ชีวิตอิสระ
หลงเสน่ห์ "บึงกาฬ" กับความงามริมฝั่งโขง
ก่อตั้งครบ 7 ปีพอดี สำหรับจังหวัด "บึงกาฬ" แม้จะไม่นาน แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศ และธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ จึงหลั่งไหลมาเยือนไม่ขาดสาย "ชีวิตอิสระ" จะพาไปสัมผัสสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม รวมถึงตำนานลี้ลับของจังหวัดที่ 77 ของเมืองไทย
ควบ ซีอาร์-วี ตะลุยอีสานเหนือ
การเดินทางครั้งนี้ผมถือโอกาสทดสอบ ฮอนดา ซีอาร์-วี ใหม่ล่าสุดไปในตัว และพบว่าเจ้า ซีอาร์-วี ใหม่คันนี้ถูกเซทช่วงล่างมาอย่างดี รถจึงมีเสถียรภาพมั่นคงทุกช่วงความเร็ว สามารถซับแรงสั่นสะเทือนเวลาผ่านถนนขรุขระได้ดี ผมออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตามทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) มุ่งหน้าไปยังจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย และบึงกาฬ ระยะทางเกือบ 750 กม. ใช้เวลาประมาณ 9 ชม. ซึ่งเร็วกว่าที่คิดไว้ คงเป็นเพราะเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร 173 แรงม้า ที่ทำงานผสานกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ได้อย่างลงตัว รถจึงมีกำลังเร่งแซงอย่างเหลือเฟือ ขอเตือนว่า ช่วงปลายทางระหว่าง อุดรธานี-บึงกาฬ ถนนส่วนใหญ่เป็นแบบ 2 เลนสวนกัน มีหลุมบ่อมาก ควรเพิ่มความระมัดระวังบึงกาฬ ไม่ใช่ บึงกาญจน์
บึงกาฬ เคยเป็นตำบลหนึ่ง ภายใต้การปกครองของอำเภอไชยบุรี จังหวัดนครพนม ครั้นเมื่อปี 2475 มีข้าราชการจากกระทรวงมหาดไทย ตรวจพบหนองน้ำขนาดใหญ่ที่กว้างกว่า 150 ม. และยาวถึง 3,000 ม. ชาวบ้านจึงเรียกโดยทั่วไปว่า "บึงกาญจน์" ต่อมาทางราชการเปลี่ยนชื่อจาก อ. ไชยบุรี เป็น อ. บึงกาญจน์ และเปลี่ยนตัวสะกดเป็น "บึงกาฬ" รวมถึงย้ายสถานที่ทำการอำเภอมาไว้ริมแม่น้ำโขง ตรงข้ามเมืองปากซัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พร้อมถ่ายโอนการปกครองมาขึ้นกับจังหวัดหนองคาย ในปี 2537 ได้มีการร้องขอให้จัดตั้งเป็นจังหวัดบึงกาฬ ตามข้อเสนอของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเสรีธรรม จังหวัดหนองคาย โดยแยกพื้นที่อำเภอบึงกาฬ อำเภอปากคาด อำเภอโพนพิสัย อำเภอพรเจริญ อำเภอเซกา อำเภอบึงโขงหลง อำเภอศรีวิไล และอำเภอบุ่งคล้า ออกจากจังหวัดหนองคาย ต่อมาจึงได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ให้เป็นจังหวัดที่ 77 ของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 เป็นต้นมาภูทอก วิมานเทวดา
- ภาพมุมสูงของภูทอก บึงกาฬ
- นักท่องเที่ยวตัวอย่าง ต้องใส่รองเท้าหุ้มส้น
- ช่วงแรกจะเป็นบันไดไม้สูงชัน...ห้ามท้อเด็ดขาด
- ความสวยงามของทางเดินไม้บริเวณชั้น 5 และ 6 ถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่
