ซึ่งสันติภาพในแปซิฟิค และตะวันออกไกล
งานฉลองรัฐธรรมนูญ และการประกวดนางงามกำลังจะเริ่มที่สวนอัมพร ข่าวใหญ่ในด้านกีฬา คือ เสนาะ และเมืองเรือง เสียตำแหน่งผู้ชนะเลิศลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ให้กับ สวัสดิ์ บุษปฤกษ์ และบรรจง กรลักษณ์
ศาลาเฉลิมกรุง กำลังฉายภาพยนตร์เรื่อง "โคบาลทรงเครื่อง" ของค่าย พาราเมาท์ และโรงหนังโอเดียน กำลังฉาย "สมิงทะเล" ของค่าย เอมจีเอม (เมโทร โกลด์วิน เมเยอร์) นำแสดงโดย วอลเลศ เบียรีย์
ข่าวจากวิทยุบีบีซี รายงานความเคลื่อนไหวขบวนเรือลำเลียงญี่ปุ่นอ้อมแหลมคัมรานห์ เข้ามาทางอ่าวไทยในตอนค่ำ
หลังคำสั่งหยุดยิง ไทยก็ลงนามเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นในวันที่ 21 เดือนเดียวกัน และประกาศสงครามกับอังกฤษและสหรัฐ ฯ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2485
เพื่อนข้าพเจ้าเป็นเด็กอยู่นครปฐม ห่างจากกรุงเทพ ฯ ประมาณ 50 กิโลเมตร ไม่ได้รับรสชาติของสงคราม เพราะอยู่กับองค์พระปฐมเจดีย์ มีเสียงหวอดังขึ้นเมื่อไรก็ลงหลุมหลบภัยในบ้าน ได้ยินเสียงเครื่องบินรบของสหรัฐอเมริกา บินผ่านไปทางกรุงเทพ ฯ และได้ยินแต่เสียงลูกระเบิด องค์พระปฐมเจดีย์-แลนด์มาร์คนครปฐม กลายเป็นซิงเกิลเกทเวย์ของเครื่องบินรบ
กองทหารญี่ปุ่น เดินทัพผ่านหน้าบ้านเพื่อนข้าพเจ้า เพราะญี่ปุ่นต้องการสร้างทางรถไฟไทย-พม่า ยาวประมาณ 400 กิโลเมตร จากสถานีหนองปลาดุกเลาะแนวแม่น้ำแควน้อย โครงการเริ่มตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2485 แรงงานส่วนมากเป็นเชลยศึก ทั้งอังกฤษ, ออสเตรเลีย และฮอลันดา
ทางรถไฟสายมรณะ ได้ชื่อมาจาก การล้มตายของแรงงานเป็นหมื่นราย โดยเฉพาะเดือนมิถุนายน 2486 เดือนเดียว มีผู้เสียชีวิตเกินกว่า 5 พันราย
เพื่อนข้าพเจ้าอยู่กับครูผู้หญิง เมื่อสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นขณะเรียน ครูก็จะต้อนนักเรียนไปลงหลุมหลบภัยของโรงเรียน ขุดเป็นคลองดินยาวเหมือนสนามเพลาะ เพื่อนข้าพเจ้าเพลิดเพลินกับชีวิตในหลุมหลบภัย เพราะอยู่ในหลุม ขณะที่ครูยืนคุมสถานการณ์อยู่บนปากหลุม โดยไม่ได้สนใจว่าเหตุใดเพื่อนข้าพเจ้าชอบแหงนหน้าขึ้นมาทางคุณครูยืนอยู่ เพราะครูนุ่งกระโปรงและมีกางเกงในสีขาวมิดชิดเรียบร้อย
ในชั้นเรียน ครูนั่งสอนอยู่ที่โต๊ะหน้าชั้น เพื่อนข้าพเจ้าชอบทำดินสอตกจากโต๊ะบ่อยๆ เพื่อก้มลงไปเก็บพร้อมกับใช้สายตามองไปที่ใต้โต๊ะที่คุณครูนั่ง คุณครูก็ไม่สนใจ ว่าเหตุใดดินสอเรียนของเพื่อนข้าพเจ้าจึงลื่นนักลื่นหนา เพราะครูนุ่งกระโปรงสั้นแค่เข่า นั่งชันเข่าขาวๆ บนเก้าอี้ตรงมาทางนักเรียน มีภาพที่เพื่อนข้าพเจ้าดูแล้วจำเริญใจ อยากโตเร็วๆ
สงครามสงบลงเมื่อเดือนสิงหาคม 2488 อีก 3 ปีต่อมา เพื่อนข้าพเจ้าก็มาเรียนมัธยมปีที่ 7 แผนกอักษรศาสตร์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้เห็นวัดเลียบในสภาพหลังสงคราม เพราะอยู่ติดกับโรงเรียนซึ่งมีโรงเรียนอื่นใกล้เคียง ทั้ง เพาะช่าง, เสาวภา, อำนวยศิลป์ และราชินี (ล่าง)
เพื่อนข้าพเจ้ามีแฟนคนหนึ่งในโรงเรียน ไม่ได้เป็นนักเรียน แต่เป็นลูกสาวของคนขายน้ำแข็งใส่น้ำหวาน ที่นักเรียนแย่งกันซื้อเป็นประจำทุกกลางวัน เพื่อนข้าพเจ้าก็แย่งซื้อเหมือนกัน จนกระเป๋าเสื้อที่อกด้านซ้ายขาดวิ่นบางวัน และบางวันก็มีน้ำหวานกระเด็นเปื้อนติดเสื้อกลับบ้านที่ฝั่งธน
