เดือนนี้มาแปลกหน่อย เหมือนเป็นการผสมผสานคอลัมน์ “ระเบียงรถใหม่” เข้ากับรายงานข่าว “มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ” เพราะนำเรื่องราวของรถใหม่ซึ่งปรากฏตัวในงาน IAA MOBILITY 2021 มาเล่าสู่กันฟัง งานที่ว่านี้ ซึ่งต่อจากนี้ไปจะเรียกว่า มหกรรมยานยนต์มิวนิค จัดขึ้นที่นครมิวนิคของเยอรมนี ระหว่างวันที่ 7-12 กันยายน 2021 เป็นงานรถยนต์รายการใหม่ ที่ VDA (VERBAND DER AUTOMOBILINDUSTRIE) หรือสมาคมอุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมนีจัดแทนงานดั้งเดิม คือ IAA (INTERNATIONALE AUTOMOBIL-AUSSTELLUNG) หรือ มหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทที่มีขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนกันยายน 2019 แล้วก็เลิกจัดไปว่ากันอย่างตรงไปตรงมา นี่คือ งานเดิม เพียงแต่ย้ายสถานที่จัดงาน อย่างไรก็ตามเนื่องจากสถานการณ์ของวงการรถยนต์โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก รูปแบบการจัดงานจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนตามไปด้วย ปัญหาไวรัส COVID-19 ทำให้คณะของเราไม่อาจเดินทางไปทำข่าวงานนี้ได้ เมื่อไม่มีโอกาสสัมผัสงานด้วยตัวเอง จึงบอกได้แต่เพียงว่า เป็นงานที่ไม่ได้จัดอยู่ในสถานที่เดียว แต่พื้นที่จัดงานกระจัดกระจายไปหลายจุดของเมือง รถยนต์ที่จัดแสดงก็มีอยู่เพียงไม่กี่ยี่ห้อ รถเยอรมันอย่าง AUDI-BMW-MERCEDES-PORSCHE-SMART-VOLKSWAGEN นั้นขาดไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนรถต่างชาตินับจำนวนได้ด้วยนิ้วมือ เพราะมีไม่กี่ราย ตัวอย่าง คือ RENAULT ของฝรั่งเศส POLESTAR ของสวีเดน และ ORA กับ WEY ของสาธารณรัฐประชาชนจีน เริ่มกันที่ AUDI GRANDSPHERE (เอาดี กแรนด์สเฟียร์) ตัวเด่นของค่าย “สี่ห่วง” ซึ่งปรากฏตัว “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ เป็นหนึ่งในบรรดารถแนวคิดจำนวน 3 คัน ที่ค่ายนี้รังสรรค์ขึ้นเพื่อบ่งบอกทิศทางการออกแบบรถพลังไฟฟ้า คันแรกซึ่งมีชื่อว่า AUDI SKYSPHERE (เอาดี สกายสเฟียร์) เปิดตัวไปแล้วที่รัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อเดือนสิงหาคม 2021 ส่วนอีกคัน คือ AUDI URBANSPHERE (เอาดี เออร์เบินสเฟียร์) จะเปิดตัวตอนกลางปี 2022 เฉพาะคันนี้เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของ PRIVATE JET FOR THE ROAD หรือเครื่องบินเจทเช่าเหมาลำที่วิ่งได้บนถนน และเป็นแม่แบบของรถเก๋งสุดหรู AUDI A8 รุ่นใหม่ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2024 ตัวถังซึ่งยาว 5.35 ม. กว้าง 2.00 ม. และสูง 1.39 ม. ออกแบบ/พัฒนาโดยใช้พแลทฟอร์ม PPE (PREMIUM PLATFORM ELECTRIC) ที่ร่วมกันพัฒนากับค่าย PORSCHE (โพร์เช) ติดตั้งประตูข้างที่เปิดแยกจากกันโดยไม่มีเสาค้ำยันกลางเหมือนประตูตู้กับข้าว ภายในห้องโดยสารออกแบบตกแต่งให้นั่งได้อย่างสบายเหมือนนั่งอยู่ในเลาจ์น์หรูๆ เก้าอี้ที่นั่งสามารถเอนพนักพิงได้มากถึง 60 องศา ที่น่าทึ่งมาก ก็คือ ระบบปรับอากาศ และเก้าอี้ที่นั่งจะปรับสภาพให้สอดรับกับผู้โดยสารแต่ละคนโดยอัตโนมัติทันทีที่หย่อนตัวลงบนเก้าอี้ นอกจากนั้น เนื่องจากออกแบบให้มีคุณสมบัติ LEVEL 4 AUTONOMOUS DRIVING หรือวิ่งได้ด้วยตัวเองบนถนนที่จัดทำโครงสร้างรองรับต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อก้าวเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร จึงมองไม่เห็นพวงมาลัย จอภาพ และอุปกรณ์บังคับควมคุมต่างๆ เหมือนรถทั่วไป สิ่งเหล่านี้จะปรากฏตัวให้เห็นก็ต่อเมื่อจะเริ่มการขับรถ เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ให้กำลังรวมสูงสุด 530 กิโล-วัตต์/721 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 960 นิวตัน-เมตร/98.0 กก.-ม. ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีขนาด 120 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งการชาร์จไฟเพียง 10 นาที จะทำให้รถวิ่งได้ไกลกว่า 300 กม. และการชาร์จไฟร้อยละ 5-ร้อยละ 80 ก็จะใช้เวลาไม่ถึง 25 นาที กรณีชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งได้ไกลมาก คือ ไกลกว่า 750 กม. เป็นรถสุดหรู และไฮเทคที่สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4 วินาทีมีเศษ ส่วนความเร็วสูงสุดต้องมีการจำกัดเพื่อให้รถวิ่งได้ไกล แต่ไม่ได้บอกว่าจำกัดแค่ไหน ?