สัญชาติชายเจ้าชู้

ผู้ชายเจ้าชู้คนแรกของโลก น่าจะเป็น อดัม ในอีเดน-อุทยานแอพเพิล อดัม ไม่ได้อยู่คนเดียวในสวนนี้ แต่ต่อมา เกิดมีหญิงอีกคนมาอยู่ด้วยชื่อ เอวา และมอบ "มวลมนุษย์ทุกซีกโลก" เป็นมรดกตกทอดถึงวันนี้ จาโกโม คาซาโนวา-ชายชาติเจ้าชู้คนหนึ่ง เชื้อสายอิตาเลียน ดังเพราะระบบ อดัม-เอวา สมัยกึ่งพุทธกาล ผมได้ยินว่า ผู้ชายเจ้าชู้ของโลกมีเยอะ คาซาโนวา, ดอน ฮวน, รอเบิร์ท เทย์เลอร์, มาร์ลอน บแรนโด เหล่าหล่อขั้นเทพทั้งสิ้น ถึงวันนี้ โลกก็ไม่ได้ขาดหายเหล่าหล่อขั้นเทพแต่ประการใด คาซาโนวา ไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้ประการเดียว เขามีความรู้ เป็นทั้งนักเขียน นักดนตรี นักบวช และเป็นพลเมืองคนหนึ่งของสาธารณรัฐเวนิศ อัตชีวประวัติของเขา "STORY OF MY LIFE" สะท้อนภาพเป็นอย่างดี ถึงขนบประเพณีและพฤติกรรมขั้นพื้นฐานในสังคมมนุษย์สมัยศตวรรษที่ 18 ว่าไปแล้ว เขาคือบิดาแห่งคำว่า "นักนิยมสตรี" (WOMANIZER) เป็นคนเข้าถึงพระราชวงศ์, เข้าถึงสมเด็จพระสันตะปาปา และคาร์ดินัล บุคคลที่เขาคบหาสมาคมด้วยก็เป็นคนดังทั้งสิ้น เช่น โวลแตร์, เกอเธอะ และโมซาร์ท ชีวิตบั้นปลายเป็นบรรณารักษ์ หอสมุดเคาน์ท์ วัลด์ชไตน์ ที่โบฮีเมีย อันเป็นสถานที่ซึ่งเขาใช้เขียนอัตชีวประวัติ "HISTOIRE DE MA VIE" ดังกล่าว คาซาโนวา เกิดที่เวนิศ ปี 1725 บิดาเป็นนักแสดงและศิลปินเอกในด้านเต้นรำทำกิน ส่วนมารดาก็เป็น ศิลปินหญิง ยุคสมัยที่ คาซาโนวา ลืมตามองดูโลก เป็นยุคสมัยที่เวนิศได้รับชื่อเสียงเป็น "สวรรค์นาครแห่งยุโรป" ไม่มีหัวเมืองใดจะสุขสราญรมย์เท่าเวนิศ บ้านเมืองซึ่งปกครองด้วยงานทางการเมืองและศาสนา ประทับใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะชนเผ่าเมืองผู้ดี เวนิศยุคนั้นมีคาสิโนยิ่งใหญ่ชื่อ CARNIVAL นักการพนันที่เข้าไปพักผ่อนตระหนักดีทุกรายว่า หญิงสาวที่แจกไพ่เด็ดสะระตี่ คือ มวลคณิกาชั้นสูง หนึ่งในนักพนันที่ว่านี้ คือ คาซาโนวา ผู้อาบและกินสิ่งแวดล้อมทางสังคมในคาสิโนแห่งนี้อย่างชุ่มโชกจนมีชื่อเสียง ใน "วาสิษฐี" เราอาจได้ยินสำนวน "รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม" แต่สำนวนในเวนิศ คือ "ดังสะท้านโลกปานคาซาโนวา" บิดาของเขาถึงแก่กรรมเมื่อเขาอายุ 8 ขวบ เขาจะร้องไห้อย่างไรไม่รู้ รู้แต่ว่าตัวเขาเองนั้นรู้สึกไม่ได้รับการดูแลจากบิดามารดาเท่าที่ควร จนเขามีคำอ้าง "รังแต่จะไล่ผมออกนอกบ้าน" ดังนี้ วิถีชีวิตของชายรูปงามจึงเป็นชีพจรลงเท้า บาทหลวงกตซี คือ ครูคนแรกของ คาซาโนวา เป็นผู้ให้ทั้งคำสอนเชิงวิชาการ และการเล่นไวโอลินระดับ "ครูเอื้อ สุนทรสนาน" ชีวิตขั้นมัธยมต้นของเขาจึงอยู่กับบาทหลวงผู้นี้ คาซาโนวา วัยทีนเอจ เริ่มกระทำบาปแบบ อดัมและเอวา ที่นี่ เพราะบาทหลวงมีน้องสาวคนเล็กคนหนึ่งชื่อ เบตตินา แอบกระทำ อดัม-เอวา ตั้งแต่ คาซาโนวา อายุ 11 ขวบ เบตตินา นอกจากสวยแล้วยังอารมณ์ดี และเป็นผู้หญิงที่ตีแตกเรื่องโรแมนทิค บันทึกความทรงจำในอัตชีวประวัติของเขาตอนนี้ บรรยายว่า "...หล่อนทำให้ผมเพลิดเพลินเจริญใจโดยผมไม่มีเวลาหาเหตุผล หล่อนทำให้ผมรู้จักคำว่าเร้าอารมณ์ และหล่อหลอมชีวิตผมในด้านแรงปรารถนา..." เบตตินา แต่งงาน แต่ชีวิต อดัม-เอวา ระหว่าง คาซาโนวา กับเบตตินา ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ตอนอายุ 12 ปี คาซาโนวา เข้าศึกษามหาวิทยาลัยปาดัว สำเร็จปริญญาทางนิติศาสตร์บัณฑิตในเวลา 5 ปี ซึ่งผู้หลักผู้ใหญ่ทุกคนมองว่า อนาคต คาซาโนวา จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายให้กับวัด 5 ปีในมหาวิทยาลัย คาซาโนวา ไม่ได้ปริญญานิติศาสตร์บัณฑิตอย่างเดียว แต่ได้วิชาสาขาการพนันเข้ามาด้วย โดยภาคปฏิบัติของวิชาสาขานี้บันดาลให้เขามีหนี้สินล้นพ้นตัว ทำให้คุณย่าของเขาต้องเรียกตัวกลับเวนิศ ในเวนิศ ชายหนุ่มรูปงาม "TALL AND DARK" วัย 18 ปี เริ่มประกอบอาชีพเป็นทนายความให้กับวัด มีสถานภาพเป็นบาทหลวง รับคำสั่งโดยตรงจากพระราชาคณะแห่งเวนิศ เป็นกาลเวลาที่ คาซาโนวา เริ่มค้นหาความหลากหลายในการเร้าอารมณ์กับเพศตรงข้ามอย่างถึงพริกถึงขิง โดยเฉพาะการล้มหมอนนอนเสื่อกับ 2 หญิงสาววัย 14 ปีคนหนึ่ง กับวัย 16 ปีอีกคน ชื่อ นาเนตตา กับมารีอา เรื่องล้มหมอนนอนเสื่อกับผู้หญิงของ คาซาโนวา เป็นเรื่องลับ แต่มันฉาวด้วยตัวของมันเอง อาชีพที่เกี่ยวพันกับวัดจึงยุติ เขาเปลี่ยนอาชีพใหม่ สมัครเป็นทหารเกณฑ์แบบไม่กลัวชำรุดความหล่อขั้นเทพ ซึ่งกองทัพสาธารณรัฐเวนิศ ตั้งให้เขาเป็นนายทหาร เข้าลอคผู้ชายรูปหล่อ เพราะเครื่องแบบนายทหารที่ คาซาโนวา เน้นความยาวของดาบเป็นกรณีพิเศษ แถมตัดผมสั้นใช้หางเปียเทียม วางมาดชาติเจ้าชู้ด้วยคทางาม คาซาโนวา ทำให้เวนิศทั้งเมืองไม่เคยหลับไหล อายุ 21 ปี คาซาโนวา ก็ชีพจรลงเท้าอีก เลิกเป็นนายทหาร เปลี่ยนอาชีพใหม่ คือ ตั้งหน้าเล่นการพนันในคาสิโนอย่างเดียว ซึ่งที่สุดก็เรียบร้อยตามคำขวัญของคาสิโนที่เขียนเตือนใจนักพนันทั้งหลายว่า "YOU CAN'T WIN THEM ALL" หมดเนื้อหมดตัว ต้องไปรับจ้างเป็นนักเล่นไวโอลินประจำโรงละครซาน ซามวลเล แทบเอาตัวไม่รอด แต่ดวงยังดี คืนหนึ่งนั่งเรือกอนโดลากลับบ้านเช่า