เมื่อหมวยสมัครใจเป็นแฟนเพื่อนข้าพเจ้า เพื่อนข้าพเจ้าก็เลยอภิสิทธิ์ไม่ต้องไปแย่งซื้อ ชีวิตไม่วุ่นวาย รอประเดี๋ยวหมวยก็จัดการเอาถ้วยน้ำแข็งใส่น้ำหวานมาให้ พร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนหมุนตัวกลับไปช่วยเตี่ยทำน้ำแข็งใส
ความรักของเพื่อนข้าพเจ้า มีความเย็นฉ่ำและออกจังหวะสโลว์ไปในทางหวานเย็น ในขณะชีวิตรักนักเรียนราชินี (ล่าง) เกิดในลำคลองบ้านขมิ้น ซึ่งบ้านพักของเพื่อนข้าพเจ้าอยู่ที่นั่น และหน้าที่ที่เพื่อนข้าพเจ้าต้องทำ คือ ซักผ้าให้พี่ชายซึ่งทำงานในโรงหมูตอนกลางคืน
เพื่อนข้าพเจ้าซักผ้าที่ท่าน้ำ ซึ่งน้ำในคลองสะอาดกว่าทุกวันนี้ ชุกชุมด้วยสัตว์น้ำโดยเฉพาะกุ้งแม่น้ำ นอกจากจะซักผ้าแล้ว ตกค่ำเพื่อนข้าพเจ้าชอบลงเล่นน้ำในคลอง เพื่อว่ายน้ำข้ามไปฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นท่าน้ำของนักเรียนหญิงที่เพื่อนข้าพเจ้าตั้งหน้าจีบ ความสัมพันธ์ของเพื่อนข้าพเจ้ามีแค่ลอยคอไปคุยกับเธอแล้วก็ลอยคอข้ามกลับมานอนที่บ้าน
นับว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่มีนัยน์ตาวิเศษ เพราะเธอไม่เลือกเพื่อนข้าพเจ้า และความสัมพันธ์ก็ห่างเหินไป เมื่อบ้านพักย้ายจากบ้านขมิ้นเข้าไปอยู่สี่แยกพรานนก และเพื่อนข้าพเจ้ามาเรียนวิชาการบัญชีที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จีบเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกัน
เพื่อนข้าพเจ้าจีบหนัก เพราะเริ่มดื่มเบียร์และกินเหล้าเป็น (แต่สูบบุหรี่ไม่เป็น) แต่ชีวิตรักระหว่างเรียนของเพื่อนข้าพเจ้าไม่โสภา เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ถูกจีบก็เป็นผู้หญิงที่มีดวงตาอันวิเศษ ไม่เลือกเพื่อนข้าพเจ้า แต่เลือกนักเรียนในเครื่องแบบแถวราชดำเนิน
ระหว่างเรียน เพื่อนข้าพเจ้าทำงานเป็นสมุห์บัญชีโรงภาพยนตร์ควีนส์ วังบูรพา อันเป็นโรงภาพยนตร์ชั้นหนึ่งในสามโรงภาพยนตร์ของวังบูรพา การบริการคนดูหนังสมัยนั้น จะมีพนักงานผู้หญิงประจำทั้งชั้นล่างและชั้นบน ถือไฟฉายเพื่อนำคนดูหนังไปนั่งตามเบอร์เก้าอี้
เพื่อนข้าพเจ้าจีบพนักงานผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกใจ ชีวิตรักในโรงหนังเพื่อนข้าพเจ้าสดชื่นเมื่อมีโอกาสได้นั่งสามล้อถีบไปกับเธอ จากวังบูรพาไปถึงสามย่าน ผ่านสะพานกษัตริย์ศึก ระหว่างทางฝนตก สามล้อต้องลดฉากลงมาปิดทั้งคันหน้า-หลัง-ซ้าย-ขวา เพื่อป้องกันน้ำฝน เธอที่นั่งมากับเพื่อนข้าพเจ้าเป็นสาวอวบ เพื่อนก็เลยไม่รู้สึกหนาว ทั้งๆ ที่สั่นไปทั้งตัว ชีวิตของเพื่อนบนสามล้อถีบเป็นโลกส่วนตัวที่ไม่มีใครมองเห็น
เรียนจบแล้ว เพื่อนข้าพเจ้าก็ยังจีบผู้หญิงไม่เลิก ลืมคำสอนที่สอนว่าสตรีเป็นศัตรูของการเรียน เมื่อประกอบอาชีพด้วยการเขียนหนังสือก็ยังตามจีบผู้หญิงต่อไป หมดกังวลคำสอนใหม่ที่ว่า สตรีเป็นศัตรูของอาชีพ
นี่คือ "รักระหว่างเรียน" ของเพื่อนข้าพเจ้า ไม่ใช่ "รักระหว่างรบ" ภาพยนตร์ที่สร้างจากนิยายคลาสสิค A FAREWELL TO ARMS ของ เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ ว่าด้วย เลิฟแอฟแฟร์ ระหว่างนายทหารยศร้อยโทขับรถพยาบาลชาวอเมริกัน กับพยาบาลสาวชาวอังกฤษ ในสงครามโลกครั้งที่ 1...!!!
ABOUT THE AUTHOR
ข
ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2558
คอลัมน์ Online : ประสาใจ