มาตรวัดตลาดรถ
น่าจะดีทั้งปี
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม 2017/2016
ตลาดโดยรวม,+10.5 % รถยนต์นั่ง,+20.4 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV),-9.1 % รถอเนกประสงค์ (MPV),+113.3 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ,+7.0 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ,+25.6 % อื่นๆ,+1.9 % [/table] เริ่มต้นปีใหม่กันด้วยข่าวดี เมื่อยอดการขายรถยนต์เดือนมกราคม เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 10.5 % ขายกันได้ 57,254 คัน แถมด้วยข่าวดีหลากหลาย ทั้งเรื่องการส่งออก และการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อันจะทำให้เม็ดเงินสะพัดหลากหลายวงการ ที่มีแววว่าจะเป็นข่าวดีต่อไปตลอดปี ในเมื่อเป็นเรื่องที่ดี ก็ไม่น่าจะต้องเริ่มวิตกกังวลกันตั้งแต่ต้นปี เรามาลองดูความเห็นของภาคเอกชนกันบ้าง เริ่มกันที่เรื่องการส่งออกรถยนต์ของบ้านเรา ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การส่งออกรถยนต์ไทย ปี 2560 นี้ อาจขยายตัวได้ 1-6 % หรือคิดเป็นจำนวนคันได้ 1,200,000-1,260,000 คัน สำหรับในปี 2559 ที่ผ่านมา ตลาดส่งออกรถยนต์ของไทยต้องเผชิญกับภาวะกดดันตลาดจากสภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวม ที่ยังคงชะลอตัว และตลาดส่งออกสำคัญที่ลดการนำเข้าลงอย่างมาก ได้แก่ ตะวันออกกลาง อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และแอฟริกา เป็นต้น ซึ่งไทยส่งออกรถยนต์ไปสูงถึง 24 % ของปริมาณรถยนต์ที่ส่งออกทั้งหมด เหตุใหญ่ที่การนำเข้ารถยนต์ที่หดตัวลงอย่างมากในภูมิภาคเหล่านี้ นอกจากจะเป็นผลมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำ เช่น น้ำมัน โลหะพื้นฐาน และสินค้าเกษตร อันเป็นสินค้าส่งออกสำคัญและมีผลกระทบต่อรายได้ประชากรในภูมิภาคโดยตรงแล้ว หลายประเทศยังต้องเผชิญกับปัญหาความไม่สงบในประเทศ และปัญหาเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อีกด้วย ส่งผลให้รถยนต์จากไทย โดยเฉพาะในกลุ่มรถพิคอัพ ที่ส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวเหล่านี้หดตัวลงอย่างชัดเจนถึงกว่า 40 % ไม่นับรวมกับรถยนต์นั่งที่หดตัวลงเช่นกัน แม้จะในอัตราที่น้อยกว่า ส่งผลให้การส่งออกรถยนต์ของไทยปี 2559 ที่ผ่านมาหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปี ที่ 1.4 % ด้วยจำนวน 1,188,515 คัน เมื่อเริ่มเข้าสู่ปี 2560 เศรษฐกิจโลกเริ่มมีทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะเดียวกันกับที่ราคาน้ำมันก็มีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นจากปีที่แล้วมาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ตลาดรถยนต์โลกมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น โดยมีการประมาณการว่าตลาดรถยนต์โลกอาจขยายตัว 1.1 % จากปี 2559 และประกอบกับค่าเงินบาทที่มีทิศทางอ่อนค่าลง ส่งผลให้สภาพตลาดส่งออกรถยนต์โดยรวมของไทยในปี 2560 นี้ น่าจะมีทิศทางที่ขยายตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากทิศทางเศรษฐกิจจีน ความไม่แน่นอนทางแนวนโยบาย และแนวโน้มการปกป้องทางการค้าของ โดนัลด์ ทรัมพ์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา รวมถึงความเสี่ยงทางการเมืองกรณีอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป และความไม่สงบในหลายประเทศ น่าจะยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดส่งออกที่สำคัญอยู่ ทำให้ต้องประเมินกันในแง่ดีกันไว้ก่อน หากพิจารณาให้ลึกเฉพาะประเทศคู่ค้าการส่งออกรถยนต์ของไทย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีมุมมองในเบื้องต้นว่า เอเชียและโอเชียเนีย ซึ่งมีสัดส่วนตลาดพอกันที่กว่า 27 % จะยังคงเป็นตลาดหลักที่สำคัญของรถยนต์ที่ส่งออกจากไทยอยู่ และมีทิศทางจะขยายตัวได้ในปี 2560 โดยประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) เป็นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะเวียดนาม ขณะที่ตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งเติบโตสูงมากในปีที่ผ่านมา คาดว่าจะยังมีโอกาสเติบโตได้ต่ออีก แม้จะอยู่ท่ามกลางกระแสกดดันของ โดนัลด์ ทรัมพ์ เช่นเดียวกับตะวันออกกลางที่แม้จะมีสถานการณ์ความไม่สงบในภูมิภาค แต่ก็ได้ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ตลาดส่งออกที่ยังคงมีความท้าทายอยู่ในปี 2560 นี้ ได้แก่ ยุโรป อเมริกากลางและใต้ รวมถึงแอฟริกา จากภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน ความนิยมของผู้บริโภคในตลาดรถยนต์ที่เปลี่ยนแปลง การเผชิญกับการลงทุนผลิตรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค และการนำเข้าจากประเทศคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น ส่วนในระยะยาวต่อไปข้างหน้า ไทยจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องมาตรการควบคุมการปล่อยมลพิษทางอากาศในยุโรป เช่น การจำกัดไม่ให้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลที่ใช้น้ำมันในบางเมือง ซึ่งจะเริ่มต้นปี 2562 และมีโอกาสที่จะขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์คันใหม่ได้ เมื่อผนวกกับการกระตุ้นการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่มากขึ้นอย่างรวดเร็วในยุโรป ก็อาจเป็นอีกประเด็นที่กระทบต่อการส่งออกรถยนต์ของไทยในอนาคตได้ แม้สภาพตลาดและโอกาสการขยายตัวในแต่ละตลาดจะแตกต่างกันไป แต่โดยรวมแล้วยังมองว่าการส่งออกรถยนต์ยังมีโอกาสขยายตัวได้ ทั้งในส่วนของรถพิคอัพ รถยนต์นั่ง และรถอเนกประสงค์ ซึ่งการขยายตัวดังกล่าวเมื่อผนวกรวมกับตลาดในประเทศที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นด้วยแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนรถยนต์ ทั้งในส่วนของตลาด OEM และตลาดอะไหล่ แต่ในสภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้นในปัจจุบัน จึงจำเป็นที่ผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับตัวให้สามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในตลาดนี้ ซึ่งการให้ความสำคัญต่อการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งเพื่อลดต้นทุนหรือเพื่อต่อยอดธุรกิจ อาจเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยให้สินค้าสามารถแข่งขันได้ และสามารถตอบโจทย์การผลิตรถยนต์สมัยใหม่ที่มีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรื่องทั้งหมดนี้ก็น่าจะส่งผลให้ตลาดรถยนต์โดยรวมของบ้านเรา เติบโตขึ้นได้ตามสภาพ เหมือนอย่างที่ประเมินกันไว้ว่าเติบโตไม่มากนัก แต่ก็เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น สำหรับในอนาคตเรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2560
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/164822