ในเรือมีชนชั้นสูงโดยสารอยู่ด้วยคนหนึ่ง หลังเสร็จงานเลี้ยงพิธีสมรส เกิดอาการไม่สบายเลือดออก เรือต้องหยุดพาย หมอถูกเรียกมาดูแล แต่ คาซาโนวา กลายเป็นผู้ช่วยชีวิต เพราะแสดงความเห็นขัดแย้งกับหมอที่มาบำบัดอาการ คาซาโนวา ได้พ่อยกก็ครั้งนี้ ได้อยู่ในอาคารรโหฐานของท่านวุฒิสมาชิก ในฐานะผู้ช่วยทางกฎหมายของตระกูลบรากาดิน ชีวิตของ คาซาโนวา ขยับฐานะเป็นผู้ดี เสื้อผ้าอาภรณ์ของเขากลับมางดงามระยิบอีกครั้ง คาซาโนวา ถูกสาวเวนิศคนหนึ่งฟ้องข้อหาข่มขืน แต่ทนายความอย่างเขาทำให้คดีจบลงด้วย ศาลยกฟ้องเพราะไม่มีหลักฐาน แต่หนุ่มรูปงาม เผ่นกระจุยถึงปาร์มา ไปถึงปารีส หญิงสาวชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อ อองเรียตเต รับบทแม่ยก คาซาโนวา อยู่ 3 เดือน กล่าวกันว่า สตรีรายนี้เป็นคนเดียวที่มอบความรักอันลึกซึ้งแก่เขา ในอัตชีวประวัติ คาซาโนวา บันทึกไว้ว่า "...ใครก็ตามที่เชื่อว่า สตรีสามารถทำให้บุรุษเพศมีความสุขได้ตลอด 24 ชั่วโมง แสดงว่าใครคนนั้นไม่รู้จักสตรีที่ชื่อ อองเรียตเต จิตวิญญาณของผมพบสัจธรรมระหว่างอ้อมกอดของหล่อนในคืนหนึ่ง...โอ้โห พระเจ้าเป็นพยาน...รสนิยมแห่งความเป็นธรรมชาติล้นหลั่งออกมาจากมันสมองของ อองเรียตเต อย่างถูกต้อง ทุกกระบวนท่า..." ก่อนคำอำลา อองเรียตเต แอบใส่เงิน 500 หรียญทองลงกระเป๋า คาซาโนวา (LOUIS D'OR เป็นเหรียญทองฝรั่งเศสใช้ในยุค 1640-1795) และนั่นคือ ราคาที่หล่อนประเมินค่าความเป็นชายของชายที่หล่อนรักใคร่ คาซาโนวา ใช้ชีวิตอยู่ปารีส 2 ปี ตำรวจฝรั่งเศสทำงานหนัก เพราะ คาซาโนวา เล่นกับความรักเคียงขนานไปกับการเรียนรู้ภาษาฝรั่งเศส สุดท้ายถูกจับที่อิตาลี ติดคุก แต่หาทางหนีจากคุกสำเร็จ เสียค่าเบี้ยใบ้รายทางไปไม่มาก เผ่นกลับปารีส คราวนี้ใหญ่โตอาศัยบารมีเพื่อนเก่าเข้าถึงตัว รัฐมนตรีคลังของฝรั่งเศส จนได้ทำงานในสำนักงานสลากกินแบ่ง เป็นนิติกรรัฐที่สง่าผ่าเผย มีสงครามเกิดในปี 1755-1764 เรียกว่า "SEVEN YEARS WAR" เป็นผลทำให้ลอตเตอรีของ คาซาโนวา ขายดี ช่วยการเงินการคลังของฝรั่งเศสอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยเฉพาะการซื้อขายตราสารของรัฐ เป็นปีเงินปีทองของ คาซาโนวา ทว่า คาซาโนวา หมดตัวอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะดันไปทำตัวเป็นนักลงทุน เจ๊งไม่เป็นท่า หนี้สินกองพะเนิน ติดคุก 4 วัน เพราะผู้ใหญ่ช่วย คาซาโนวา ตายปี 1798 เมื่อ 4 มิถุนายน ขณะอายุได้ 73 ปี ภาษาพูดสุดท้ายของเขา คือ "ข้ามีชีวิตอยู่เยี่ยงนักปราชญ์ราชบัณฑิต และตายเยี่ยงคริสตชน"