- บริเวณชั้น 5 จะเป็นทางเดินร่มรื่นไปด้วยต้นไม้
- ทางเดินรอบเขาภูทอกบริเวณชั้น 6 ถือเป็นทางเดินที่ทั้งสวย และทั้งเสียวที่สุดของที่นี่
น้ำตกเจ็ดสี แหล่งท่องเที่ยวที่ต้องไป
ถ้าขึ้น "ภูทอก" ต้องต่อด้วย "น้ำตกเจ็ดสี" เสมอ เป็นสูตรสำเร็จของนักท่องเที่ยว เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากภูทอก นักท่องเที่ยวที่เหนื่อยล้าจากการขึ้นเขา มักจะนิยมมาแช่น้ำเย็นๆ กันที่นี่ น้ำตกเจ็ดสี เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีความสวยงามเฉพาะตัว แบ่งออกเป็น 3 ชั้น ชั้นแรกชื่อว่า "ธารเกล็ดแก้ว" เป็นธารน้ำตกขนาดใหญ่แต่ไม่ลึก เด็กๆ สามารถลงเล่นได้ ชั้นที่ 2 "ตาดเกล็ดมณี" ยังคงเป็นธารน้ำขนาดใหญ่ แต่เริ่มแบ่งชั้นเล็กๆ ระหว่างทางเดินไปชั้นที่ 3 ซึ่งคือ "น้ำตกเจ็ดสี" ทางจะลำบากขึ้นหน่อย อาจต้องเกาะเชือกไต่น้ำตก ปีนก้อนหิน แต่รับรองว่าคุ้มค่าที่จะไปแน่นอน ที่ชื่อ น้ำตกเจ็ดสี มาจากช่วงฤดูฝน ธารน้ำจากห้วยกะอาม ที่ไหลตามหน้าผาหินทรายแผ่กว้างเป็นทางยาว เมื่อละอองน้ำที่ไหลตกกระทบกับแสงแดด จะทำให้เกิดรุ้งกินน้ำสวยงาม ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า น้ำตกเจ็ดสีขึ้นภูสิงห์ พิสูจน์หินสามวาฬ
- ควบ ซีอาร์-วี ตะลุยภูสิงห์
- หินสามวาฬ หนึ่งในสถานที่เที่ยวในภูสิงห์ที่มหัศจรรย์
แก่งอาฮง-สะดือแม่น้ำโขง
- แก่งอาฮง จุดชมพระอาทิตย์ตกที่งดงาม
- สะดือแม่น้ำโขง จุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สําคัญของบึงกาฬ
แผนที่
ที่กิน
เนื่องจากมีพื้นที่ขนาบกับแม่น้ำโขง อาหารที่ขึ้นชื่อหนีไม่พ้นเมนูปลา นอกจากจะสด ยังสามารถประกอบอาหารได้หลากหลาย ผมไปติดใจรสชาติของปลาแม่น้ำโขงจากร้าน "บึงกาฬโภชนา" ในอำเภอเมือง กับเมนูต้มยำปลาแม่น้ำโขง, ปลาคังผัดฉ่า กุ้งผัดสะตอ และลาบหมูทอด รสชาติจัดจ้านอร่อยเด็ด เพราะใช้วัตถุดิบที่สด ถ้าใครผ่านไปลองรับประทานดูได้ รับรองไม่ผิดหวังที่นอน
ที่พักในจังหวัดบึงกาฬ เป็นโรงแรม และรีสอร์ทระดับ 2-3 ดาวเสียส่วนใหญ่ ผมเลือกพัก "เดอะลิตเติ้ลการ์เด้นรีสอร์ท" ในอำเภอศรีวิไล ซึ่งอยู่ใกล้กับภูทอก มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งเครื่องทำน้ำอุ่น แอร์ ตู้เย็น ทีวี ในราคาเริ่มต้นเพียงคืนละ 400 บาทเท่านั้น ถ้าใครอยากขึ้นภูทอกตอนเช้าขณะอากาศเย็นๆ แวะมาพักที่นี่ได้เลยขอขอบคุณ
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด สนับสนุนรถ ฮอนดา ซีอาร์-วี เพื่อใช้เป็นพาหนะในการเดินทางABOUT THE AUTHOR
วิธวินท์ ไตรพิศ
ภาพโดย : เกรียงสัก ปันสมนิตยสาร 417 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2560
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)